แหลมฉบัง-ศรีราชาขึ้นแท่นเมืองอนาคตแห่งการลงทุน

Kanchana Paha4 มี.ค. 2559

KnightBridge Sriracha

บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ: หากเอ่ยถึงศักยภาพของทำเลแหลมฉบัง-ศรีราชา แม้จะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มากใน จ.ชลบุรี แต่ด้วยความที่เป็นพื้นที่ที่มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งทั้งของภาครัฐและเอกชน จึงทำให้เป็นเมืองเล็กที่มีศักยภาพสูงมาก ยิ่งในอนาคตภาครัฐยังมีแผนพัฒนาระบบคมนาคมทั้งทางรางและทางถนนอีกหลายโครงการจะยิ่งส่งผลบวกให้กับศรีราชาในอนาคต

ปัจจุบันนอกจากนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีสินค้าผ่านท่าในปี 2557 กว่า 3,500 ล้านตู้คอนเทนเนอร์ (ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต: Twenty Foot Equipment Unit หรือ TFU) ทำให้ศรีราชากลายเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเมืองท่าที่ใหญ่ติดอันดับ 22 ของโลก ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายแหลมฉบังเฟส 3 ด้วยเม็ดเงินลงทุน 35,000 ล้านบาทระหว่างปี 2559-2562 ซึ่งจะทำให้การขนส่งทางเรือผ่านท่าเรือแห่งนี้เพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านตู้ต่อปี

Laem Chabang Phase3

ด้านการลงทุนภาครัฐ ในอนาคตจะมีโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเทียบเรือน้ำลึกทวาย เพื่อให้ระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะยิ่งเพิ่มศักยภาพให้กับแหลมฉบังและส่งผลบวกไปยังพื้นที่ใกล้เคียง โดยโครงการรถไฟดังกล่าว ญี่ปุ่นสนใจร่วมพัฒนารถไฟ 2 เส้นทาง คือ กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ ระยะทาง 574 กิโลเมตร เป็นรถไฟทางคู่ราง 1 เมตร เน้นขนส่งสินค้าเป็นหลักจากการเชื่อม 2 ท่าเรือ คือ ท่าเรือทวาย (ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ฝั่งเมียนมาร์) กับท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 98,000 ล้านบาท

ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ยังได้เสนอขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-ศรีราชา- แหลมฉบัง ระยะทาง 78 กม. คาดว่าจะใช้งบลงทุน 5,850 ล้านบาท ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว พร้อมกับได้รับการบรรจุไว้ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ.2550-2554 โดยรถไฟทางคู่ เพื่อการขนสินค้า จะเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพของการขนส่งทางรถไฟในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก

โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง “กรุงเทพฯ-ระยอง” มีแนวเส้นทางพาดผ่าน 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มีระยะทางรวม 193.5 กิโลเมตร มีทั้งหมด 6 สถานี ได้แก่ ลาดกระบัง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา และระยอง คาดว่าใช้เงินลงทุนทั้งโครงการ 152,000 ล้านบาท วางแผนใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 54 เดือน (ประมาณ 4 ปีกับอีก 5 เดือน)

นอกจากนี้ ยังมีมอเตอร์เวย์สายใหม่ “พัทยา-มาบตาพุด” เวนคืนราว 2,000 ไร่ คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 20,200 ล้านบาท แบ่งเป็น งบก่อสร้าง 14,200 ล้านบาทและเวนคืน 60,000 ล้านบาท โดยช่วงชลบุรี-พัทยา จะแล้วเสร็จประมาณปี 2560 ซึ่งจะช่วยขยายช่องทางการจราจรเพิ่มจากเดิม 4 ช่องทางจราจรเป็น 6 ช่องทางจราจร ปัจจุบันปริมาณการจราจรทั้งสาย 7 (มอเตอร์เวย์) และสาย 9 (กาญจนาภิเษก) เฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 – 100,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้น 10 –15% ต่อปี

Pattaya-MabTaphut motorway
โครงการศึกษาความเหมาะสมทางพิเศษสายบูรพาวิถี-พัทยา รองรับรถบรรทุกขนส่งสินค้าขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มปริมาณการจราจรในอัตราที่ค่อนข้างสูงขึ้นในอนาคต เพื่อต่อขยายโครงข่ายทางพิเศษบูรพาวิถีไปยังนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง รวมทั้งชายหาดบางแสน และเมืองพัทยา งบลงทุน 69,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งบก่อสร้าง 60,000 ล้านบาท และงบเวนคืน 9,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มปี 2560-2565

สำหรับการพัฒนาระบบขนส่งทางอากาศ ภาครัฐมีโครงการ “อู่ตะเภา” สนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในปี 2558 ตามนโยบายของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้สนามบิน 3 แห่ง “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา” และการคมนาคมเชื่อมโยง 3 สนามบินเข้าด้วยกัน รองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต

U Tapao Airportภาพ via utapao.com

แผนการลงทุนด้านคมนาคมของภาครัฐดังกล่าวจะยิ่งส่งเสริมภาคการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมบริเวณนี้มากขึ้น โดยปัจจุบันการที่พื้นที่บริเวณนี้มีหลายนิคมอุตสาหกรรม มีท่าเรือขนาดใหญ่ และมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก จึงเป็นเมืองแหล่งงานขนาดใหญ่ ซึ่งหากประเมินประชากรเฉพาะคนทำงานใน 5 นิคมอุตสาหกรรมใหญ่มีกว่า 1.5 แสนคน ส่วนประชากรที่มีชื่อในทะเบียนในเขตเทศบาลนครแหลมฉบังมีไม่ต่ำกว่า 70,000 คน อัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรเฉลี่ย 5 ปี เพิ่มขึ้น 26,367 คน หรือประมาณ 2% ต่อปี ขนาดครอบครัวแนวโน้มเล็กลงต่อเนื่อง โดยในปี 2557 เฉลี่ย 1.7 คนต่อครัวเรือน ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยขนาดเล็กลง

