พูดเรื่องช้อปปิ้ง หลายคนหูกระดิก กระเป๋าตังค์ในมือสั่นๆๆ
ยิ่งเป็นเสื้อผ้าด้วยแล้ว คนเราต้องดูดีใช่ป่ะ..
แฟชั่นมันก็เปลี่ยนเรื่อยๆ ใช่ป่ะ…
ถ้าสวย ถ้าเซลล์ ก็ซื้อสิคะ จะรออะไร?!?
เฮ้ย..เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ!!!!!!
(วิ่งสปีดไปคว้ามือเธอที่กำลังตัวลอยเดินเข้าร้าน
พร้อมตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดัง)
ก่อนเธอจะควักตังค์ซื้อเสื้อผ้าครั้งถัดไปอ่ะ..
มาดามมี 4 ไอเดียมาให้เธอฉุกคิด
ให้การช้อปเสื้อผ้าดูฉลาด ดูคุ้ม ดูส่งเสริมฐานะทางการเงิน
ฟังดูดีมะ?
มาๆๆ ล้อมวงมาฟังกัน
1. หลัก Cost per ware คือ วิธีคิดตัวแม่ของคนช้อปอย่างฉลาด
เนี่ยแหละค่ะ คือตัววัด
ว่าอะไรถูก อะไรแพง อะไรคุ้มย่ะ!!
แปลเป็นภาษาชาวบ้าน คือ ค่าใส่เสื้อผ้าตัวนั้น “ต่อครั้ง”
คนฉลาดอย่างเรา จะมาวัดกันแค่ราคาตามป้ายไม่ด้ายยยย (เสียงสูง)
เอาราคาตั้ง แล้วหารด้วยจำนวนครั้งที่เราจะใส่มัน
จะได้ “ค่าใส่ต่อครั้ง” (Cost per ware)
ยกตัวอย่าง…..
A) เสื้อยี่ห้อซาร่าจอร์จมันยอดมาก ราคา 1,000 บาท
เธอชอบมาก เนื้อผ้าดี แพทเทิร์นเริ่ด
ใส่มันทุกสองสัปดาห์ กะคร่าวๆ ปีนึง 25 ครั้ง
ค่าใส่ต่อครั้ง คือ 1,000/25 = 40 บาท
B) เสื้อที่ซื้อจากตลาดนัด แค่ชอบนิดๆ
ซื้อเพราะถูก ราคา 200 บาท
ใส่แล้วไม่มั่น ใส่ 2 ครั้งถ้วน แล้วเอาไปยัดไว้ลิ้นชักล่างสุด
ดังนั้น ค่าใส่ต่อครั้ง คือ 200/2 = 100 บาท
เสื้อสองตัวนี้ ตัวไหนแพงกว่าคะ พูด!!!
ค่ะ…..ตัวที่สอง ตัวตลาดนัด
เนี่ยแหละ คือ วิธีวัด แบบคิดลึก ไม่ใช่บ้านๆ ว่าอะไรคุ้มค่ากว่ากัน
(มาดามไม่ได้ดูถูกของไม่มียี่ห้อ แค่ยกตัวอย่างให้มันชัด โปรดเข้าใจ)
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ : จัดการหนี้บัตรเครดิตอย่างไรให้อยู่หมัด?
2. อย่าให้ป้าย “ลดราคา SALE” มาหลอกเรา
มาดามเข้าใจค่ะ ว่าคำนี้มันทรงอิทธิพลนัก
ทำใครต่อใคร มือไม้อ่อน ขาสั่น เดินเข้าร้านแบบเบลอๆ
คุ้ยๆๆ กระบะ คว้าๆๆ จากราว
ลองก็ไม่ค่อยได้ ก็ยังจะหอบไปเข้าแถวจ่ายตังค์กันเนาะ
ตื่นค่ะ!! มาดามมาบอกให้เธอตื่นจากภาพลวงตา
เวลาซื้อนะเธอนะ..
ให้เอาลูกกะตาโฟกัสไปที่ราคาหลังลด
ราคาที่เธอต้อง “ควัก เงิน จ่าย”!!
อย่าไปสนใจราคา “ก่อนลด” หรือ “ลดกี่เปอร์เซ็นต์”
มันเป็นแค่กลยุทธ์การตลาด!!!!!
