แม้ในกรุงเทพฯ จะมีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งมีทำเลที่ขายดีพัฒนามาเท่าไหร่ก็หมด และทำเลที่พัฒนามาดีแค่ไหนยอดขายก็ยังอืด ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA ได้สำรวจทำเลกรุงเทพฯ จากการประเมิน ณ กลางปี 2560 (สิ้นเดือนมิถุนายน) พบว่า ทำเลที่ขายดีที่สุดคือทำเลพหลโยธินช่วงต้น และทำเลที่น่าห่วงที่สุดคือ ทำเลใกล้แยกพุทธมณฑลสาย 7-ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม
พหลโยธินช่วงต้น สุดยอดทำเลขายดี
จากผลการสำรวจพบว่า ทำเลที่มียอดขายดี ได้แก่ ทำเลพหลโยธินช่วงต้น บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สะพานควาย โดยสินค้าในทำเลนี้มีแต่ห้องชุดพักอาศัย เนื่องจากราคาที่ดินสูงมาก ประมาณ 0.8-1.0 ล้านบาท/ตร.ว. ทำให้พัฒนาโครงการรูปแบบอื่นได้ยาก และพื้นที่ให้พัฒนาโครงการเริ่มมีน้อย หลายปีที่ผ่านมามีโครงการเปิดตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากเป็นทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ใกล้แหล่งจับจ่ายใช้สอย และสำนักงานจำนวนมาก ทำให้ผู้บริหารที่ทำงานอยู่ในบริเวณใกล้เคียง สนใจซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลนี้
สินค้าที่มีราคาถูก ระดับราคา 1-2 ล้านบาท ซึ่งเปิดขายมานานแล้ว มีอัตราการขายค่อนข้างช้า จากจำนวน 136 หน่วย เหลือขาย 38 หน่วย ขายได้ 72.1% หรือขายได้เดือนละ 2.2% ส่วนระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 575 หน่วย เหลือขาย 264 หน่วย ขายได้ 54.1% หรือขายได้เดือนละ 6.4%
ส่วนสินค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดคือ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 2,520 หน่วย เหลือขายเพียง 438 หน่วย มีมูลค่าสูงถึง 9,605 ล้านบาท ขายได้ 82.6% หรือขายได้เดือนละ 11.6% อีกกลุ่มคือ ระดับราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกัน 2,455 หน่วย เหลือขาย 1,145 หน่วย ขายได้ 53.4% หรือขายได้เดือนละ 18.1% ถือว่าขายได้ดีเช่นเดียวกัน
สำหรับสินค้าที่ขายได้ดีที่สุดคือ ระดับราคา 10-20 ล้านบาท จากจำนวน 655 หน่วย เหลือเพียง 310 หน่วย ขายได้ 52.7% หรือขายได้รวดเร็วถึงเดือนละ 29.7%
สินค้าที่มีอัตราขายค่อนข้างช้าคือ ระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีเพียง 10 หน่วย แต่เหลือขาย 7 หน่วย ขายได้ 30% หรือขายได้เดือนละ 5% เนื่องจากสินค้าราคาค่อนข้างสูง
สรุปสถานการณ์การขายสินค้าที่อยู่อาศัยในโซนพหลโยธินช่วงต้น มีห้องชุดพักอาศัย รวม 6,351 หน่วย มูลค่ารวม 35,244 ล้านบาท ขายแล้ว 4,149 หน่วย เหลือขาย 2,202 หน่วย ขายได้ 65.3% หรือขายได้เดือนละ 15.3%
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าที่ดินในการพัฒนาโครงการในทำเลนี้เริ่มเหลือน้อย สวนทางกับอุปสงค์ของผู้บริโภค ดังนั้น รัฐบาลจึงควรอนุญาตให้มีการก่อสร้างอาคารสูงโดยให้สัดส่วนพื้นที่ก่อสร้างต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio: FAR) สูงขึ้น
โครงการอสังหาฯ ที่ยังได้รับการตอบรับดีอยู่ ยังคงเป็นโซนใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า
สาย 7-ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ยอดขายอืด
จากผลการสำรวจ แม้ว่าในทำเลนี้มีบ้านเดี่ยวในระดับราคา 2-3 ล้าน และ 3-5 ล้าน รวม 403 หน่วย ขายได้เป็นส่วนใหญ่ถึง 80.4% แล้ว แต่การขายค่อนข้างช้า โดยเฉพาะในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ขายได้เพียงเดือนละ 0.9% เท่านั้น
บ้านแฝด ระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 34 หน่วย เหลือขายถึง 27 หน่วย ขายได้เพียง 20.6% หรือขายได้เพียงเดือนละ 0.5% เท่านั้น
ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 1-2 ล้านบาท แม้ว่าจะมีจำนวนไม่มากนักเพียง 37 หน่วย แต่ยังเหลือขายถึง 25 หน่วย ขายได้เพียง 32.4% หรือขายได้เพียงเดือนละ 1.4% เท่านั้น
ที่ดินจัดสรร ระดับราคา 1-2 ล้านบาท ในย่านนี้มีมากถึง 540 หน่วย แม้จะขายไปได้ส่วนใหญ่คือ 398 หน่วย หรือคิดเป็น 73.7% แต่ที่เหลือขายอยู่ก็ขายได้ค่อนข้างช้า เพียงเดือนละ 0.3% เท่านั้น
ตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ เป็นสินค้ากลุ่มที่ขายดีที่สุด มีจำนวน 137 หน่วย เหลือขาย 88 หน่วย ขายได้ 35.80% หรือขายได้เดือนละ 2% โดยเฉพาะระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 27 หน่วย เหลือขายเพียง 2 หน่วย มีอัตราการขายเดือนละ 4.2% ซึ่งถือว่าสูงที่สุด เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีศักยภาพจริง
สรุปสถานการณ์การขายสินค้าที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ มีจำนวนรวม 1,151 หน่วย มูลค่า 2,606 ล้านบาท เหลือขาย 361 หน่วย ขายได้ 68.60% ขายได้เดือนละ 1% ซึ่งเป็นผลมาจากที่ดินจัดสรรจำนวนมากที่ดึงให้อัตราการขายโดยรวมเป็นเพียง 1% ต่อเดือน
จากยอดขายที่ค่อนข้างช้า จึงเป็นทำเลที่น่าห่วง ทั้งผู้ที่คิดหาซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ สถาบันการเงิน และผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินด้วย ทั้งนี้ หากในอนาคตมีโครงการสาธารณูปโภคที่ดึงดูดการลงทุนมากกว่านี้ จะทำให้ทำเลนี้มีศักยภาพมากขึ้น แต่ปัจจุบันยังไม่มีโครงการที่ชัดเจนใด ๆ จากทางรัฐบาล
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
