SMARTระบุตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาปี 60 สัญญาณฟื้นรับแรงหนุนจากเมกะโปรเจกต์รัฐดึงดีมานด์พุ่ง พร้อมปรับกลยุทธ์รุกหนักตลาด CLMV เพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออก 4% ด้าน “DRT” ปลื้มรับสต๊อกสินค้าเพิ่มพร้อมลุยขยายฐานเจาะกลุ่มลูกค้าซ่อมแซมบ้านเก่าแย้มปีนี้มาแรง
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2560 ว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศโดยในช่วงครึ่งปีแรกจะเร่งบุกตลาดโครงการภาครัฐที่มีการลงทุนในโครงการต่างๆไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างถนน รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ และมอเตอร์เวย์ คาดว่ามูลค่างานภาครัฐจะขยายตัวได้ ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้งานภาครัฐอยู่ที่ 20 % ภาคเอกชนอยู่ที่ 80% อีกทั้งจะมีการทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ “อิฐมวลเบาประเภทตกแต่ง” มากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า
สำหรับการขยายตลาดกลุ่มประเทศ CLMV นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศพม่า โดยอยู่ระหว่างการเจรจาคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ การปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้การกระจายสินค้ามีความครอบคลุม และเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาบริษัทมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชาและสปป.ลาว เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยมีกระแสตอบรับที่ดีและมีออเดอร์สั่งซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่าย
“แนวโน้วตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยเป็นผลจากการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่รูปแบบต่างๆของภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตามไปด้วย สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ 330 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5 % จากปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศในปีนี้อยู่ที่ 3-4 %”
ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ กล่าวถึงภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2560 ว่าเครือข่ายร้านตัวแทนจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิมของตราเพชรที่กระจายตัวอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้เริ่มทยอยสั่งสต๊อกสินค้าวัสดุก่อสร้างเข้าร้านเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการขายสินค้าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นการสะท้อนการฟื้นตัวที่ชัดเจนและเป็นสัญญาณที่ดีหลังจากที่มีความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
“สถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ปีนี้จะมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานั้นผู้บริโภคมีเงินแต่ไม่กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย ทำให้ตลาดวัสดุก่อสร้างอยู่ในภาวะซึมๆเติบโตได้เพียงเล็กน้อย แต่หลังจากที่รัฐบาลเร่งอัดฉีดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตรได้ทยอยปรับราคาสูงขึ้น เช่น อ้อยและยางพารา ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรในต่างจังหวัดปรับตัวดี ทำให้ประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นและกล้าใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้ามากขึ้น ขณะเดียวกันห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างเร่งโหมทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งสามารถกระตุ้นความต้องการใช้สินค้าได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง”
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ประเมินว่าตลาดซ่อมแซมบ้านเก่าจะเติบโตได้ดีในปีนี้โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด ส่งผลให้ความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ที่ลูกค้านิยมนำไปใช้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ซึ่ง DRT ได้เตรียมความพร้อมรองรับโอกาสจากความต้องการสินค้าดังกล่าว โดยใช้กำลังการผลิตอยู่เกือบเต็ม 100% และเพิ่มพื้นที่กองเก็บสินค้าภายในโรงงานเพื่อสต๊อกสินค้าให้เพียงพอต่อคำสั่งซื้อของตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย >> รวมรีวิวโครงการบ้านใหม่ <<
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเตรียมความพร้อมด้านการฝึกอบรมทักษะทีมช่างติดตั้งที่พร้อมเข้าไปช่วยบริการให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ตราเพชร ซึ่งเชื่อว่าด้วยแนวทางดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของบริษัทฯ ได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากมีความพร้อมทั้งสินค้าและบริการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่ หรืออ่านรีวิวโครงการบ้านและคอนโดฯใหม่