แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์สเตชั่น บาย ไซมิส แอสเสท (Landmark At Grand Station By Siamese Asset) เป็นโครงการมิกซ์ยูส บนทำเลศักยภาพ ตรงข้ามแฟชั่นไอส์แลนด์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงแหวนรามอินทรา เพียง 400 เมตร ภายในห้องออกแบบเป็น 2 ชั้น เพดานสูง 4.15 เมตร เน้นความโปร่ง โล่ง พร้อมออกแบบห้องตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องพักสำหรับผู้สูงอายุ คนที่มีสัตว์เลี้ยงหรือห้องพักในรูปแบบ Co-living และห้องพักแบบมาตรฐาน ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งพื้นที่พักอาศัย โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และสำนักงาน ราคาเริ่มต้นเพียง 2.90 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
จากความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างที่ถูกถ่ายทอดมายังธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด (มหาชน) (อยู่ภายใต้บริษัทแม่ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด) กระโดดเข้ามาเป็นหนึ่งในฐานะดีเวลลอปเปอร์เข้าพัฒนาโครงการในย่านทั้งเรดและบลูโอเชี่ยน (พื้นที่ศักยภาพในอนาคต) ของกรุงเทพฯไล่มาตั้งแต่ The Tempo ร่วมฤดี, The Tempo พหลโยธิน, The Tempo รัชดาฯ, Tempo Town รัตนาธิเบศร์ – ไทรม้า มาจนถึงช่วงเปลี่ยนแปลงสำคัญของบริษัทในการเปลี่ยนสภาพของตัวเองให้เป็นมหาชน เพื่อระดมทุนจากตลาดเงินทุนประเทศไทย หลังจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบบริษัทเพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้านเงินทุนให้แก่ตัวเอง ได้เริ่มขยับการพัฒนาโครงการใกล้เข้าเมืองมาเรื่อยๆกับ Tempo Grand สาทร – วุฒากาศ และทำเลแนวรถไฟฟ้า (ในอนาคต) อย่าง Tempo One รามคำแหง – พระราม 9 และ Tempo Quad สะพานใหม่ มาปีนี้เกิดขึ้นเป็นโครงการคอนโดฯใหม่ที่จะเข้ามารองรับดีมานด์ด้านการอยู่อาศัยมากขึ้นในซอยสุขุมวิท 113 ภายใต้ชื่อ Lesto Condo Sukhumvit 113 Interchange Station ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่ดึงดูดสายตาผู้พัฒนาโครงการรายต่างๆเข้ามาเก็บแลนด์แบงก์ในพื้นที่ทำเลนี้คือการใกล้เปิดบริการของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสถานี สำโรง – ปู่เจ้าสมิงพราย และเป็นจุดต่อรถไฟฟ้ากับสายสีเหลืองในอนาคต
มาดูกันว่าเสน่ห์ของสุขุมวิทช่วงปลายนี้คืออะไรทำไมประชากรจึงเริ่มขยับขยายออกมาจากสุขุมวิทชั้นในเพื่อมาอยู่อาศัยในช่วงถนนนี้มากขึ้น พร้อมกับความน่าสนใจของตัวโครงการ เลสโต สุขุมวิท 113 ทั้งสองแง่มุมจะเป็นอย่างไร DDproperty ขอนำเสนอผ่านบทวิเคราะห์ฉบับนี้ครับ
เจาะลีกรายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2559)
ชื่อโครงการ: เลสโต คอนโด สุขุมวิท 113 อินเตอร์เชนจ์ สเตชั่น (Lesto Condo Sukhumvit 113 Interchange Station)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด (มหาชน): PREB
ที่ตั้งโครงการ: ซอยสุขุมวิท 113 (วัดด่านสำโรง) ตำบลสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ
พื้นที่โครงการ: 7-0-44 ไร่
ประเภทของโครงการ: คอนโดฯโลว์ไรส์ 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร
จำนวนยูนิต: 786 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: มนุษย์เงินเดือนไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ที่ต้องเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้า (ขึ้นที่สถานีสำโรงห่างจากตัวโครงการประมาณ 400 เมตร) เข้าทำงานในตัวเมืองและกำลังมองหาห้องชุดราคาไม่สูงมากนัก
สิ่งอำนวยความสะดวก: อาคารสันทนาการ 3 ชั้นขนาดใหญ่, Lesto Shop, Infinity Edge Swimming Pool, Mini Home Theater, Game Room, Fitness Center, Yoga Fly Studio, Co-working Space และ ห้องสมุดอยู่ตัวตึก C
ระบบรักษาความปลอดภัย: รปภ. 24 ชม. และ CCTV รอบโครงการ
รูปแบบห้องชุด: 1 ห้องนอน ขนาด 26.5 ตร.ม. และ 38 ตร.ม.
