เชื่อว่า หลายคนกังวลทั้งเรื่องเศรษฐกิจกันอยู่ไม่น้อย เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และเป็นเรื่องปากท้องของเราทุกคน และปัญหาสภาวะเงินเฟ้อ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงกับในกระเป๋าของเราทุกคน ดังนั้นรู้ทันเรื่องการเงินสักนิดก็อาจช่วยชีวิต และเพิ่มมูลค่าของเงินในกระเป๋าของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราได้ไม่มากก็น้อย เพราะยังไงแล้ว “ตนก็เป็นที่พึ่งของตน” อยู่ดี
ที่มาของสภาวะเงินเฟ้อนั้นเกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยหลักๆ ด้วยกันนั่นได้แก่
ต้นทุนสินค้าเพิ่ม ทำให้ผู้ผลิตต้องปรับราคาสินค้าขึ้น สาเหตุที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อาทิ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงาน การเกิดวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติ หรือการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้ ต้นทุนการผลิตคือสิ่งที่ใช้พิจารณานโยบายกำหนดราคาสินค้าและบริการ ถ้าต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่ว่าจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้น หรือราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าต้องเพิ่มขึ้นด้วย ราคาสินค้าสูงขึ้นผู้บริโภคต้องใช้เงินมากกว่าเดิมทำให้ปริมาณเงินที่ไหลเข้าสู่ตลาดมากขึ้น
ความต้องการสินค้าเพิ่ม มีความต้องการซื้อมากขึ้น แต่ปริมาณของสินค้าไม่พอต่อความต้องการทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าและบริการอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงของปริมาณเงิน การดำเนินนโยบายการคลังของภาครัฐบาล ที่เห็นได้ชัดเจนคือนโยบาย SML, กองทุนหมู่บ้าน ที่อัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้ชาวบ้านมีเงิน ทำให้เกิดการใช้จ่ายในการบริโภคมากขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น
นั่นก็เป็นสาเหตุผลักดันให้เกิดเงินเฟ้อ ส่งผลต่อภาคการผลิตเมื่อสินค้าราคาดีขึ้นก็จะมีคนเร่งผลิตสินค้าออกมาจำหน่าย ทำให้ต้องจ่ายค่าแรงในรูปของค่าล่วงเวลา ก็จะทำให้รายได้ของพนักงานในบริษัทเพิ่มขึ้นอีก ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหมุนเป็นวัฏจักร เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเรื่อยๆ ราคาสินค้าก็สูงขึ้นจนทำให้เกิดยุคข้าวยากหมากแพงที่เป็นอยู่กันนั่นเอง
ผลกระทบจากสภาวะเงินเฟ้อ
โดยผลกระทบจากสภาวะเงินเฟ้อ นั้นจะมีผลกระทบต่อพวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบทางตรงหรือทางอ้อมก็ตามอาทิเช่น ผลกระทบที่มีต่อความต้องการถือเงินส่วนบุคคล โดยภาวะเงินเฟ้อจะทำให้ค่าของเงินลดลง เพราะเมื่อราคาสินค้าแพงขึ้น เงินเท่าเดิมแต่จะซื้อของได้น้อยลง ค่าของเงินยิ่งต่ำก็จะมีการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นนั้นเอง
ผลกระทบต่อทางรัฐบาล จริงๆ แล้วรัฐบาลมักจะได้รับประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อมากกว่าเพราะ ภาวะเงินเฟ้อจะทำให้ประชาชนมีรายได้ที่เป็นตัวเงินเพิ่มสูงขึ้น ถ้ารัฐเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า ก็จะเก็บภาษีได้มากขึ้น มีรายได้มากขึ้น ส่วนทางด้านรายจ่ายของรัฐนั้นถ้าเป็นจำนวนที่คงที่ เช่น เงินเดือน, บำนาญ, เงินสงเคราะห์ต่าง ๆ รัฐก็จะได้ประโยชน์เพราะเงินนั้นมีค่าน้อยลง นอกจากนี้ถ้ารัฐมีการกู้ยืมมากรัฐจะได้ประโยชน์ฐานะลูกหนี้ เพราะจำนวนเงินที่จ่ายในแต่ละส่วนจะมีค่าน้อยลง และเนื่องจากรัฐมีรายได้มากขึ้น การชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจึงทำได้โดยไม่ลำบากในการเก็บรักษามูลค่า
