"ภาพบ้านที่มีชั้นหนังสือสูงถึงเพดาน ที่นั่งริมหน้าต่างเหมือนในหนัง และตู้ที่เต็มไปด้วยของสะสมทุกมุมบ้าน อยู่ในความคิดตั้งแต่เด็ก ๆ เวลาเดินเข้าร้านหนังสือหรือซื้อของเล่น เราจะจินตนาการไปว่าถ้ามีบ้านนะ จะทำชั้นหนังสือแบบไหน จะทำตู้โชว์แบบไหน อยากใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่มองไปทางไหนก็มีแค่ของที่เราชอบ คงจะมีความสุขมาก ๆ"
คุณแสตมป์-อลิษา รุจิวิพัฒน์ นักเขียนที่ยืนยันว่า เธอไม่ใช่หนอนหนังสือ แค่ชอบซื้อหนังสือเพราะฝันอยากจะมีห้องสมุดในบ้าน "ด้วยงานของเราจำเป็นต้องหาข้อมูลเยอะ เลยชอบซื้อหนังสือที่สนใจติดบ้านไว้ มันช่วยได้จริง ๆ เวลาต้องเขียนเรื่องที่เราไม่มีความรู้มาก่อนหรือข้อมูลเชิงลึก เราสามารถหาทุกอย่างได้ทันที"
นอกจากหนังสือ "โมเดลและของเล่น" ก็เป็นอีกหนึ่งของสะสมที่เธอบอกว่า "รู้ตัวอีกทีก็เต็มบ้านแล้วค่ะ (ยิ้ม)"
"เราไม่มีคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนที่ชอบเป็นพิเศษ เพราะชอบทุกอย่างจริง ๆ อะไรก็ได้ขอให้เป็นของเล่น ของจิ๋ว คาแรกเตอร์ดิสนีย์ การ์ตูนดัง ๆ กาชาปอง โมเดล หรือของใช้ที่เป็นลายการ์ตูนคือได้หมด ยิ่งพวกกาชาปองหรือโมเดลที่ทำจากคาแรกเตอร์การ์ตูน รู้สึกว่ามันมีดีเทลของความขี้เล่นอยู่ในนั้น ๆ หรือพวกโมเดลที่ทำท่าทางตลก ๆ มันมีความสุขเวลามองนะ พอชอบทุกอย่างเลยกลายเป็นว่าเห็นอะไรก็น่ารักไปหมด
ความเพี้ยนของเราอีกอย่างคือ ของเล่นชุดไหนทำมาเป็นเซ็ตต้องซื้อยกเซ็ต ตอนเริ่มสะสมแรก ๆ เวลาไปญี่ปุ่นเจอตู้กาชาปองที่ไหนต้องหมุน พอเจอตัวซ้ำบ่อย ๆ เริ่มเสียดายเงิน ถ้าได้ไม่ครบไม่เลิก ก็เลยหาข้อมูลจนเจอแหล่งที่ซื้อได้เลยแบบยกเซ็ต
เมื่อไปถึงแหล่งก็ไปเจอร้านขายของเล่นมือสองอีก หลังจากนั้นกลายเป็นว่าไปเที่ยวที่ไหนต้องหาข้อมูลว่ามีแหล่งซื้อของเล่นหรือเปล่า และให้เวลาหนึ่งวันไปกับการซื้อของเล่น นี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ของสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ"
“ก่อนจะซื้อบ้านหลังนี้ อยู่คอนโดมาก่อน ห้องประมาณ 28 ตารางเมตร ตอนนั้นยังไม่ได้เริ่มสะสมของเล่นจริงจัง แต่หนังสือและนิตยสารเยอะ ต้องทำตู้ 3 ตู้เรียงกันเต็มผนังห้องฝั่งหนึ่งไปเลยก็ยังเก็บไม่หมด
ส่วนพวกโมเดล กาชาปอง ของเล่น พอเริ่มมีมากขึ้น เราใช้วิธีเวียนตั้งโชว์เหมือนจัดนิทรรศการเพราะพื้นที่คอนโดจำกัด ชอบเซ็ตไหนก็เอามาเรียงบนชั้นหนังสือ ที่เหลือก็จัดแยกเซ็ตใส่กล่องที่มีช่องแบ่ง นาน ๆ ทีจะหยิบออกมาดูบ้าง เพราะของเล่นบางอย่างถ้าเก็บในกล่องหรือที่ที่อากาศไม่ถ่ายเทมันจะเหนียว”
ซื้อบ้านเมื่อกลายเป็นสาวไม่โสดและปริมาณของสะสมเริ่มมากขึ้น
หลังจากแต่งงานคุณแสตมป์ก็เริ่มคิดว่าต้องซื้อบ้าน เพราะคอนโดไม่ตอบโจทย์ถ้าจะใช้ชีวิตคู่ เนื่องจากงานของทั้งคู่ต้องใช้สมาธิในการทำงาน จำเป็นต้องมีพื้นที่ส่วนตัวแยกกันชัดเจน บ้านน่าจะตอบโจทย์มากกว่า