Virtual Tour 360 องศา ห้องขนาด 26.5 ตร.ม.
ค่าส่วนกลาง: 40 บาท/ตร.ม. (ชำระเป็นยอดล่วงหน้า 1 ปี)
ค่ากองทุน: 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ราคาเริ่มต้น: 1.59 ล้านบาท
สถานะการก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างเมื่อ มีนาคม 2559 โครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ ตุลาคม 2560
เว็บไซต์โครงการ: builtland.co.th/lestocondo
รายละเอียดโครงการ
การจัดวางโครงการ
เนื้อที่โครงการมีขนาดใหญ่ (7 ไร่ 44 ตร.ว.) แบ่งเป็น 4 อาคาร แต่ละอาคารเป็นลักษณะโลว์ไรส์ 8 ชั้น แบ่งเป็น 2 เฟสด้วยกัน เฟสแรกที่เปิดจะเป็นส่วนของอาคาร A (ทิศตะวันออก) และอาคาร B (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) สำหรับเฟสสองอาคาร C และ D จะอยู่ทางทิศเหนือ
พื้นที่ขึ้นโครงการ
พื้นที่ที่จะใช้ขึ้นเป็นโครงการ Lesto Condo Sukhumvit 113 คลับเฮ้าส์จะอยู่ติดกับถนน (ซอยวัดด่านสำโรง)
Plans ของโครงการ
Master Plan
เฟสแรกที่จะเปิดคือ Tower A & B โดยอาคารแรกจะหันไปทางทิศตะวันออก อาคารที่สองจะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ส่วนกลางตั้งอยู่หน้าทางเข้าของโครงการ
Floor Plans ของ Tower A
อาคาร A ชั้น 1 – 7 มีจำนวนยูนิตเฉลี่ยที่ประมาณ 23 ต่อชั้น แต่ชั้น 8 จะมีเพียง 11 กว่าห้อง เป็นการออกแบบที่จะไม่มีห้องฝั่งตรงข้ามและห้องจะเป็นไซส์ขนาดใหญ่ (38 ตร.ม.) พื้นที่ด้านหลังของยูนิตชั้น 8 ในอาคารนี้จะเป็นส่วนหลังคาของยูนิตชั้น 7
Floor Plans ของ Tower B
พื้นที่ส่วนกลาง
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆจะตั้งอยู่ที่คลับเฮ้าส์ด้านหน้าโครงการซึ่ง ณ ปัจจุบันเป็นสำนักงานขายอยู่
คลับเฮ้าส์ของโครงการ (Triple Clubs) มี 3 ชั้น ชั้น 1 ปัจจุบันเป็นสำนักงานขายโครงการ (อีกที่หนึ่งตั้งอยู่ที่อิมพิเรียลสำโรง) ชั้น 2 เป็นสระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool, ห้อง Mini Home Theater, Game Room ชั้น 3 เป็น Fitness Center, Yoga Fly Studio, Co-working Space และ ห้องสมุดอยู่อาคาร C
ภาพจำลองพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ
พื้นที่สวนขนาดพื้นที่จัดมาให้ถึง 3,000 ตร.ม. ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรักการวิ่งด้วย Jogging Track รอบโครงการ สวนในรูปจะอยู่ด้านหลัง Tower C
รีวิวห้องชุดโครงการ
ห้องตัวอย่างโครงการ ณ สำนักงานขายจะเป็นไซส์ 26.5 ตร.ม. ประเภท 1 ห้องนอน สำหรับห้องตัวอย่างอีกหนึ่งห้องจะถูกจัดโชว์ที่ห้างอิมพิเรียลสำโรงซึ่งเป็นไซส์เดียวกัน แตกต่างกันที่การตกแต่ง
Unit Layout
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบว่า 2 โซน (Living & Bedroom) ถูกแบ่งด้วย partition สำหรับห้อง 26.5 จะให้เป็นบาน fixed บานสไลด์จะถูกติดตั้งไว้เฉพาะห้องใหญ่สุด (38 ตร.ม.) Ceiling Height ของห้องอยู่ที่ประมาณ 2.45 เมตร
ฝั่งซ้ายมือของห้องจะเป็นพื้นที่ Living Zone โซฟาและโต๊ะน้ำชาในรูปแถมมาพร้อมตัวห้อง ขนาดของพื้นที่โซนนี้อยู่ที่ประมาณ 3 x 2 เมตร
ฝั่งตรงข้ามจุดวางโซฟาสามารถเลือกได้ว่าจะทำเป็นงานบิลท์อินชั้นวางทีวีหรือนำทีวีประเภทแขวนผนังมาติดตั้ง โดยหากเป็นกรณีหลังจะทำให้มีพื้นที่เดินผ่านไปมากว้างกว่า ผนังของจริงจะเป็นวอลเปเปอร์สีขาวมาตรฐานมาให้
พื้นที่ใช้สอยของ bedroom อยู่ที่ประมาณ 3 x 2.5 เมตร สามารถนำเตียงขนาดคิงไซส์ 6 ฟุตมาจัดวางได้ มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือพอให้วางโต๊ะโคมไฟอ่านหนังสือตำแหน่งหัวเตียง งานตกแต่งผนังเป็นเพียงไอเดียที่โครงการตกแต่ง ณ ห้องตัวอย่างเท่านั้น
ฝั่งปลายเตียงเป็นตำแหน่งตู้เสื้อผ้าที่โครงการบิลท์อินมาให้ จุดพิเศษอยู่ตรงที่เป็นการบิลท์อินแบบฝังผนังเข้าไปส่งผลให้มีพื้นที่ปลายเตียงกว้างพอในการเปิดเพื่อแต่งตัวตรงบริเวณหน้าตู้ได้ เครื่องปรับอากาศที่แถมมาให้ตรงจุดนี้ขนาด 11,000 BTU ติดกับตัวตู้คือประตูไปยัง kitchen ยูนิตจริงหลังโครงการเสร็จจะมีประตูติดตั้งให้
Kitchen มีพื้นที่พอสำหรับจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับสองที่ได้ ติดกันคือระเบียงยูนิตที่มีขนาดความกว้างประมาณ 1 เมตร พื้นระเบียงปูเป็นเซรามิก 30 x 30 ซม.