คิดใหม่ค่ะ..สมมตินะ
เสื้อตัวนึงตั้งราคา 2,000 บาท ลด 70% เหลือ 600 บาท
ให้เธอโฟกัสที่ 600 บาทเท่านั้นค่ะ
วัดกันตัวตัว เสื้อผ้าชิ้นนี้ ในภาวะปกติ
ที่โนเซลล์ โนเปอร์เซ็นต์
เสื้อแบบนี้ ผ้าแบบนี้ ปกติเธอควักเงินจ่ายเท่านี้มั้ย??
เป็นไปได้เหมือนกันนะ ที่ปกติไอ้เสื้อผ้าแบบนี้ เธอยอมจ่ายแค่ 3-400 บาท
เข้าใจรึยัง?????
3. เสื้อผ้าชิ้นนั้นมันเพิ่มหรือส่งเสริมมูลค่า “ภาพลักษณ์” ของเธอไหม
อย่าซื้อเพราะแฟชั่น เพราะดาราใส่ เพราะเพื่อนมี
ถามตัวเองด้วยความสัตย์จริง แบบนี้สไตล์นี้
มัน ใช่ เรา มั้ย?
คนเรามีภาพที่อยู่ในใจ ที่ใช่เรา ตัวตนจริง
ถ้าไม่ใช่ อย่าไปคิดว่าซื้อมาแล้วจะได้ใส่บ่อย
ใส่ไปก็ไม่มั่นใจ อาจจะพาลไปซื้ออย่างอื่นมาเสริมมาแก้อาการให้ยิ่งเปลือง
เจ็บมากี่หน สูญเสียกันมากี่ครั้งแล้ว
กับการอยากลอง แล้วได้เสื้อมาแขวนเพิ่มให้ฝุ่นเกาะเล่นๆ!
พอย้อนไปคิด cost per ware ตามข้อ 1 เอ้า..แพงไปอีก!
เจ็บซ้ำเจ็บซ้อน เจ็บซ้ำซาก พอเถอะ เธอเอ๊ยยยยย
4. จะซื้อของเข้า แล้วจะเอาชิ้นไหนออกจากบ้าน?
บ้านเธอ ตู้เสื้อผ้าเธอ โดเรม่อนประดิษฐ์ให้มันขยายได้มั้ย?
การซื้อของใหม่มายัดๆๆ เข้าไปแล้วไม่เอาของเก่าออก
จะเกิดอะไรขึ้น??
รังหนูไงคะ!!! หรือไม่ก็บ่อขยะอันใหม่ของตำบลนั้น
บ้านรกไม่ใช่เรื่องเล็กนะ
มันบ่งบอกว่าเธอจัดการชีวิตตัวเองไม่ค่อยได้
แถมพลังงานฮวงจุ้ยในบ้านก็ไม่ดี
รู้จักสัญลักษณ์ฮวงจุ้ย เสริมโชครับปี 2559
ความโชคดี สิ่งใหม่ๆ มันจะพัดผ่าน ไม่เข้าบ้านเธอเอาน่ะสิ
เคยเห็นบ้านขยะในทีวีมั้ย???
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ : รู้มั้ย? ปล่อยให้บ้านรก..ส่งผลถึงเรื่องเงินเรื่องชีวิตนะ!
คนแก่หลายคน ปล่อยวางไม่ได้ ไม่ยอมทิ้งของ
ทุกเดือน ทุกปีผ่านไป บ้านกลายเป็นที่เก็บของ
หน้าตาดีๆ อย่างเธอ คงไม่อยากอยู่อาศัยแบบนั้นเนอะ.. มาดามรู้
โอเค แค่นี้คงพอแล้วล่ะ
4 ไอเดียต้องคิดก่อนช้อปเสื้อผ้า
เพื่อให้เธอเป็นคนฉลาดเรื่องเงิน แถมมีสไตลลลลลล์
เขียนโดย : มาดามฟินนี่
Facebook : มาดามฟินนี่ Money-More-Fin
จาก AomMoney.com : http://www.aommoney.com/madamfinney/ไอเดียช้อปปิ้งเสื้อผ้า#gs.mukHGtQ