ผลกระทบที่มีต่อการกระจายรายได้ เมื่อเกิดเงินเฟ้อจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในการกระจายรายได้ของบุคคล เช่น ผู้มีรายได้เป็นจำนวนเงินคงที่ตายตัวหรือรายได้ประจำจะเสียเปรียบ เพราะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะสูงขึ้นเนื่องจากสินค้าแพงขึ้น แต่รายได้ที่เป็นตัวเงินยังคงเดิม หรือเพิ่มขึ้นน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ เช่นข้าราชการ, ผู้มีรายได้จากบำนาญ ในขณะที่ผู้มีรายได้จากกำไร หรือมีรายได้เป็นตัวเงินที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น พ่อค้า, นักธุรกิจ มักจะได้ประโยชน์เพราะสามารถขึ้นราคาสินค้าให้สูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตหรืออาจจะขึ้นราคาไปมากกว่าต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทำให้ได้กำไรมากขึ้นนั่นเอง ส่วนคนที่เป็นลูกหนี้จะได้เปรียบในขณะที่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร เนื่องจากเงินที่นำไปชำระหนี้คืนนั้นมีมูลค่าที่เล็กลง เนื่องจากค่าของเงินลดต่ำลงไปเรื่อย ๆ เพราะราคาสินค้าสูงขึ้น เงินที่ถือไว้หรือได้รับมาก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากนอนนั่นเอง
ด้านผู้ถือทรัพย์สินที่เป็นตัวเงินแน่นอน เช่น เงินสด เงินฝากประจำ หุ้นกู้ จะเสียเปรียบ เพราะเงินลดค่าลง ในขณะที่ผู้ถือทรัพย์สินที่มีราคาไม่แน่นอนมักจะได้เปรียบ เพราะราคาของทรัพย์สินมักจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ที่ดิน อาคารบ้านเรือน เครื่องมือเครื่องจักร กักตุนสินค้าจะเห็นได้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะทำให้การกระจายรายได้เป็นไปอย่างไม่ยุติธรรมมากขึ้น เพราะคนรวยจะยิ่งรวยขึ้น เช่น พ่อค้า นักธุรกิจ ผู้ผลิต และ เจ้าของกิจการ
ในขณะที่คนจนยิ่งจนมากขึ้น เช่น ลูกจ้าง, พนักงานประจำ, ข้าราชการ ซึ่งถ้าหากผู้มีรายได้ประจำเหล่านี้ได้รับความเดือดร้อนเพราะค่าครองชีพสูง ก็อาจจะดิ้นรนเรียกร้องค่าแรงงาน, เงินเดือนให้สูงขึ้น ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ นายจ้างก็จะต้องจ่ายค่าแรงงานเพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตก็จะสูงขึ้น ทำให้ต้องตั้งราคาสินค้าสูงขึ้นไปกว่าเดิม ภาวะเงินเฟ้อก็จะแรงยิ่งขึ้น และมนุษย์เงินเดือนเองเองก็จะไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงความเดือดร้อนจากภาวะเงินเฟ้อได้นั่นเอง
จริงๆ แล้วสภาวะเงินเฟ้อ นั้นเกิดขึ้นเป็นตามกลไกลทางการตลาดและภาวะของสภาพคล่องทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ดังนั้นการเพิ่มราคาของสินค้าจะต้องปรับขึ้นพร้อมกันทั้งระบบเศรษฐกิจ แต่ถ้าขึ้นเพียงอย่างเดียวหรือเพียงสองสามอย่างจะไม่ถือว่าเป็นเงินเฟ้อ แต่หากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็จะส่งผลต่อคนทั่วไป แต่หากเพิ่มขึ้นมากก็จะสร้างความผันผวนและก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการครองชีพของประชาชน ทำให้เกิดการขาดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และมีผลกระทบกับเงินในกระเป๋าของเราทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งสามารถอ่าน ให้ติดตามอ่านต่ออีก หรืออ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ DDproperty.com
บทความที่คุณอาจสนใจ เรื่อง: จ่ายหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ เสียประวัติหรือไม่
บทความที่คุณอาจสนใจ เรื่อง: 5 สิ่งควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้ออสังหาฯ ที่เหมาะกับคุณ
สามารถชมรีวิวโครงการใหม่ๆ ได้ที่นี่… เพื่อศึกษาของมูลโครงการที่คุณสนใจประกอบการลงทุน
เรื่องข้างต้นเรียบเรียงโดย วัชระ วงศ์สง่า Content Writer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ Watchara@ddproperty.com