ห้องน้ำสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าให้มาเป็นแบรนด์ American Standard พื้นผนังที่ให้มาเป็นเซรามิกสีน้ำตาลอ่อน
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
ทําเล & การเดินทาง
ถนนสุขุมวิทคือถนนเส้นยาวซึ่งแต่ละช่วงของถนนก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน จุดไพรม์โซนที่สำคัญและเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของกรุงเทพฯคือ สุขุมวิท – ไทม์แสควร์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่ออโศกนั่นเอง ความเจริญถูกขยับขยายออกมาจากจุดไพรม์โซนนี้เรื่อยๆตามแนวรถไฟฟ้าจนมาถึงบริเวณรอบๆสถานีอ่อนนุช แต่ศักยภาพของถนนสุขุมวิทยังถูกขยายต่อออกมาเรื่อยๆผ่านโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม อ่อนนุช – แบริ่ง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนต่อขยายช่วงที่ 1 ของสายนี้ ผู้พัฒนาโครงการรายต่างๆไม่รอช้าต่างเข้าจับจองพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าไล่มาตั้งแต่สถานีอ่อนนุชมาจนถึงแบริ่ง ปัจจัยสำคัญเห็นทีคงหนีไม่พ้นความสะดวกในการเดินทางเข้าสู่สยามหรือเปลี่ยนขบวนไปยังสายสีลม (รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนนั่นเอง)
ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มสิ้นสุดที่สถานีแบริ่ง แต่ภายในสิ้นปีจะสามารถมาลง ณ สถานีสำโรงได้ซึ่งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 113 จากตัวโครงการมายังแยกบางนาใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที ซึ่งแยกนี้สามารถออกไปถนนบางนา – ตราด ซึ่งเป็นถนนที่ตั้งของศูนย์การค้าต่างๆเช่น เซ็นทรัลฯ บางนา, เมกะ บางนา หรือจะเป็นเฟอร์นิเจอร์มอลล์ยักษ์ใหญ่อย่าง อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ และ อิเกีย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วิทยาศาสตร์ไบเทคอีกด้วย ถนนบางนา – ตราด ยังมีจุดขึ้นลงทางด่วนเฉลิมมหานครที่สามารถไปลงยังฝั่งพระราม 3 ได้ (จุดขึ้นลงอยู่ซอยบางนา – ตราด 13, 14)
มาจนถึงส่วนต่อขยายที่ 2 ที่คาดว่าจะเปิดทดลองวิ่งภายในสิ้นปี 2559 นี้ ซึ่งจะเป็นส่วนต่อขยายที่จะเริ่มวิ่งจากสถานีแบริ่งผ่านสถานีสำโรงและสิ้นสุดที่สถานีปู่เจ้าสมิงพราย และในอนาคต ณ สถานีสำโรงนี้จะกลายเป็นจุด interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสองสายนั่นคือสายสีเขียวเข้มและสีเหลือง ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมการเดินทางระหว่างประชากรทางฝั่งถนนสุขุมวิทไปยังถนนศรีนครินทร์ การมาของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะช่วยลดปริมาณรถยนต์ลงตามจุดซอยลัดต่างๆเพื่อเข้าจากฝั่งสุขุมวิทไปยังฝั่งศรีนครินทร์
ซอยวัดด่านสำโรงที่เป็นที่ตั้งของโครงการสามารถลงจากบีทีเอสสำโรงได้ด้านหน้าปากซอยสุขุมวิท 113 โครงการอยู่จากปากซอยประมาณ 250 เมตร หากต้องการออกไปยังถนนศรีนครินทร์สามารถออกได้อีกทางฝั่งหนึ่งของซอยวัดสำโรงนี้ ระยะทางจากตัวโครงการไปยังปากซอยฝั่งถนนศรีนครินทร์ประมาณ 1 กม.
โครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 113 หรือ ซอยวัดด่านสำโรง ซอยนี้เองเป็นอีกซอยหนึ่งที่สามารถออกไปยังถนนศรีนครินทร์ได้ซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเช่นกัน แต่ปริมาณรถอาจจะมากในชั่วโมงเร่งด่วนแต่ไม่ถึงขั้นกับติดขัดนัก ทางเข้าของซอยวัดด่านสำโรงเป็นรูปแบบวันเวย์คือเข้าได้จากทางปากซอย 113 แต่ถ้าต้องการออกมายังถนนสุขุมวิทจะต้องไปออกทางซอยสุขุมวิท 111
การเดินทางมายังโครงการ
รถไฟฟ้า
ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวเข้มสายสุขุมวิทเพื่อมาลงยังสถานีปลายทาง (ปัจจุบัน) นั่นคือแบริ่ง หลังจากนั้นสามารถเลือกนั่งแท็กซี่หรือรถประจำทางสาย 2, 45, 102, 142 และ 536 ระยะทางจากสถานีมายังปากซอยอยู่ที่ประมาณ 2.3 กม. หลังจากลงปากซอยสามารถใช้บริการพี่วินเข้ามายังโครงการได้ ค่าบริการประมาณ 20 บาท เข้ามาประมาณ 400 เมตร โครงการจะอยู่ซ้ายมือ
บรรยากาศรอบโครงการ
ร้านอาหารแนะนำ
1. ร้าน ยศข้าวต้ม ที่อยู่ในย่านลาซาล (สุขุมวิท 105) เป็นร้านข้าวต้มที่หลายคนต้องมาย่านนี้เพื่อลิ้มลองให้ได้เมนูเด็ดแนะนำคือ ต้มแซ่บกระดูกหมูเนื้อยุ่ยๆ, หอยลายผัดน้ำพริกเผาที่กลิ่นพริกเผาหอมเข้มข้น, ผัดผักกระเฉดไฟแดงที่คัดแต่ส่วนยอดๆ
สามารถใช้ซอยสัตติคาม 8 เพื่อลัดจากซอย 113 มายัง 105 ได้ (ฝั่งศรีนครินทร์)
2. ร้าน กาแฟ แอท เชียงใหม่ คือร้านขนมหวานเย็นชื่อดังในย่านลาซาลเช่นกันแต่ร้านนี้จะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 105 เมนูหวานเย็นแนะนำคือ ปังเย็นภูเขาไฟ, ขนมปังหลังมอ และโอวัลตินเฉาก๊วย
ร้านจะอยู่ฝั่งถนนศรีนครินทร์ ซอยคลองหนองบัว
3. อิชิโกะ คาเฟ่ คือร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโฮมเมดและเป็นคาเฟ่สำหรับนั่งจิบกาแฟทานขนมหวานได้ เมนูแนะนำข้าวแกงกะหรี่ไก่ย่าง, ข้าวหมูผัดซอสขิงญี่ปุ่น
ร้านอยู่ถนนแบริ่ง (สุขุมวิท 107) สามารถเข้ามาจากซอยสันติคาม 8 ได้
บทวิเคราะห์
ดูเหมือนว่าในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะช่วงใกล้สู่การเปิดใช้งานของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้ม ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่นำโปรดักส์เจาะกลุ่มตลาด กลาง – ล่าง (mid-low end) เข้ามาเก็บแลนด์แบงก์ในซอยสุขุมวิท 113 เช่น ลุมพินีนำโครงการ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 113 เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของก้อนพายอสังหาฯในย่านนี้ ไม่เพียงแต่โครงการต่างๆภายในซอย 113 จะรองรับศักยภาพด้านการเดินทางที่กำลังจะเกิดขึ้นปลายปี แต่ยังรองรับศักยภาพการเดินทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งตามแผนแม่แบบจะเป็นแนวรถไฟฟ้าที่มาทางถนนศรีนครินทร์ รถไฟฟ้าสายดังกล่าวจะมีจุดอินเตอร์เชนจ์ที่สถานีสำโรงบรรจบกับสายสีเขียวเข้ม
การขยับขึ้นของราคาที่ดินในย่านนี้ได้รับอานิสงส์ถัดมาจากช่วงสถานีแบริ่งที่อยู่ในกรอบประมาณ 60,000 – 70,000 บาท/ตารางวา แต่นี่คือราคาประเมินในช่วงที่โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย อ่อนนุช – แบริ่ง เปิดใช้บริการแล้ว คาดว่าราคาที่ดินช่วงบริเวณรอบสถานี สำโรง – ปู่เจ้าสมิงพราย จะขยับขึ้นใกล้เคียงในกรอบราคาเดียวกันหลังจากเปิดใช้บริการ อย่างไรก็ตามราคาซื้อขายจริงที่เกิดขึ้นอาจจะสูงกว่าราคาประเมินประมาณ 20 – 30% และในอนาคตหลังจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเกิดขึ้นจริงสามารถกลายเป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาประเมินที่ดินปรับตัวสูงขึ้นอีก
อัตราค่าเช่าที่สำรวจจากโครงการภานในซอยเดียวกันสำหรับห้องเริ่มต้นขนาดที่ 29 ตร.ม. จะอยู่ที่ประมาณ 4,000 – 6,000 บาท/เดือน หรือ 150 – 200 บาท/ตร.ม. อย่างไรก็ตามอาจจะต้องคอยติดตามว่าอัตราค่าเช่าจะขยับขึ้นมากน้อยเพียงใดหลังจากโครงการก่อสร้างเสร็จ
*ราคาประเมินที่ดินอ้างอิงจากข้อมูลโดยกรมธนารักษ์ที่ประะเมินในช่วงรอบปี 2559 – 2562
เปรียบเทียบโครงการ
1. The Kith Plus Sukhumvit 113
ชื่อโครงการ: เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113 The Kith Plus Sukhumvit 113: SENA
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน): SENA
ที่ตั้งโครงการ: ซอยสุขุมวิท 113 (วัดด่านสำโรง) ตำบลสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ
พื้นที่โครงการ: 5-1-29 ไร่
ประเภทของโครงการการ: คอนโดฯโลว์ไรส์สูง 8 ชั้น 2 อาคาร
จำนวนยูนิต: อาคาร A 195 ยูนิต อาคาร B 230 ยูนิต
รูปแบบห้องชุด: 1 bedroom ขนาดเริ่มต้น 28 ตร.ม.
ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น: ประมาณ 990,000 บาท หรือ 35,000 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์โครงการ: sena.co.th/TheKithPlusSukhumvit113
2. Lumpini Ville Sukhumvit 113
ชื่อโครงการ: ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 113 (Lumpini Ville Sukhumvit 113)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน): LPN
ที่ตั้งโครงการ: ซอยสุขุมวิท 113 (วัดด่านสำโรง) ตำบลสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ
พื้นที่โครงการ: ประมาณ 15 ไร่เศษ
ประเภทของโครงการการ: คอนโดฯโลว์ไรส์ 8 ชั้น จำนวน 6 อาคาร
จำนวนยูนิต: 1,514 ยูนิต
รูปแบบห้องชุด: 1 Bedroom : 22.50 – 26 ตร.ม., 2 Bedroom 35 ตร.ม.
.
ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น: 970,000 บาท หรือ 43,000 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์โครงการ: lpn.co.th/LumpiniVilleSukhumvit113
สรุป
ด้านตัวโครงการเองตั้งอยู่บนพื้นที่ใหญ่ถึงเจ็ดไร่ ดังนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือพื้นที่ส่วนกลางกว่า 3,000 ตร.ม. ถึงแม้้จำนวนอาคารภายในโครงการจะมี 4 โครงการ แต่ระยะห่างของแต่ละอาคารถูกจัดวางให้อยู่ในสัดส่วนที่โปร่งโล่ง และการอยู่อาศัยในแต่ละอาคารค่อนข้างเป็นส่วนตัวเนื่องจากจำนวนยูนิตโดยเฉลี่ยของแต่ละอาคารจะอยู่ที่ประมาณ 100 กว่ายูนิตเท่านั้น
spec ด้านอุปกรณ์และวัสดุต่างๆที่จะมาพร้อมกับยูนิตอยู่ในระดับมาตรฐานเหมือนในโครงการทั่วไปแต่สิ่งที่ผู้ที่สนใจในตัวโครงการมั่นใจได้คือคุณภาพด้านงานโครงสร้างของโครงการเนื่องจากความเชี่ยวชาญเดิมของ บิลท์ แลนด์ คืองานระบบก่อสร้าง
เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆในย่านสุขุมวิทตอนปลายที่มีราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. ที่ 50,000 บาท เลสโต สุขุมวิท 113 อินเตอร์เชนจ์ สเตชั่น อาจจะมีภาษีที่ได้เปรียบกว่าเมื่องัดความหลากหลายของพื้นที่ส่วนกลางเข้าข่มคู่แข่งในพื้นที่ และดูเหมือนว่าจุดเด่นตรงนี้เป็นส่วนสำคัญทำให้ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมโครงการตัดสินใจจองยูนิตนั่นเอง
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