“โจทย์แรกของเราคือ ทำเล ต้องติดถนน ติดรถไฟฟ้ายิ่งดี เพราะเราสองคนไม่มีรถและก็ไม่คิดจะซื้อรถด้วย ดังนั้นตัดทำเลที่ต้องเข้าซอยลึก ๆ ไปเลย ลงรถเมล์แล้วต้องต่อมอเตอร์ไซค์เข้าซอยก็ตัดทิ้ง เราเคยใช้ชีวิตแบบนั้นแล้วรู้สึกว่ามันเสียเวลามาก ๆ ต่อให้ราคาบ้านถูกกว่านิดหน่อย แต่ต้องเสียเงินไปกับค่าเดินทางเยอะกว่า ระยะยาวยังไงก็ไม่คุ้ม
โจทย์ต่อมาคือ ต้องเป็นโซนรามอินทราเพราะใกล้บ้านแม่ อีกอย่างคอนโดเราก็อยู่ละแวกนี้ เลยคุ้นเคยกับโซนนี้มากกว่า และรถไฟฟ้าสายสีชมพูก็กำลังสร้างซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวพอดี เดินทางสะดวกแน่นอน ถ้าในอนาคตคิดจะซื้อรถก็ยิ่งสบายเพราะออกจากซอยเลี้ยวซ้ายก็เข้าเส้นเลียบทางด่วน-รามอินทราได้เลย พอตั้งโจทย์แบบนี้จึงเหลือตัวเหลือไม่มาก”
“หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตอย่างเดียวเลย ดูรายการที่พาไปเยี่ยมชมโครงการต่าง ๆ หรือไม่ก็รีวิวโครงการในเว็บไซต์ อาทิ DDproperty เซฟเวลาไปได้เยอะมาก ๆ โดยเฉพาะช่วงแรกที่ต้องหาข้อมูลหลาย ๆ โครงการมาเปรียบเทียบกัน
ข้อดีของเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์คือ มีประเด็นที่เราไม่ทันคิดแต่เขาชี้ให้เห็นและนำไปเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจได้ อย่างเราเองตอนแรกอยากมีบ้านที่ห้องนั่งเล่นเพดานสูง เพราะชอบบ้านโปร่ง ๆ แต่พอดูคลิปแนะนำโครงการหนึ่งเขาบอกว่า ห้องลักษณะนี้อาจจะเปลืองแอร์นะ โอเคจบ (หัวเราะ) ถ้าเราเข้าไปดูโครงการเซลล์เขาไม่บอกจุดบอดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้แน่นอน เว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีที่ทำให้เราเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้จะได้เอามาตัดสินใจก่อนเข้าไปดูโครงการที่เลือกแล้วจริง ๆ”
ทำเลก็สำคัญ แต่พื้นที่บ้านที่มากพอให้เก็บของสะสมก็สำคัญไม่แพ้กัน
ประเด็นสุดท้ายก่อนตัดสินใจซื้อบ้านคือ พื้นที่ภายในบ้าน ต้องมีห้องที่กว้างพอให้ทำห้องหนังสือและถ้าวิวห้องนั้นดีพอให้ทำที่นั่งริมหน้าต่างได้จะดีมาก ตอนเปิดประตูเข้ามาในห้องที่ตอนนี้เราเรียกว่าห้องเอนเตอร์เทน ทุกอย่างเหมือนภาพในหัวเลย มองออกไปเป็นวิวต้นไม้ ห้องอยู่ด้านหลังของตัวบ้าน มีห้องน้ำในตัว
"ตั้งใจว่าจะทำห้องนี้ให้เป็นห้องสมุด ห้องทำงาน ห้องดูหนัง และโชว์ของสะสม เรียกว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้ได้ทั้งวัน ห้องนี้เลยกลายเป็นมุมโปรดที่สุดของบ้าน นั่งทำงานมองออกไปก็เห็นต้นไม้ ได้พักสายตาด้วย”
“เหตุผลอีกอย่างที่ตัดสินใจซื้อทาวน์โฮมหลังนี้คือ ทุกห้องมีห้องน้ำในตัว และชั้น 3 ทั้งชั้นเป็นห้องนอนหลักซึ่งใหญ่มาก ๆ สามารถกั้นห้องแต่งตัวได้ ทำให้เราแบ่งพื้นที่ใช้งานในบ้านได้ชัดเจน ตอนนี้ห้องนอนยังไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก มีแค่เตียงและตู้เสื้อผ้า เพราะหลัก ๆ เริ่มตกแต่งพื้นที่สำหรับเก็บของสะสมก่อน จนถึงตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะตกแต่งห้องนอนแบบไหนดี”
รักจะเป็นนักสะสมก็ต้องจัดสรรพื้นที่ภายในบ้านให้ตอบโจทย์ที่สุด