Pinthong Industrial Park Sriracha

นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองในศรีราชา ภาพ via www2.pipestate.com

รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนชลบุรีถือว่าค่อนข้างสูง โดยจากสถิติในปี 2556 รายได้ต่อหัวของคนชลบุรีอยู่ที่ 457,845 บาทต่อคนต่อปี หรือประมาณ 38,000 บาทต่อคนต่อเดือน เติบโต 9% ต่อปี ซึ่งถ้าเทียบกับทั้งภาคตะวันออกที่รายได้ต่อหัวเติบโตเพียง 2% ถือว่ารายได้ต่อหัวของคนชลบุรีเติบโตสูงมาก และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากการลงทุนสนับสนุนของภาครัฐให้เกิดเป็น Super Cluster

J-Park Sriracha

เจพาร์ค ศรีราชา ภาพ via saha-jpark.com

ด้วยหลายปัจจัยดังที่กล่าวมาทำให้ที่ผ่านมาศรีราชาขยายตัวต่อเนื่องในเชิงเศรษฐกิจท้องถิ่น และการลงทุนโครงการเชิงพาณิชย์ต่างๆ เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์และร้านอาหาร-บริการของภาคเอกชน ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยสูงมาก โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานว่า อาคารชุดเปิดขายใหม่ใน จ.ชลบุรีระหว่าง ต.ค. 2557 – พ.ค. 2558 มีจำนวน 6,278 ยูนิต อยู่ในเขต อ.ศรีราชา 1,248 ยูนิต หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 19% ของทั้งจังหวัดชลบุรี

Aeon Sriracha Shopping Centre

ศูนย์การค้าอิออน ศรีราชา  ภาพ via  facebook.com/AeonSriracha

นอกจากนี้ การที่มีสถาบันการศึกษาชั้นนำในบริเวณใกล้เคียงอย่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ที่มีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนกว่า 10,000 คนต่อปี และปัจจุบันยังมีชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่อาศัยในศรีราชาจำนวนมากด้วย ทำให้เกิดความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยสูงมากเช่นกัน โดยหากเป็นกลุ่มนักศึกษาในปัจจุบัน อัตราค่าธรรมเนียมหอพักในมหาวิทยาลัยก็ถือว่าค่อนข้างสูง แบ่งเป็นช่วงภาคต้น ห้องพัดลม 4,750-6,000 บาทต่อคน ห้องติดแอร์ 5,900-7,500 บาทต่อคน ช่วงภาคปลาย ห้องพัดลม 4,275-5,400 บาทต่อคน ห้องติดแอร์ 5,310-6,750 บาทต่อคน และช่วงภาคฤดูร้อน ห้องพัดลม 2,375-3,000 บาทต่อคน ห้องติดแอร์ 2,950-3,750 บาทต่อคน

ขณะที่กลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่น ปัจจุบันมีเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์และโรงแรมเปิดให้บริการเช่าระยะยาว แต่อัตราค่าเช่าค่อนข้างสูง 40,000-60,000 บาทต่อเดือน จึงทำให้เริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อขายเจาะนักลงทุนซื้อปล่อยเช่ากลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่น เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใกล้เคียงกับเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์และโรงแรม แต่อัตราค่าเช่าถูกกว่า

Origin District

สำหรับโครงการน็อตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง-ศรีราชา ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ฝั่งทะเล ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับนักลงทุน โดยอยู่บนพื้นที่รวม 2-0-67 ไร่ เป็นอาคารพักอาศัยความสูง 36 ชั้น จำนวน 1 อาคาร รวม 534 ยูนิต ที่จอดรถประมาณ 37.3 % รูปแบบห้องชุด มีด้วยกัน 6 รูปแบบ ได้แก่ สตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 25.70 ตร.ม., 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 26.50 ตร.ม. / 26.60 ตร.ม., 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย, 1 ห้องนอน พลัส พื้นที่ใช้สอย 32.20 ตร.ม./ 32.60 ตร.ม. / 45.00 ตร.ม. คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณไตรมาส 3 ของปี 2559 และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 4 ปี 2561 ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท หรือราคาขายเฉลี่ย 70,000 บาท/ ตร.ม.

Notting Hill Laemchabang-Sriracha_per

โครงการน็อตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง-ศรีราชา

Origin Portobello

กลุ่มเป้าหมาย คาดว่าจะเป็นผู้ซื้ออยู่เอง 70% เป็นคนท้องถิ่นที่เป็นหัวหน้างานระดับกลางทำงานในนิคมอุตสาหกรรมฯ เจ้าของกิจการขนาดเล็กถึงขนาดกลางในศรีราชา กลุ่มคนทำงานวัยกลางคนที่เป็นคนโสด และกลุ่มผู้ลงทุน 30% โดยมีโอกาสที่จะปล่อยเช่าได้ในอัตราค่าเช่าเริ่มต้น 15,000 บาท/เดือน หรือ 550 บาท/ตารางเมตร อัตราผลตอบแทนประมาณ 7 – 8% ต่อปี

Notting Hill Laemchabang-Sriracha_park

 

Notting Hill Laemchabang-Sriracha_seaview

สนใจแวะชมห้องตัวอย่างได้ที่สำนักงานโครงการ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://nottinghill.origin.co.th/laemchabang/

 

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

 

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

เปิดศักยภาพทำเลแหลมฉบัง-ศรีราชา – ลิตเติ้ล โตเกียวในไทย

บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ: แม้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดอสังหาริมท

อ่านต่อ27 ม.ค. 2559