ปัญหาหนี้ครัวเรือน ณ วันนี้ มิใช่เพียงปัญหาระดับครัวเรือนอีกต่อไป แต่เรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว ซึ่งส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และต่อยอดไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจ นั่นเอง กล่าวคือ หากครัวเรือนสะสมหนี้เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับที่สูงแล้ว ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนก็จะลดลงด้วย
และในที่สุดก็จะส่งผลให้มาตรฐานการครองชีพต่ำลง เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ผลที่ตามมาคือ ความเครียด ปัญหาครอบครัว เกิดอาชญากรรมการฆ่าตัวตาย ฯลฯ
การแก้ไขปัญหาหนี้สินของครัวเรือนให้ตรงจุดนั้น ควรให้ความสำคัญกับกลุ่มครัวเรือนที่มีปัญหา และมีความเปราะบางต่อปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น กลุ่มครัวเรือนยากจน เกษตรกร เป็นต้น เพราะหนี้สินส่วนใหญ่ต้องนำมาใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อที่อยู่อาศัยและใช้จ่ายในครัวเรือน
ที่สำคัญ การให้ความรู้ด้านการเงิน ความรู้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพเสริมที่ก่อให้เกิดรายได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินรุงรังในอนาคต สำหรับปัญหาหนี้สินของครัวเรือนที่กู้มาเพื่อการบริโภคนั้น สมาชิกในครัวเรือนเองต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายด้วย โดยการสร้างวินัยทางการเงิน หรือการจัดทำบัญชีรายรับ -รายจ่าย
และเมื่อเร็วๆ นี้ ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยตัวเลขหนี้ครัวเรือนไทยมีมูลค่าเฉลี่ย 1.31 แสนบาท เพิ่มขึ้น 10% เรียกว่าสูงสุดในรอบ 8 ปี เป็นหนี้สะสมจากปีก่อน และมีการก่อหนี้เพิ่ม แต่ยังดีที่เป็นหนี้ซื้อบ้านซื้อรถ
แรงงานไทยที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท พบว่า แรงงานไทยกว่า 97% ยังมีภาระหนี้ และก่อหนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยครัวเรือนละ 131,479 บาท เพิ่มขึ้น 10.43% จากปีก่อนหน้าที่มีการก่อหนี้ 119,061 บาท หรือเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 ปี
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ได้มีการสำรวจปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นนั้น มาจากหนี้สะสมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี จึงต้องกู้ยืมเงินมาใช้จ่าย และอีกส่วนหนึ่ง มีการใช้จ่ายมากกว่าหรือเท่ากับรายได้ เพราะมีรายได้เท่าเดิม แต่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทั้งจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น มีของที่ต้องการซื้อมากขึ้น ดอกเบี้ยสูงขึ้นทำให้มีหนี้สินเพิ่ม
จำนวนหนี้ที่สูงขึ้นนี้ ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการก่อหนี้เพื่อซื้อทรัพย์สินคงทน อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่เป็นการกู้เพื่อใช้จ่ายทั่วไปเป็นหลัก
ผลการสำรวจพบว่า หนี้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระบบ และมีหนี้นอกระบบลดลง จากมาตรการของภาครัฐที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการดึงหนี้นอกระบบกลับเข้ามาอยู่ในระบบ โดยเป็นหนี้ที่อยู่ในระบบ 46.4% จากปีก่อน 39.38% เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่หนี้นอกระบบมีสัดส่วน 53.6% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 60.62% ถือว่าลดลงสูงสุดในรอบ 4 ปีเช่นกัน
ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ พบว่า ยังคงมีสูง โดยแรงงานส่วนใหญ่ 78.6% เคยผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากรายได้ไม่เพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายและราคาสินค้าสูงขึ้น จนหมุนเงินไม่ทัน
และสิ่งที่ทางรัฐบาลจะสามารถช่วยเหลือได้ ก็คือ ด้วยการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 410 บาท ภายใน 3 ปี พร้อมทั้งควบคุมราสินค้า และช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพให้สอดคล้องกับรายได้ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยเหลือผู้ว่างงาน ดูแลประกันสังคม และค่ารักษาพยาบาล ลดดอกเบี้ยเงินกู้ และให้เงินช่วยเหลือด้านสวัสดิการ เป็นต้น
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com