บิลท์อินชั้นว่างของสะสมข้างบันไดน่าจะเป็นมุมแรกของบ้านที่เริ่มทำ คือพอเริ่มรื้อของเล่นทุกอย่างออกมาเพื่อจัดหมวดหมู่ ก็รู้เลยว่าเก็บเข้าตู้โชว์ไม่พอแน่ ๆ และยิ่งเป็นของชิ้นเล็ก ๆ พอวางในตู้โชว์ที่ลึกมันก็จม เราอยากให้ทุกชิ้นโดดเด่นเท่ากัน เลยคิดว่าต้องบิลท์อินตู้โชว์ที่แต่ละชั้นไม่ลึกมาก หันไปเห็นช่องว่างข้างบันได ลองวัด ลองวางแล้วได้ ก็หาร้านมาบิลท์อินทันที
"เหมือนได้มุมเพิ่มโดยไม่เสียพื้นที่ในบ้าน แต่สุดท้ายก็วางไม่พออยู่ดี (ยิ้ม) ตอนนี้เริ่มลามไปมุมต่าง ๆ ของบ้าน ซึ่งเราก็พยายามหาวิธีใช้พื้นที่ให้คุ้มที่สุด และก็อยากให้ทุกชิ้นได้ออกมาโชว์ตัวเพราะยังมีอีกเยอะที่ยังอยู่ในกล่อง คิดว่าน่าจะต้องตกแต่งบ้านหลังนี้ไปเรื่อย ๆ”
เก็บของเล่นในตู้กระจกแบบนี้ก็ดีตรงที่ไม่มีฝุ่น ส่วนที่ไม่ได้เก็บในตู้กระจกเวลาทำความสะอาดก็จะใช้ทิชชูเปียกเช็ด ส่วนใหญ่ก็เวลาที่นำออกมาเล่น หรือเวลาที่เปลี่ยนของเล่นเซ็ตใหม่ ด้วยความที่ซื้อของเล่นบ่อย มีตัวใหม่มาอยู่เรื่อย ๆ จึงต้องหาที่ลง มีการขยับ สลับย้ายที่กันอยู่เรื่อย ๆ ก็จะถือโอกาสเช็ดทำความสะอาดไปในตัว เรียกว่าฝุ่นยังไม่ทันเกาะก็หยิบออกมาเล่นแล้ว
“มุมโต๊ะกินข้าวก็เป็นมุมโปรด โดยเฉพาะช่วง Work From Home ถ้าวันไหนอยู่บ้านคนเดียวจะชอบมานั่งมุมนี้เปลี่ยนบรรยากาศ คิดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะทำมุมโต๊ะกินข้าวให้เป็นแบบนี้แหละ ใช้เก้าอี้ที่เป็นโซฟา อารมณ์คาเฟ่นิด ๆ เผื่อปรับใช้เป็นมุมอเนกประสงค์ได้ กลายเป็นว่าทุกวันนี้ช่วงเช้าจะชอบมานั่งทำงานตรงนี้ ค่ำ ๆ ค่อยย้ายไปนั่งทำงานข้างบน ถือว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศไปไหนตัว”
ไลฟ์สไตล์มีผลกับการเลือกซื้อบ้านอย่างมาก สังเกตว่าเราไม่ค่อยซีเรียสกับห้องครัวเท่าไหร่เพราะเรากับแฟนไม่ทำครัว แค่มีเตาสำหรับอุ่น ทำอะไรง่าย ๆ ก็พอ และเพิ่มตู้สำหรับเก็บแก้วการ์ตูนแทน หรืออย่างที่บอกว่าเราอยากมีห้องสมุดเล็ก ๆ บ้านที่เลือกก็ต้องมีจำนวนห้องมากพอและต้องมีแปลนบ้านที่ต่อเติมหรือปรับเปลี่ยนได้ง่าย เพราะตอนมาดูโครงการเราจินตนาการไปด้วยว่ามุมนี้วางตู้โชว์ได้ไหม ถ้าดูแล้วมีมุมต่อเติมน้อยก็คงไม่เลือก
บ้านที่ดี คือบ้านที่อยู่แล้วมีความสุข
ถ้าถามว่ามีแผนจะย้ายที่อยู่มั้ย คงไม่ย้ายแล้ว อะไรหลาย ๆ อย่างที่นี่ลงตัว แต่ถ้าต้องย้ายจริง ๆ แนวคิดการเลือกซื้อบ้านก็คงเหมือนเดิม พิจารณาจากทำเลและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราและแฟนเป็นหลัก
"สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ บ้านหลังนั้นจะต้องมีห้องสมุดเล็ก ๆ และพื้นที่มากพอให้วางตู้โชว์ของสะสม (ยิ้ม)"
จริงๆ ไม่ว่าไลฟ์สไตล์ของเราจะเป็นแบบไหน ชอบสะสมอะไร ก่อนซื้อบ้านควรหาข้อมูลเยอะ ๆ และถามตัวเองเยอะ ๆ ว่านี่คือสิ่งที่เราต้องการจริงหรือเปล่า เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ต้องอยู่ในบ้านหลังนั้นคือเรา บ้านที่ดีจึงควรเป็นบ้านที่อยู่แล้วเรามีความสุขไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของบ้าน
หากคุณมีประสบการณ์ที่อยากบอกเล่า-แชร์ต่อเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนที่กำลังตามหาบ้านในฝัน ติดต่อเรา