UN หรือ องค์การสหประชาชาติ ให้ความสำคัญกับการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุมานาน เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นวัยที่เข้าสู่ช่วงหยุดพักการทำงาน ทำให้ในเชิงสังคมจะขาดแคลนแรงงาน ส่วนตัวบุคคลต้องใส่ใจเรื่องแหล่งเงินหลังเกษียณมากขึ้นเพราะอาจไม่ได้มีลูกหลานจำนวนมากช่วยแบ่งเบา หรือบางท่านอาจไม่มีเลย การตระหนักถึงภาวะสังคมผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
ระดับความเป็นสังคมสูงอายุนั้น UN (สำรวจ ณ ปี 2558) มีการแบ่งไว้ 3 ระดับ ตามสัดส่วนจำนวนประชากรสูงอายุต่อจำนวนประชากรทั้งหมด ดังนี้
สำหรับประเทศไทยเป็นนั้นถือว่า ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society มาตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่เรามีประชากรผู้สูงวัย (อายุมากกว่า 60 ปี) คิดเป็นสัดส่วน 10.4% ของประชากรทั้งประเทศ ผ่านมาจนถึงเมื่อปีก่อนคือปี 2559 ข้อมูลจาก TDRI-สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เปิดเผยว่า สัดส่วนประชากรผู้สูงวัยของไทยเพิ่มเป็น 16% มีจำนวนรวม 11 ล้านคนจากทั้งประเทศ แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่น่ากังวลเท่าความจริงที่ว่า ขั้นกว่าของ Aging Society คือ Aged Society ที่ไทยเราต้องเผชิญในอนาคต
สำนักงานสถิติแห่งชาติ คาดการณ์ไว้ว่า ประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ หรือ Aged Society ในปี 2567-2568 หรืออีกเพียง 7-8 ปีข้างหน้า โดยล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 รัฐบาลมีการออกมาตรการ 4 ข้อเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบรูณ์แล้ว ได้แก่
1. ช่วยเหลือการจ้างงานผู้สูงอายุ ให้เอกชนที่จ้างงานผู้สูงอายุสามารถนำเงินเดือนของพนักงานที่เป็นผู้สูงอายุไปหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
2. สร้างที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ จัดสร้างบนที่ดินราชพัสดุในชลบุรี นครนายก เชียงราย และเชียงใหม่
3. สินเชื่อบ้านแบบ Reverse Mortgage ผู้สูงวัยที่มีบ้าน (ต้องชำระหนี้หมดแล้ว) สามารถนำมาจำนองกับธนาคารเพื่อแลกเป็นเงินสดไว้ใช้จ่ายในช่วงเกษียณได้
4. จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อสร้างระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับให้ครอบคลุมมากขึ้น
เห็นได้ว่ามาตรการทั้ง 4 ข้อของรัฐบาลไทยมุ่งเน้นไปที่แหล่งเงินใช้จ่ายของผู้สูงอายุหลังเกษียณเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การศึกษาของ UN มองว่า การรับมือสังคมผู้สูงอายุ จะต้องมีปัจจัยอีก 3 ข้อติดตามมา ได้แก่ การดูแลสุขภาพ อายุมากแต่สุขภาพกาย ใจดี, ศักยภาพผู้สูงวัย อายุมากแต่ยังมีงานทำและเรียนรู้เพิ่มได้ และ สังคม-สภาพแวดล้อม มีสังคมเพื่อนและญาติ และใช้งานขนส่งสาธารณะได้อย่างปลอดภัย
นอกจากภาคสังคมแล้ว การจัดการภายในบ้านสำหรับผู้สูงวัยก็สำคัญเช่นกัน โดยในการออกแบบบ้าน มีรูปแบบดีไซน์อย่างหนึ่งเรียกว่า Universal Design ซึ่งหมายถึงการดีไซน์ที่คำนึงถึงผู้ใช้บนรถเข็นไม่ว่าจะเป็นคนสูงอายุหรือคนพิการสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก เช่น ในเรื่องของทางเข้าบ้าน โรงรถ ประตู ห้องน้ำ ซึ่ง Universal Design ในไทย เช่น เครือเอสซีจี มีการวิจัยและจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่ม Elder Care ออกจำหน่าย อาทิ ราวจับ เก้าอี้อาบน้ำ โถสุขภัณฑ์พิเศษ
ทางด้านอสังหาฯ ก็มีการตื่นตัวกับสังคมผู้สูงอายุมาพักใหญ่แล้ว เห็นได้จากหลายโครงการจะมีห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุ และอสังหาฯ บางบริษัท เช่น เอพี เอสซีแอสเสท พฤกษา อาจจะมีการติดตั้งวัสดุอุปกรณ์เพื่อผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โครงการเหล่านี้จะรับแนวทางออกแบบ Universal Design มาใช้ มีทางลาด ไร้ธรณีประตู ในห้องน้ำมีราวจับ ใช้ฟลอร์เดรนแทนที่แนวปูนกั้นส่วนเปียกแห้ง บางแห่งเสริมด้วยดวงไฟระบบจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ และมีปุ่มกดเรียกฉุกเฉินหลายจุดสำหรับผู้สูงวัยใช้กดเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ด้วยแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ที่กำลังใกล้เข้ามา เชื่อแน่ว่าบ้านยุคใหม่จะออกแบบอย่างใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้น รวมถึงบ้านแบบเก่าอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนการใช้สอยขนานใหญ่เพื่อดูแลผู้สูงวัยของบ้านให้ดีที่สุด
บทความข้างต้นตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร L’OPTIMUM ฉบับเดือน ตุลาคม 2560
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน