แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์สเตชั่น บาย ไซมิส แอสเสท (Landmark At Grand Station By Siamese Asset) เป็นโครงการมิกซ์ยูส บนทำเลศักยภาพ ตรงข้ามแฟชั่นไอส์แลนด์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงแหวนรามอินทรา เพียง 400 เมตร ภายในห้องออกแบบเป็น 2 ชั้น เพดานสูง 4.15 เมตร เน้นความโปร่ง โล่ง พร้อมออกแบบห้องตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องพักสำหรับผู้สูงอายุ คนที่มีสัตว์เลี้ยงหรือห้องพักในรูปแบบ Co-living และห้องพักแบบมาตรฐาน ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งพื้นที่พักอาศัย โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และสำนักงาน ราคาเริ่มต้นเพียง 2.90 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
นอกจากการอยู่อาศัยในด้านโมเดิร์นลักชัวรี่หรูหราในเมืองแล้ว การได้อยู่อาศัยในโครงการที่เสมือนมีสวนจำลอง อยู่ภายในและล้อมรอบ ในขณะเดียวกันสามารถเข้าถึงเมืองชั้นในและสะดวกในเรื่องการคมนาคมถือเป็นการอยู่อาศัยที่ใครหลายคนอยากจับต้อง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) นำความเชี่ยวชาญที่อยู่อาศัยแนวราบถ่ายทอดสู่โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ในบรรยากาศธรรมชาติ “เดอะ ทรี สุขุมวิท 64″ ที่มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ ตร.ม. ละ แปดหมื่น นอกจากจะเป็นการอยู่อาศัยในบรรยากาศสีเขียวแล้วยังสามารถเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถีที่อยู่ห่างเพียงแค่ 300 เมตรเท่านั้น นอกจากนี้สุขุมวิท 64 และพื้นที่รอบๆ ยังมีศักยภาพต่างๆ ที่กำลังค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา
บทความนี้จะพาไปดูว่าพื้นที่แถวบีทีเอสปุณณวิถีนั้นกำลังหว่านเสน่ห์ในสายตาทั้งฝั่งผู้ประกอบการและผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยอย่างไรบ้าง รวมถึงการอยู่อาศัยใน เดอะ ทรี สุขุมวิท 64 จะถูกถ่ายทอดออกมาเช่นไร ติดตามได้เลยครับ
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: เดอะ ทรี สุขุมวิท 64 (The Tree Sukhumvit 64)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน): PS
ทำเลที่ตั้ง: ซ.สุขุมวิท 64 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง (ใกล้บีทีเอสปุณณวิถี)
เว็บไซต์: thetreecondo.pruksa.com
โทร: 1739
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2559)
พื้นที่โครงการ: 1-1-43 ไร่
ลักษณะโครงการ: คอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ 8 ชั้น 1 อาคาร
จำนวนยูนิต: 149
กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่ม middle-income หรือผู้ที่มีรายได้ระดับกลางที่ต้องการที่อยู่อาศัยติดแนวรถไฟฟ้าและอยู่ไม่ไกลจากโซนสุขุมวิทชั้นใน กลุ่มครอบครัวที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ ณ โรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore ที่ตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 64
สถานะการก่อสร้าง: ผ่านการอนุมัติ EIA และจะเริ่มก่อสร้างประมาณ กุมภาพันธ์ 2560
คาดว่าแล้วเสร็จ: ประมาณ เมษายน 2561
ลิฟท์: ลิฟท์ลูกบ้าน 2 ตัว เลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว
ที่จอดรถ: 69 คัน (46%) ไม่รวมจอดซ้อนคัน
สิ่งอำนวยความสะดวก: The Boutique Lobby & Lounge (Double volume lobby + Multi purpose), The Boutique Leisure Pool (สระว่ายน้ำ ), The Boutique Gym (Fitness), The Boutique Courtyard (Court Garden ขนาดใหญ่)
ระบบรักษาความปลอดภัย: CCTV และ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม., Keycard Access, Digital Doorlock (Samsung)
เงื่อนไขการชำระเงิน
เงินกองทุนสะสม: 600 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าส่วนกลาง: 55 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้าเป็นยอดจำนวน 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 2.2x ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: 80,000 – 110,000 บาท/ตร.ม.
รูปแบบห้อง:
1 ห้องนอน ขนาด 27.6 – 41.5 ตร.ม.
1+1 ห้องนอน ขนาด 40.8 – 41.8 ตร.ม.
2 ห้องนอน ขนาด 50.10 – 54.50 ตร.ม.
Double Volume ขนาด 86.5 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภายรวมโครงการ
แนวคิดโครงการ
แบรนด์ เดอะ ทรี ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่รองแค่เพียงแบรนด์ท็อปของโปรดักส์ด้านคอนโดมิเนียมของพฤกษา ซิกเนเจอร์ และ ไอเวอรี่ ทางพฤกษาถ่ายทอดจุดยืนของบริษัทผ่านมายังโครงการคอนโดฯ โลว์ไรส์อย่าง เดอะ ทรี ได้เป็นอย่างดี ซึ่งแบรนด์นี้น่าจะสะท้อนความเป็นสีเขียวของบริษัท ซึ่งความคิดสีเขียวนี้ถูกจัดอยู่ในหนึ่ง Visions ที่บริษัทวางไว้ ซึ่งก็คือที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมกับคำว่า Healthy & Green นั่นเอง และหากดูโลเคชั่นก่อนหน้านี้ที่ทางพฤกษาเข้าไปปั้นแบรนด์ เดอะ ทรี ส่วนใหญ่จะอยู่ในแถบชานเมืองและเน้นไปที่แนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเป็นหลัก เพื่อให้โครงการนั้นมีความล้อไปกับตัวพื้นที่ทำเลที่ต้องการดึงความเป็นธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบนั่นเอง หากเลือกการพัฒนาแบรนด์นี้ในโซนเมืองชั้นในอาจจะดูไม่ค่อยสอดคล้องเท่าไรนัก
และแล้วก็มาถึงโครงการ เดอะ ทรี ในลำดับที่ 6 ภายใต้ชื่อ “เดอะ ทรี สุขุมวิท 64″ ซึ่งอยู่ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 64 เพียง 250 เมตร และห่างจากสถานีบีทีเอสปุณณวิถีเพียงแค่ 300 เมตรเท่านั้น ซึ่งระยะทางนี้คือระยะทางเดินจริงๆ ไม่ผ่านการวัดแบบเส้นกระจัดใดๆ ทั้งสิ้น
ตัวโครงการสามารถสอดคล้องกับผังเมืองภายในซอย 64 ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอยู่ในประเภทพื้นที่สีเขียวที่สามารถเลือกพัฒนาได้แค่โครงการคอนโดฯโลว์ไรส์นั่นเอง เดอะ ทรี สุขุมวิท 64 เลือกชื่อนำหน้าเพื่อใช้เรียกส่วนต่างๆ ที่อยู่ภายในโครงการว่า The Boutique ซึ่งหมายถึง “ความพิเศษบนพื้นที่เฉพาะนั่นเอง” (Exclusive in a small scale)
คอนโดโลว์ไรส์กับเทคโนโลยีพรีคาสท์
พฤกษา นำความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรถ่ายโอนสู่การพัฒนาคอนโดฯ โลว์ไรส์โดยเลือกนำนวัตกรรมการก่อสร้างในระบบ Precast มาใช้ ซึ่งทางพฤกษาเองมีโรงงานสำหรับการก่อสร้างประเภทนี้ (Precast Concrete Factories) เป็นของตัวเองอยู่ที่จังหวัดต่างๆ ในประเทศ และแต่ละโรงงานนั้นถูกควบคุมด้วยมาตรฐานจากประเทศเยอรมนี
หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเจ้าเทคโนโลยีนี้มันดีอย่างไร? การก่อสร้างแบบพรีคาสท์จะเป็นการก่อสร้างโดยเป็นโครงสร้างแบบสำเร็จรูปซึ่งโครงสร้างเหล่านี้เกิดจากการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการคำนวน (Building Information Management) ซึ่งเจ้าสมองกลนี้จะคิดคำนวณออกมาเลยว่าต้องใช้วัสดุอะไรในปริมาณเท่าไรในการก่อสร้างโครงการหนึ่งๆ ซึ่งการคำนวนรูปแบบนี้จะช่วยลด Defect หรือข้อผิดพลาดในด้านงานก่อสร้างได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้าง ช่วยเรื่องการหมุนเงินทุนในการปิดโปรเจกต์หนึ่งเพื่อไปยังโปรเจกต์ต่อไป (Business Cycle) รวมถึงลดปัญหาด้านจำนวนแรงงานอีกด้วย เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์นี้จะคำนวณออกมาให้ด้วยว่าจะต้องใช้จำนวนแรงงานเท่าไร
นอกจากช่วยเรื่องการคำนวณด้านต่างๆ ของการก่อสร้างแล้ว วัสดุที่นำมาใช้ในระบบพรีคาสท์มีความคงทนในการต้านแผ่นดินไหว (Earthquake Resistance) ซึ่งทางพฤกษาเองก็ได้รับการการันตีจากสถาบันเทคโนโลยีของเอเชียหรือ Asian Institute of Technology นั่นเอง ดังนั้นผู้อยู่อาศัยจึงมั่นใจได้ว่าท่านจะได้อยู่อาศัยในอาคารที่มีความแข็งแกร่งทนทานต่อทุกสภาวะแน่นอน
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ สิ่งที่ทางพฤกษาต้องการมอบให้ลูกค้าทุกท่านที่เลือกไว้ใจโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทดัง Mission ของบริษัทที่ได้ถูกกล่าวไว้ว่า “Create Values for Customers” หรือให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงคุณค่าที่ทางโครงการต่างๆ ของพฤกษานั้นมอบให้
การออกแบบตัวอาคารโครงการ
เดอะทรีเลือกใช้โทนสีเลียนแบบธรรมชาติเข้ามาเป็นองค์ประกอบของการออกแบบ ตัวสีของอาคารเป็นสีน้ำตาลสลับโทนอ่อนและเข้ม มีการตกแต่งด้วย Facade หรือแผงม่านอาคารเป็นจุดๆ พื้นที่ด้านหน้าโครงการเป็นถนนซอยสุขุมวิท 64 ทิศตะวันออกของอาคารติดกับ ฮาฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ โดยด้านตะวันตกจะเป็นการไปถนนเมนสุขุมวิท ด้านตะวันออกติดโครงการ The Link Vano 64 โดยด้านตะวันออกจะเป็นการตรงไปท้ายซอย 64 ซึ่งสามารถทะลุไปยังซอย 66 ได้
ส่วนกลางที่ชื่อว่า The Boutique Courtyard จะตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของตัวอาคาร การออกแบบของอาคารตรงจุดนี้จะเป็นลักษณะตัว “U” โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางตรงจุดนี้ พื้นที่ด้านหลังจะเป็นวิวที่มองไปยังตำแหน่งของซอย 66
ยูนิตที่หันหน้าออกสู่ทางเข้าโครงการริมซ้ายของตัวอาคารจะเป็นยูนิตประเภทพิเศษที่มีเพียงแค่ 3 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งยูนิตที่ว่านี้คือ Double Volume ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 86.5 ตร.ม. โดยหนึ่งยูนิตจะกินพื้นที่สองชั้นตรงส่วนด้านหน้าของอาคารจุดนี้
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
The Boutique Courtyard (Court Garden ขนาดใหญ่)
พื้นที่ส่วนกลางตรงจุดนี้จะประกอบไปด้วย สวนหย่อม, ลานอเนกประสงค์ และ ห้องสมุดที่มาพร้อมความสูงเพดานแบบ Double Volume
The Boutique Gym
ส่วนกลางอีกตำแหน่งจะตั้งอยู่ที่ดาดฟ้าของตัวอาคาร ประกอบด้วย สวนหย่อมขนาดเล็กและสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool และ Fitness
พื้นที่สวนหย่อมจะมีการตกแต่งด้วยต้นไม้พร้อมเก้าอี้พักผ่อนจัดวางไว้ให้
ภาพจำลองพื้นที่ส่วนกลาง
The Boutique Lobby & Lounge (Double volume lobby + Multi purpose)
The Boutique Leisure Pool (สระว่ายน้ำ )
Floor Plans
ชั้น 2 จะเริ่มเป็นส่วนของพื้นที่อยู่อาศัยประกอบไปด้วย 1 bedroom 31.4 – 37.4 ตร.ม., 2 bedrooms 40.8 – 55.1 ตร.ม. จำนวนยูนิตเฉลี่ยของชั้นอยู่ที่ประมาณ 21
ชั้น 3 ห้อง Double Volume จะเริ่มที่ชั้นนี้ จำนวนยูนิตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 23
ชั้น 8 มียูนิตประมาณ 15 ยูนิตเพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้สำหรับงานระบบสระน้ำและห้องฟิตเนสจากชั้นดาดฟ้า
ชั้นดาดฟ้าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง
รีวิวห้องชุดตัวอย่างโครงการ
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
-งาน Built-in เคาน์เตอร์ครัว
-สุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าและอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำจาก Kohler
-กระจก safety ในห้องน้ำแยกระหว่างโซนเปียกและแห้ง
-ซิงค์ล้างจาน เตาและที่ดูดควัน Franke
-แอร์แขวนผนัง 1 ตัวสำหรับ 1 ห้องนอนและ 2 ตัวสำหรับ 2 ห้องนอน จาก แบรนด์ Daikin
-พื้นห้องนั่งเล่น ห้องนอน ลามิเนตหนา 8 มม.
-พื้นห้องครัว ห้องน้ำและตรงระเบียงเป็นเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม.
-ความสูงจากพื้นจรดเพดาน ห้องนอนและห้องนั่งเล่นที่ 2.55 เมตร ห้องครัว 2.4 เมตร และห้องน้ำที่ 2.3 เมตร
เริ่มกันที่ห้องประเภท 1 ห้องนอน Type 1B ไซส์ 31.6 ตร.ม. ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ 1และระเบียงส่วนตัว
ระบบรักษาความปลอดภัยก่อนเข้ายูนิตจะให้เป็นประตูพร้อม digital door lock แบรนด์ Samsung
เมื่อเปิดประตูเข้ามาส่วนแรกที่พบคือห้องนั่งเล่นที่มีขนาดพื้นที่ประมาณ 2.5 x 2.5 เมตร ซึ่งสามารถจัดวางโซฟาขนาด 3 – 4 ที่นั่งได้ อีกทั้งยังเหลือพื้นที่พอให้จัดวางโต๊ะน้ำชาขนาดกลางถึงใหญ่ได้ด้วย พื้นที่ติดกับห้องนั่งเล่นคือห้องครัวที่มีประตูกระจกบานเลื่อนแยกส่วนกัน
ฝั่งตรงข้ามตำแหน่งวางโซฟาเป็นจุดสำหรับวางทีวีที่จะอยู่ฝั่งเดียวกับห้องน้ำ ขนาดของทีวีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่ตรงนี้คือ 40 – 47 นิ้ว
งาน Built-in ใต้ชั้นทีวีมีมาให้โดยจะเป็นวัสดุหินอ่อนสีขาว
มาพร้อมลิ้นชักสำหรับจัดเก็บอุปกรณ์จำพวกรีโมท แผ่นหนัง อุปกรณ์หรือหนังสือต่างๆ
มีการเจาะรูสำหรับสายชุดต่ออุปกรณ์มายังตัวทีวี
พื้นที่ผนังด้านหลังจุดวางโซฟาของจริงจะเป็นผนังวอลเปเปอร์สีขาวเรียบ แต่ถ้าทำเป็นกระจกติดตกแต่งผนังอาจจะทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ความสูงจากพื้นจรดเพดานของห้องนั่งเล่นจะอยู่ที่ประมาณ 2.55 เมตร
ห้องครัว
ห้องครัวมีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1 x 2 เมตร โดยระเบียงส่วนตัวของยูนิตนี้สามารถเปิดออกไปได้จากห้องครัว
มีพื้นที่สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารได้สำหรับ 2 – 3 ที่นั่ง
งาน ฺBuilt-in เคาน์เตอร์ครัวโครงการให้มา เป็นผิวไม้ลามิเนต ซิงค์ล้างจานให้เป็นแบรนด์ Hafele สำหรับเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้เป็น Franke แนวประตูกระจกบานเลื่อนเป็นอลูมิเนียม
ความสูงจากพื้นจรดเพดานห้องครัวอยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร
ห้องน้ำ
ตำแหน่งห้องน้ำจะอยู่ใกล้กับกับห้องนอน สุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และอุปกรณ์ shower โครงการให้เป็นแบรนด์ Kohler ส่วน ceiling height ห้องน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร
สายชำระดูทันสมัยดี ตรงจุด shower โครงการทำประตูกระจก safety แบบผลักเปิดไว้ให้ พร้อมธรณียกกั้นระหว่างโซนเปียกแห้ง
พื้นห้องน้ำเป็นเซรามิคไซส์ 60 x 60 ซม.
*การสร้างห้องน้ำจะเป็นในลักษณะของ Prefabricated Bathroom นั่นคือจะมีบล็อกโครงสร้างเดียวกันทั้งหมดซึ่งบล็อคนี้ถูกคำนวณและออกแบบโดยระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งนำมาสู่การออกแบบที่สวยงามและลดปัญหาด้านโครงสร้าง (defect) ลง จึงสามารถมั่นใจเรื่องคุณภาพด้านโครงสร้างได้เป็นอย่างดี
ห้องนอน
ห้องนอนมีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2 x 2 เมตร พร้อมหน้าต่างบานเลื่อนกระจกด้านข้างเตียง ceiling height จะเท่ากับห้องนั่งเล่นนั่นคือ 2.55 เมตร
หากเลือกจัดวางเป็นเตียงขนาดใหญ่จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงค่อนข้างน้อย แนะนำว่าปล่อยเปลือยแล้วติดตั้งทีวีเป็นแบบแขวนผนังจะดีกว่า (ฺBuilt-in ชั้นวางหินอ่อนเป็นเพียงแค่การตกแต่งห้องตัวอย่าง)
หน้าต่างกระจกบานเลื่อน มีรางเลื่อนเป็นสแตนเลส
1 Bedroom Plus Type 1C3-M ขนาด 40.8 ตร.ม.
ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 โซนนั่งเล่น 1 โซนรับประทานอาหาร 1 ห้องครัว 1 ห้องน้ำ และระเบียงส่วนตัว
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโซนนั่งเล่นที่มีขนาดใกล้เคียงกับห้องตัวอย่างก่อนหน้านั่นคือ 2 x 2 เมตร เช่นเดียวกันสามารถจัดวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ
ฝั่งตรงข้ามจุดวางโซฟาโครงการให้ไอเดียเป็น Built-in หินอ่อนชั้นวางทีวีและชั้นวางของเหนือทีวี
แอร์ที่ให้จะเป็นของ Daikin ขนาดประมาณ 13,000 BTU
โซนรับประทานอาหารมีขนาดใกล้เคียงกับโซนนั่งเล่น ซึ่งสามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ประมาณ 4-5 ท่าน โดยโซนนี้จะตั้งอยู่ด้านหน้าของห้องอเนกประสงค์
พื้นที่ระหว่างสองโซนอยู่ติดกันสามารถนั่งทานข้าวพร้อมดูทีวีไปได้ การตกแต่งผนังด้านหลังที่เป็นกระจกเป็นเพียงไอเดียตกแต่งของโครงการ
ริมขวามือของห้องจะเป็นประตูบานเลื่อนที่เปิดไปเป็นห้องครัว
Ceiling height อยู่ที่ 2.55 เมตร
ห้องอเนกประสงค์
ห้องนี้ทางโครงการเลือกแต่งเป็นห้องนั่งเล่นอีกห้อง แต่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนเพิ่มอีกห้องได้ ขนาดของห้องนี้มีพื้นที่ประมาณ 1.5 x 2 เมตร ห้องนี้มีประตูบานเลื่อนที่เปิดออกไปจะพบกับพื้นที่ระเบียงส่วนตัว เส้นโลหะสีทองตรงผนังเป็นเพียงแค่การตกแต่งเฉยๆ
เลือกเป็นบิ้ลท์อินโซฟาเบดก็ดีเหมือนกัน สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วยการติดผ้าม่านแยกระหว่างส่วนโซนข้างนอกและข้างใน
ห้องครัว
งานบิ้ลท์อินเคาน์เตอร์ครัวออกแบบในลักษณะตัว “L” ซิ้งค์ล้างจาน Hafele เตาไฟฟ้าและที่ดูดควัน Franke ห้องครัวจะได้ ceiling height ที่ 2.4 เมตร
ห้องน้ำ
เช่นเดียวกันห้องน้ำจะให้ชุดสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าแบรนด์ Kohler
แต่ประตูเปิดไปยังโซนอาบน้ำจะเป็นแบบบานเลื่อนแทนซึ่งห้องตัวอย่างก่อนหน้าเป็นแบบประตูเปิดผลัก อุปกรณ์ shower ให้เป็น Kohler เช่นเดียวกัน ceiling height ห้องน้ำอยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร
ห้องนอน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาฝั่งขวามือจะเป็นงาน Built-in ตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการติดตั้งมาให้
ขนาดของห้องนอนจะเท่ากับห้องอเนกประสงค์ โดยจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 x 2 เมตร ซึ่งสามารถจัดวางเตียงขนาดคิงไซส์หรือ 6 ฟุตได้
เนื่องด้วยขนาดความกว้าง 1.5 เมตร อาจจะต้องเลือกเป็นติดตั้งทีวีเป็นแบบแขวนผนังแทน ซึ่งโครงการติดตั้ง socket outlet หรือจุดเสียบปลั๊กไว้ให้ตรงผนังฝั่งตรงข้ามจุดวางเตียง (ผนังของจริงจะเป็นสีขาวเรียบ)
อย่างไรก็ตามพื้นที่ข้างเตียงยังเหลือให้สามารถจัดวางโต๊ะวางโคมไฟหัวเตียงหรือลิ้นชักสำหรับจัดเก็บหนังสืออ่านก่อนนอนได้ หน้าต่างข้างเตียงเป็นแบบกระจกบานเลื่อนรางเลื่อนเป็นแสตนเลสเช่นกัน
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลบนถนนสุขุมวิทช่วงบีทีเอสปุณณวิถี
หลักการการขยายของที่อยู่อาศัยที่เริ่มจากโซนด้านในเมืองสู่บริเวณกว้างขึ้นเรื่อยๆ (Expanding Urbanization) ยังคงสามารถเห็นได้จริงจากรถไฟฟ้าสีเขียวเข้มสายสุขุมวิท หากใครที่คุ้นชินกับกรุงเทพฯ เป็นอย่างดีในช่วง 7 – 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านที่อยู่อาศัยที่เขยิบออกมาเรื่อยๆ จากโซนสุขุมวิทชั้นในหรือช่วงอโศก หลังจากนั้นเป็นคิวของทองหล่อ เอกมัย ต่อออกมาเรื่อยๆ จนมาถึงสุขุมวิทที่อยู่ในรัศมีของ “บีทีเอสปุณณวิถี” โดยสถานีดังกล่าวเกิดขึ้้นในช่วงโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้ม อ่อนนุช – แบริ่ง นั่นเอง
สมัยก่อนนั้นหากใครเคยมีโอกาสได้นั่งรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้ตั้งแต่ช่วงปีแรกๆ ที่เปิดให้บริการจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อมองผ่านบานหน้าต่างรถไฟฟ้าว่าตึกคอนโดเริ่มจะหมดความคึกคักลงเมื่อพ้นช่วงสถานีอ่อนนุช อย่างไรก็ตามเมื่อราคาที่ดินในฝั่งสุขุมวิทชั้นในนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับราคาขายของคอนโดฯที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์รายต่างๆ เริ่มขยับขยายการขึ้นโครงการออกมาในที่สุด
ช่วงถนนสุขุมวิทบริเวณสถานีปุณณวิถีอยู่ห่างจากแยกอโศกประมาณ 3 กม. หรือ 6 สถานีรถไฟฟ้า และอยู่ห่างจากแยก บางนา – ตราด ประมาณ 1.8 กม.
พื้นที่บนถนนสุขุมวิทช่วงสถานีรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถีจะเป็นที่ตั้งของซอยสุขุมวิทตั้งแต่ซอย 60 (ฝั่งเลขคู่) และซอยสุขุมวิทซอย 95 เป็นต้นไป (ฝั่งเลขคี่) ถนนช่วงนี้สามารถจะเลือกได้เลยว่าจะเข้าสู่โซน บางนาตราด หรือจะวกกลับมาเข้าเมืองฝั่ง อโศกหรือสุขุมวิทชั้นใน ถือเป็นทำเลที่สร้างตัวเลือกไลฟ์สไตล์ในช่วงวันหยุดได้เลย เพราะว่าบางนาตราดเป็นตำแหน่งที่เป็นจุดที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งเช่น เซ็นทรัลฯ บางนาเมกะบางนา หรือศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์อย่าง อิเกีย (Ikea) และ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living) หากมองถึงเส้นทางที่วกกลับเข้ามาในตัวเมืองจะเป็นการผ่านโซนแนวรถไฟฟ้าต่างที่เป็นจุดที่ตั้งของห้างที่เน้นไปที่ดีมานด์จากฝั่งชาวญี่ปุ่นอย่างเกทเวย์ (Gateway) ที่อยู่ปากซอยเอกมัย หรือจะเป็นถนนทองหล่อที่เป็นถนนรวมสถานที่แฮงก์เอ้าท์มากมายตลอดช่วงถนน สถานีทองหล่ออยู่ห่างจากสถานีปุณณวิถีไป 4 สถานี เลยสถานีทองหล่อมาจะถึงคิวของสถานีพร้อมพงษ์ที่ใกล้จะเป็น The Em District โดยสมบูรณ์ ซึ่งจะมี The Em Quartier, The Emporium และ Em Sphere (กำลังก่อสร้าง)
3 ทำเลไลฟ์สไตล์
การได้อยู่ใกล้กับสถานีที่สามารถเข้าถึง 3 พื้นที่นี้ได้ง่ายถือเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ แต่เนื่องจาก 3 ทำเลนี้มีราคาซื้อขายที่ดินที่แพงมากในปัจจุบันซึ่งนำไปสู่ราคาของห้องที่สูงเกินรายได้กลุ่ม middle-income ดังนั้นอีกทางเลือกหนึ่งคือการเขยิบสถานีออกมาที่ราคาซื้อขายที่ดินยังไม่สูงลิ่วมากนัก ส่งผลให้เกิดการขึ้นของโครงการที่กลุ่มคนรายได้ระดับกลางยังคงไขว่คว้าได้อยู่ สาเหตุหลักของราคาคอนโดฯ ที่แพงในช่วงบริเวณ 3 สถานีรถไฟฟ้านี้ตรงกับกฎง่ายๆของ Market Force (ดีมานด์และซัพพลาย) นั่นคือ สามทำเลนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าต่างๆ รวมถึงร้านอาหารประเภท Bar & Bistro อยู่มากมาย ประกอบกับการที่มีจำนวนประชากรอาศัยหนาแน่น จากปัจจัยเหล่านี้จึงก่อให้เกิดดีมานด์ด้านการอยู่อาศัยและซัพพลายที่อยู่อาศัยตามลำดับ
เมกะโปรเจกต์ Whizdom 101
สุขุมวิทช่วงปลายหรือซอยสุขุมวิท 101 ในอนาคตจะเป็นเมกะโปรเจกต์จาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ซึ่งมีชื่อโปรเจกต์ว่า วิสซ์ดอม วัน โอ วัน (Whizdom 101) เนื้อที่โครงการจะมีถึงกว่า 6 ไร่ ซึ่งข้อมูล ณ ปัจจุบันนั้นภายในพื้นที่โครงการจะประกอบด้วย 3 อาคาร ทั้งหมดจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมใช้ชื่อว่า วิสซ์ดอม คอนเนค และ วิสซ์ดอม เอสเซ้นส์ สำหรับอีกหนึ่งอาคารยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าจะใช้ชื่ออะไร และหลังจากทั้ง 3 อาคารที่กล่าวมานั้นถูกสร้างเสร็จ ลำดับต่อมาก็จะเป็นพื้นที่ คอมมูนิตี้มอลล์ ด้านล่าง เมกะโปรเจกต์นี้มีกำหนดการว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 61 และอาจจะกลายเป็น game changer หรือจุดเปลี่ยนสำคัญที่เข้ามาขับเคลื่อนสุขุมวิทช่วงปลายให้ศักยภาพขยับเข้าใกล้สุขุมวิทชั้นในมากยิ่งขึ้น
จากซอยสุขุมวิท 64 มายัง วิสซ์ดอม วัน โอ วัน จะมีระยะทางประมาณ 200 กว่าเมตรซึ่งถือว่าอยู่ในระยะเดินได้ ในอนาคตอาจจะกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญสร้างความคึกคักให้กับย่านเป็นอย่างมาก
หน้าทางเข้าโครงการ วิสซ์ดอม 101 จะเป็นคอมมูลนิตี้มอลล์ ด้านในเป็นคอนโดฯ Whizdom Connect, Whizdom Essence และอีกหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ
The Bangkok Mall
นอกเหนือจาก วิสซ์ดอม วัน โอ วัน ในข้างต้นแล้ว ยังมีอีกมหาเมกะโปรเจกต์อีกหนึ่งแห่งที่จะตั้งอยู่ตรง แยกบางนา – ตราด ตัดกับถนนสุขุมวิท “The Bangkok Mall” ที่พัฒนาโดย เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ขนาดพื้นที่ดินพัฒนาโครงการมีมากกว่า 100 ไร่ พื้นที่ดังกล่าวเดิมเป็นของ Property Perfect ภายในพื้นที่่ประกอบด้วยคอมมูลนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ โรงแรมและเรสซิเดนซ์ที่บริหารโดย City Realty ซึ่งเป็นเข้าของโรงแรม Chatrium นั่นเอง
ข้อมูลจาก: Propholic.com
The Bangkok Mall ตั้งอยู่ตรงแยก บางนา – ตราด สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้คือ บีทีเอสอุดมสุข และ บางนา
หากทั้ง วิสซ์ดอม วัน โอ วัน และ เดอะ แบงค๊อก มอลล์ สร้างเสร็จและเปิดใช้สมบูรณ์คาดว่าประชากรจะไหลเข้ามายังพื้นที่มากขึ้นแน่นอนนำไปสู่ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นและราคาที่ดินที่จะขยับตัวสูงขึ้น
ศักยภาพทำเลซอยสุขุมวิท 64
ซอยสุขุมวิท 64 มีอีกชื่อหนึ้่งเรียกว่าซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ เป็นซอยขนาดทางเดินรถสองช่องจราจร บรรยากาศภายในซอยเราจะเห็นว่าจะไม่มีการเกิดขึ้นของโครงการอาคารสูงหรือไฮไรท์ (8 ชั้นขึ้นไป) เนื่องจากกฎทางด้านผังเมืองที่ความกว้างของถนนไม่เพียงพอให้ขึ้นโครงการไฮไรท์
ความพิเศษของซอย 64 อีกจุดหนึ่งก็คือ การที่สามารถเข้าออกได้จากสองซอยข้างๆ นั่นคือจาก สุขุมวิท 62 และ 66 โดยหากเป็นซอย 62 จะเป็นจุดที่สามารถขึ้นทางด่วนได้ด้วยโดยที่ไม่ต้องไปผจญรถติดที่ถนนเมนสุขุมวิท หรือจะเป็นการทะลุมายังซอย 66 ซึ่งเป็นตำแหน่งของบีทีเอสสถานีอุดมสุข
เส้นทางการทะลุไปยังซอย 62 จากซอย 64 การขึ้นทางด่วนที่ซอย 62 นั้นจะต้องขึ้นสะพานที่เป็นลักษณะทางกลับรถเพื่อวกมายังจุดขึ้นตามเส้นประบนแผนที่
ถนนที่ลัดมาจากซอย 64 เพื่อเชื่อมไปยังทางด่วนซอย 62 จะมีลักษณะนี้ เป็นถนนสองเลนรถสวนกันเวลาขับอาจต้องระวังหน่อย
นอกจากนี้ซอย 64 ยังสามารถลัดออกมายังซอย 66 ได้อีกด้วย โดยตลอดเส้นทางภายในซอย 64 จะผ่านโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ ต่างๆ อาทิเช่น Olive Residence, Sari by Sansiri, The Link Vano 64, The Link Sukhumvit 64, Elio Dey Ray ที่อยู่เลียบกับทางด่วนเฉลิมมหานครนั่นเอง
การเดินทางมายังโครงการ
การเดินทางที่สะดวกมากที่สุดในการมายังโครงการ The Tree สุขุมวิท 64 คือการใช้บริการขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถี
เมื่อมองลงมาจะเป็นแบบนี้ สังเกตปากซอยเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดสี่ชั้น
เมื่อลงมาถนนด้านล่างคือถนนสุขุมวิท
ปากซอยเป็นโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore International School
ปากซอยมีบริการพี่วินปัจจุบันให้บอกไปเลยว่าไปโครงการพฤกษาที่ล้อมรั้วอยู่ค่าบริการประมาณ 20 บาท
ถนนซอย 64 เป็นถนนสองช่องทางเดินรถ
เดินมาเรื่อยๆ จนผ่านโรงเรียนพิพัฒนา
ปัจจุบันสำนักงานโครงการจะเช่าอาคาร The Paul ชั้น 3 (ฝั่งเดียวกับโรงเรียนพิพัฒนา) ก่อนถึงจะเห็นบอลลูนแว้บๆ คือ สำนักงานขายโครงการ
ก่อนถึงสำนักงานขายจะเดินผ่านโครงการ Sari by Sansiri
สำนักงานขายจะตั้งอยู่ที่อาคาร The Paul ชั่วคราว
เมื่อเข้ามาด้านในให้ขึ้นไปชั้น 3 จะเจอกับ sales gallery ของโครงการ
พื้นที่ล้อมรั้วขึ้นโครงการ The Tree Sukhumvit 64
ปัจจัยด้านการอยู่อาศัย (ด้านสถานพยาบาล)
นอกจากปัจจัยด้านสถานศึกษาที่นำเสนอไปในข้างต้นที่อยู่ภายในซอย 64 แล้ว (โรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore และ โรงเรียนพิพัฒนา) ทางด้านสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้กับซอย 64 ที่สุดคือโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 ซึ่งจะมีอาคารดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะอีกด้วย โดยโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 68 ใช้เวลาขับรถจากปากซอย 64 มาประมาณ 5 นาที หากการจราจรหนาแน่นอาจใช้เวลาประมาณ 10 นาที
บรรยากาศภายในซอยสุขุมวิท 64
มีทั้งร้านอาหารไม่ว่าจะเป็นไทยหรือเทศเรียงรายกันตลอดสองฝั่ง รวมถึงมีบริการนวดเพื่อสุขภาพที่อยู่บริเวณใกล้กับปากซอย 64 ด้วย
ร้าน Coffee Shop ก็มีเช่นกัน โดยอาจจะเป็นเจ้าของทาวน์โฮมในซอยเปิดขายเองก็เป็นได้
เซเว่น พร้อมที่จอดรถสำหรับลูกค้า
ก่อนถึงสำนักงานขายจะเจอกับเซเว่นที่มีพื้นที่จอดรถสำหรับลูกค้าด้วย ซึ่งตำแหน่งของเซเว่นจะตั้งอยู่ตรงซอยที่สามารถทะลุไปยังสุขุมวิท 62 ได้
แล้วถ้าหากขับรถมาจะลงทางด่วนตรงไหนดี?
เส้นทางด่วนที่มาลงได้ถนนสุขุมวิทช่วงตำแหน่งแยก บางนา – ตราด คือป้ายลง บางนา – พระโขนง (อาจลงทางลงก่อนหน้า ซึ่งคือสุขุมวิท 62 ได้ แต่เราแนะนำให้ลง บางนา – พระโขนง ดีกว่าเนื่องด้วยจำนวนรถที่น้อยกว่าอีกทั้งได้ไม่ต้องติดไฟแดงตรงแยกซอย 62 และกลับรถเพื่อมายังฝั่งเลขคู่อีกครั้งด้วย
นี่คือแยกตรงซอย 62 ที่จะมีแยกไฟแดง หากต้องการไปยังช่วงสุขุมวิทแถวบีทีเอสปุณณวิถีจะต้องเลี้ยวขวาและหากต้องการกลับรถมายังซอย 64 (ฝั่งเลขคู่) จะต้องเลยไปกลับถึงแยกตรงสถานีอุดมสุข
แนะนำทางลง “บางนา – พระโขนง” จะสะดวกกว่า
จากตำแหน่งจุดลงทางด่วนให้มาตามทางเรื่อยๆประมาณ 2.7 กม. จะเจอกับซอยสุขุมวิท 64 อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ
สถานที่ Lifestyle
T77 สุขุมวิท 77
T77 คือพื้นที่ขนาดกว่า 50 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ภายในโครงการประกอบไปด้วย 6 โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการทาวน์เฮ้าส์ของแสนฯ และคอมมูลนิตี้มอลล์ Habito ซึ่งเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ประกอบไปด้วยร้านอาหารยอดนิยม 15 ร้าน Co-working space ภายใต้ชื่อ HUBBA-TO ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์และในปีหน้าจะมีการเกิดขึ้นของโรงเรียนนานาชาติ ฺBangkok International Preparatory and Secondary School (บางกอกเพรพ) ที่จะขยายแคมปัสมัธยมมาไว้บนพื้นที่ T77 นี้
โครงการต่างๆ ที่อยู่บนพื้นที่ T77 (ภาพ via: www.t77community.com)
HUBBA-TO
HUBBA-TO ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของ Habito สไตล์การตกแต่งจะเป็นแบบ Industrial Loft โดยเน้นไปที่ปูนเปลือยและเปิดฝ้าให้เห็นงานระบบที่อยู่ด้านบนที่มาพร้อมกับ ceiling height ที่สูง
ที่ตั้งของ T77 สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ บีทีเอสอ่อนนุช
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ
การเขยิบการอยู่อาศัยออกมาจากโซน Prime อย่างทองหล่อกำลังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติทั้งจากทางฝั่งตะวันตกและตะวันออก โดยเฉพาะในตลาดการเช่า สาเหตุหลักก็เนื่องมาจากราคาค่าเช่าที่ค่อนข้างถูกกว่าถึง 40 – 60% แต่ตัวโปรดักส์คอนโดฯทางฝั่งบีทีเอสปุณณวิถีอาจจะไม่ได้อยู่ในระดับลักชัวรี่เนื่องจากราคาที่ดินซื้อขายยังคงไม่สูงมากนัก จึงสามารถพัฒนาโครงการที่กลุ่มคนรายได้ระดับกลางสามารถเข้าถึงได้ และในช่วงสมัยหลังๆ ชาวญี่ปุ่นเองก็อาจจะไม่ได้สนใจความหรูหราของยูนิตมากเท่าไรนัก แค่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันก็เพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย แต่ก็ยังมีกลุ่มชาวต่างชาติที่ยังคงต้องการที่อยู่อาศัยในแบบซุปเปอร์ลักชัวรี่อยู่เช่นกัน
ด้านตลาดเช่าของคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 64 นั้นจะเริ่มต้นกันที่ประมาณ 400 – 600 บาท ต่อ ตร.ม. ในขณะที่โครงการที่อยู่ตรงข้ามซอยทองหล่อหรือสุขุมวิท 34 – 38 นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 800 – 1,000 บาท/ตร.ม. กันเลยทีเดียว โครงการในซอยสุขุมวิท 64 ช่วงต้นซอยจะมี ซาริ บาย แสนสิริ (โครงการพร้อมอยู่) ซึ่งอยู่ในโปรดักส์เซกเมนต์เดียวกับ เดอะ ทรี โดย ซาริ มีราคาซื้อขายกันที่ประมาณ ตร.ม. ละแสนกับอีกหลักพัน ราคาเริ่มของยูนิตจะอยู่ที่ประมาณ 3.7 ล้านบาท (ห้องเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม.) ส่วนราคาเช่าของ ซาริ จะอยู่ที่ประมาณ 450 – 500 บาท/ตร.ม. หรือประมาณ 15,000 – 17,000 บาท/เดือน ส่วนอีกโครงการที่อยู่ใกล้กับ เดอะ ทรี สุขุมวิท 64 คือ เดอะ ลิ้งค์ สุขุมวิท 64 ที่แบรนด์อาจจะรองจาก เดอะ ทรี ซึ่งราคาซื้อขายจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม. ทำให้ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2.8 ล้านบาท (ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม.) ส่วนด้านราคาเช่าจะอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 350 – 400 บาท/ตร.ม. ทำให้มีค่าเช่าเริ่มต้นที่ประมาณ 12,000 – 14,000 บาท ต่อเดือน และก่อนหน้าซอย 64 คือซอย 62 จะมีโครงการ เดอะ รูม สุขุมวิท 62 (สร้างเสร็จพร้อมอยู่) อยู่ซึ่งเป็นโปรดักส์เซกเมนต์เดียวกับ เดอะ ทรี แต่เป็นประเภทไฮไรท์โดยราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 110,000 – 120,000 บาท/ตร.ม. ทำให้ราคาห้องเริ่มต้นที่ประมาณเกือบ 5 ล้านบาท (ห้องเริ่มต้นที่ขนาด 45 ตร.ม.) สำหรับราคาเช่าของ เดอะ รูม สุขุมวิท 62 จะอยู่ที่ประมาณ 500 – 600 บาท/ตร.ม. หรือ 23,000 – 25,000 บาท/เดือน
ค่ายแมกโนเลียก็มีโครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่เช่นกันในซอยสุขุมวิท 64 ซึ่งเป็นโครงการประเภทคอนโดฯโลว์ไรส์ทั้งสองโครงการนั่นคือ Whizdom the Exclusive และ Whizdom @ Punnawithi Station Condo ที่มีราคาขายต่อ ตร.ม. เริ่มต้นที่ประมาณ 88,000 และ 75,000 – 80,000 บาท ตามลำดับ ราคาเริ่มต้นของห้องชุด วิสซ์ดอม ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ อยู่ที่ประมาณ 3.17 ล้านบาท ที่ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 36 ตร.ม. และ วิสซ์ดอม ปุณณวิถี เดอะ สเตชั่น คอนโด อยู่ที่ประมาณ 2.9 ล้านบาท ห้องขนาดเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม. ด้านค่าเช่าของทั้งสองโครงการอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกันที่ประมาณ 370 บาท/ตร.ม. หรือประมาณ 13,000 – 14,000 บาท/เดือน
สำหรับราคาที่ดินบริเวณรอบบีทีเอสปุณณวิถีประเมินโดยกรมธนารักษ์รอบปีล่าสุด (2559 – 2562) จะอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาท/ตร.วา. อย่างไรก็ตามราคาซื้อขายจริงที่เกิดขึ้นอาจสูงกว่านี้ และราคาประเมินอาจจะสูงขึ้นในอนาคตหลังจากที่โครงการเมกะโปรเจกต์ วิสซ์ดอม วัน โอ วัน นั้นเปิดให้บริการ แต่ราคาอาจจะขยับขึ้นสูงไม่มากเนื่องจากแรงขับเคลื่อนด้านระบบขนส่งมวลชนนั้นค่อนข้างพร้อมอยู่แล้ว แต่ต้องคอยติดตามดูว่าโครงการ The Bangkok Mall ตรงแยกตัดระหว่างถนนสุขุมวิทและบางนานั้นจะเข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับราคาที่ดินที่อยู่รอบๆ ส่วนต่อขยายสีเขียวเข้มช่วงที่ 1 (อ่อนนุช – แบริ่ง) หรือไม่
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
Sari by Sansiri
ชื่อโครงการ: ซาริ บาย แสนสิริ (Sari by Sansiri)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน): SIRI
ที่ตั้งโครงการ: ซ.สุขุมวิท 64 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง (ใกล้บีทีเอสปุณณวิถี)
พื้นที่โครงการ: 2 ไร่ 30 ตร.ว.
ประเภทโครงการ: คอนโดมืเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร
จำนวนยูนิต: 192
ประเภทห้อง: Studio, 1 – 2 bedrooms ขนาด 33.5 – 77 ตร.ม.
ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น: 108,000 – 110,000 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์: sansiri.com
Whizdom the Exclusive
ชื่อโครงการ: วิสซ์ดอม ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ (Whizdom the Exclusive)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แม็กโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)
ที่ตั้งโครงการ: ซ.สุขุมวิท 64 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง (ใกล้บีทีเอสปุณณวิถี)
พื้นที่โครงการ: 1 ไร่ 1 งาน 86 ตร.ว.
ประเภทโครงการ: คอนโดฯโลว์ไรส์ 8 ชั้น 1 อาคาร
จำนวนยูนิต: 79
ประเภทห้อง: Studio, 1 – 3 bedrooms, 2 – 3 bedrooms (duplex) ขนาด 30 – 109 ตร.ม.
ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น: 88,000 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์: mqdc.com
Whizdom @ Punnawithi Station Condo
ชื่อโครงการ: วิสซ์ดอม แอด ปุณณวิถี สเตชั่น คอนโด (Whizdom @ Punnawithi Station Condo)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แม็กโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)
ที่ตั้งโครงการ: ซ.สุขุมวิท 64 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง (ใกล้บีทีเอสปุณณวิถี)
พื้นที่โครงการ: 2 ไร่ 3 งาน 83 ตร.ว.
ประเภทโครงการ: คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร
จำนวนยูนิต: 262 (อาคารละ 131 ยูนิต)
ประเภทห้อง: 1, 2 และ 3 bedrooms ขนาด 34 – 60 ตร.ม.
ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น: 75,000 – 80,000 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์: mqdc.com
ตารางเปรียบเทียบ
ชื่อโครงการ | ยูนิต | พืนที่ใช้สอย | ราคาเฉลี่ย | ราคาขาย |
The Tree Sukhumvit 64 | 149 | 27.6 – 86.5 ตร.ม. | 80,000 – 110,000 บาท/ตร.ม. | 2.2 – 7.54 ล้านบาท |
Sari by Sansiri | 192 | 33.5 – 77 ตร.ม. | 108,000 – 110,000 บาท/ตร.ม. | 3.6 – 8 ล้านบาท |
Whizdom the Exclusive | 79 | 30 – 109 ตร.ม. | 88,000 บาท/ตร.ม. | 2.6 – 9.6 ล้านบาท |
Whizdom @ Punnawithi Station Condo | 262 | 34 – 60 ตร.ม. | 75,000 – 80,000 บาท/ตร.ม. | 2.6 – 4.8 ล้านบาท |
สรุป
บทสรุป
ถึงแม้ว่าแบรนด์ เดอะ ทรี อาจจะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในเซกเมนต์ลักชัวรี่ แต่ spec ของวัสดุและงาน Built-in ต่างๆ ที่ให้มาพร้อมยูนิตถือว่าอยู่ในเกรดค่อนข้างพรีเมี่ยม และต้องยอมรับว่าในโซนสุขุมวิทนั้นค่อนข้างหาโปรดักส์ที่เน้นไปที่พื้นที่สีเขียวยาก เพราะหลายๆ ฝ่ายยังคงต้องการสร้างพื้นที่ขายสุทธิให้มากนั่นเอง แต่ทางพฤกษาฯ ต้องการให้ เดอะ ทรี สุขุมวิท 64 นั้นเปรียบเสมือนปอดของผู้อยู่อาศัยและต้นไม้ใหญ่ที่สร้างชายคาที่ร่มเย็นสบายให้แก่ลูกบ้านนั่นเอง ด้านส่วนกลางถึงแม้จะไม่ได้มีฟังก์ชั่นอะไรที่พิเศษเหมือนที่เห็นเฉพาะในโครงการระดับไฮเอนด์ต่างๆ แต่ก็ถือว่าตอบโจทย์การอยู่อาศัยครบครันเพราะมีทั้ง เล้าจน์ ห้องสมุด ฟิตเนส สวนขนาดใหญ่ และสระว่ายน้ำ
ด้านราคาถือว่าเปิดมาอยู่ในเกณฑ์ระดับกลางที่ซื้อขายกันอยู่ในย่านสุขุมวิทแถวบีทีเอสปุณณวิถี เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆที่ให้ของเกรดพรีเมี่ยมที่มาพร้อมกับยูนิต จากการเข้าสำรวจพื้นที่พบว่ามีชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งพักอาศัยโครงการอยู่ในซอยนี้และคาดว่าดีมานด์ทั้งฝั่งการซื้อและเช่าจะค่อยๆเกิดขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากซอย 64 นั้นถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับด้านการอยู่อาศัยทั้งด้านการเดินทางและการอยู่ใกล้สถานีที่เป็นศูนย์รวมของสถานที่ไลฟ์สไตล์ยอดนิยม และแน่นอนกับราคาที่ยังไม่สูงมากนัก
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