กู้เงินสร้างบ้าน หรือกู้เงินทำบ้าน เป็นทางเลือกในการมีบ้านในฝันสำหรับผู้ที่มีที่ดิน หรือเพิ่งซื้อที่ดิน โดยใช้ทุนการสร้างบ้านจากสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งในขั้นตอนการขอกู้เงินสร้างบ้านนั้น มีความแตกต่างออกไปจากการกู้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
ลองมาดู 3 เทคนิคในการกู้เงินสร้างบ้านให้ผ่านง่าย เตรียมตัวก่อนกู้และวิธีเลือกสินเชื่อสร้างบ้าน กู้เงินสร้างบ้านธนาคารไหนดีที่เหมาะกับคุณ
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- กู้เงินสร้างบ้านต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
- เงื่อนไขการกู้เงินสร้างบ้านที่ควรรู้
- กู้เงินสร้างบ้านกับสถาบันทางการเงินที่มีบัญชีเงินเดือนอยู่
- เลือกสถาบันทางการเงินที่มีสาขาตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่จะสร้างบ้าน
- รวมสินเชื่อกู้เงินสร้างบ้าน มีธนาคารไหนบ้าง
กู้เงินสร้างบ้านต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
กู้เงินสร้างบ้าน หรือกู้เงินทำบ้าน นอกจากรายได้ของผู้กู้ที่ธนาคารจะต้องทำการประเมินในการปล่อยสินเชื่อแล้ว ก็ยังต้องมีรายละเอียดของการก่อสร้างอีกด้วย โดยในส่วนของเอกสารแสดงรายได้ จะประกอบไปด้วย
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สลิปเงินเดือน
4. สำเนาเดินบัญชี ย้อนหลัง 6 เดือน (บัญชีที่เงินเดือนเข้า)
5. หนังสือรับรองเงินเดือน ที่ระบุตำแหน่ง อัตราเงินเดือน ระยะเวลาที่ทำงานมาแล้วกี่ปี
6. สำเนาบัญชีเงินสะสมอย่างน้อย 1 แสนบาทขึ้นไป หรือราว ๆ 10-15% ของมูลค่าบ้านที่จะก่อสร้าง
นอกจากเอกสารข้างต้นแล้วการกู้เงินสร้างบ้าน ธนาคารยังจะต้องดูเอกสารชุดที่ 2 เพื่อประเมินมูลค่าการก่อสร้างบ้าน ประกอบไปด้วย
เอกสารกู้เงินสร้างบ้าน | ความสำคัญ |
แบบบ้าน | ธนาคารจะประเมินวงเงินกู้จากแบบบ้าน แปลนบ้าน |
สัญญาว่าจ้างผู้รับเหมา | การมีสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมา เป็นการยืนยันว่าเงินกู้สร้างบ้านที่ได้นั้นจะถูกนำไปสร้างบ้านจริง |
โฉนดที่ดิน | เอกสารที่ยืนยันว่าผู้กู้มีที่ดินที่จะทำการสร้างบ้านบนที่ดินแปลงนั้น ๆ |
ใบอนุญาตการก่อสร้าง | เป็นหลักประกันว่าการก่อสร้างบ้านได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง ไม่เกิดปัญหาภายหลัง |
1) แบบบ้าน
แบบบ้านหรือแปลนบ้านถือเป็นเอกสารสำคัญเบื้องต้นที่ขาดไม่ได้ในการจะกู้เงินสร้างบ้าน หรือกู้เงินทำบ้าน เนื่องจากการกู้เพื่อสร้างบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถประเมินมูลค่าเงินที่จะก่อสร้างได้จากที่ดินเปล่า
ดังนั้น ธนาคารจึงจะประเมินราคาการปล่อยสินเชื่อหรือปล่อยกู้เงินสร้างบ้านให้กับผู้กู้ด้วยการประเมินแบบแปลนเบื้องต้น
โดยส่วนใหญ่ก่อนที่จะทำการกู้ ผู้กู้จึงมีการตกลงกับสถาปนิกหรือวิศวกรให้ออกแบบบ้านให้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2% ของมูลค่ารวมบ้านหรือขึ้นอยู่กับผู้รับงานนั้น ๆ
2) ผู้รับเหมา หรือ สัญญาว่าจ้างรับเหมาก่อสร้าง
ผู้รับเหมาหรือผู้ก่อสร้างบ้าน ถือเป็นหนึ่งในการประเมินงบประมาณค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้าน เนื่องจากจะสร้างบ้านได้จะต้องมีทุนในการจ้างผู้รับเหมาให้ประกอบบ้านขึ้นมา ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็อยู่รวมกับสินเชื่อในการกู้เงินสร้างบ้าน
ดังนั้น ก่อนที่ธนาคารจะปล่อยกู้ ธนาคารจะต้องมั่นใจก่อนว่าเมื่อปล่อยกู้ไปแล้วเงินจะถูกนำไปใช้จ่ายในการสร้างบ้านจริง โดยดูจากสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาหรือเงินที่ต้องนำไปชำระกับผู้รับเหมานั่นเอง
3) โฉนดที่ดิน
แน่นอนหากจะทำเรื่องการกู้เงินสร้างบ้านแต่ไม่มีโฉนดที่ดิน ก็คงจะดูแปลก ๆ โดยโฉนดที่ดินที่จะทำการสร้างบ้านไม่จำเป็นต้องมีชื่อของผู้กู้โดยตรงก็ได้
เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่อาจจะเป็นที่ดินของ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย แต่เมื่อถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ที่อยากจะทำการสร้างบ้านบนที่ดินนั้นก็สามารถให้เจ้าของที่ดินในโฉนดหรือผู้ครอบครองมาเข้าร่วมขอสินเชื่อกู้เงินสร้างบ้านหรือเป็นผู้กู้ร่วมด้วยก็ได้
4) ใบอนุญาตการก่อสร้าง
นอกเหนือจากนั้น การก่อสร้างอาคารหรือบ้านเรือนจะต้องมีเรื่องของกฎหมายการสร้างบ้านต่าง ๆ มาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่การถมที่ดินไปจนถึงการปลูกสร้าง โดยสามารถศึกษาเรื่องการถมดินในการสร้างบ้านเบื้องต้นได้ที่นี่
ดังนั้น การจะก่อสร้างสิ่งก่อสร้างใด ๆ ก็ตามจะต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งการติดต่อขอใบอนุญาตตรงนี้จะเป็นหลักประกันว่าการก่อสร้างบ้านของผู้กู้นั้นจะไม่ประสบปัญหาใด ๆ ย้อนหลัง และไม่มีผลต่อการปล่อยกู้

เงื่อนไขการกู้เงินสร้างบ้านที่ควรรู้
เมื่อรู้รายละเอียดสำหรับการกู้เงินสร้างบ้าน หรือกู้เงินทำบ้านแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องมาดูแล้วว่าบ้านในฝันที่เราจะสร้างบนที่ดินของตัวเองนั้นจะสามารถเป็นจริงได้หรือไม่ จากการเลือกสถาบันทางการเงินที่จะกู้
โดยแต่ละสถาบันก็จะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป โอกาสในการกู้ก็อาจจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ ดังนั้นหากคิดจะกู้เงินสร้างบ้านแล้วก็ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม รวมไปถึงการเลือกธนาคาร เพื่อจะทำให้การกู้เงินสร้างบ้านได้รับการอนุมัติการกู้ได้ไม่ยาก
การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยระหว่างสถาบันทางการเงิน ถือเป็นจุดสำคัญที่ผู้กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งการซื้อ การสร้าง จะต้องทำเป็นอันดับแรก เพราะสถาบันทางการเงินแต่ละสถาบันจะมีอัตราดอกเบี้ย และโปรโมชั่นแตกต่างกันไป
โดยส่วนใหญ่จะมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี แรก และปีที่ 4 จะมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR อยู่ที่ประมาณ -0.25% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเดือนล่าสุดได้ที่นี่
กู้เงินสร้างบ้านกับสถาบันทางการเงินที่มีบัญชีเงินเดือนอยู่
การกู้สินเชื่อบ้าน หรือกู้เงินทำบ้านกับสถาบันทางการเงินที่มีบัญชีเงินเดือนผูกอยู่ นอกจากจะทำให้การประเมินเอกสารแสดงรายได้ง่ายขึ้นต่อการกู้เงินสร้างบ้านแล้ว ยังมีบางบริษัทที่ร่วมมือกับสถาบันทางการเงินและมอบสวัสดิการกับพนักงานด้านการกู้สินเชื่อด้วย
ยกตัวอย่างเช่น สามารถให้พนักงานกู้สินเชื่อระยะยาว อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ต่ำกว่าสถาบันการเงินอื่น ๆ ทั้งนี้ลองถามฝ่ายบุคคลดู หากบริษัทมีสวัสดิการดังกล่าวก็สามารถติดต่อทำเรื่องกู้เงินสร้างบ้านได้ โดยได้รับสวัสดิการตามเงื่อนไขที่บริษัทนั้น ๆ กำหนด
เลือกสถาบันทางการเงินที่มีสาขาตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่จะสร้างบ้าน
เงื่อนไขนี้ถือว่ามีผลต่อการเลือกสถาบันทางการเงินในการปล่อยกู้เงินสร้างบ้าน หรือกู้เงินทำบ้านพอสมควร เนื่องจากหากเลือกสถาบันทางการเงินที่อยู่ไกลพื้นที่สร้างบ้าน หรือที่อยู่อาศัยปัจจุบัน จะทำให้ความสะดวกในการติดต่อยื่นเอกสารลดลง และการกู้เงินสร้างบ้านจำเป็นต้องมีการเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างเป็นงวด ๆ ด้วย
การเลือกสถาบันการเงินที่อยู่ใกล้ตัวก็จะทำให้การปล่อยกู้ การส่งเจ้าพนักงานมาประเมินการก่อสร้าง รวมไปถึงการติดต่อการกู้ต่าง ๆ สะดวกขึ้นมาก
รวมสินเชื่อกู้เงินสร้างบ้าน มีธนาคารไหนบ้าง
1. ธนาคารไทยพาณิชย์
- สินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน บ้านหลังเล็กหรือใหญ่ สร้างได้ดังใจฝัน พร้อมเพิ่มวงเงินตกแต่งบ้าน
- รับอัตราดอกเบี้ยสุดพิเศษทั้งแบบคงที่ หรือแบบลอยตัว ผ่อนสบายแบบ ลดต้น ลดดอก
- ระยะเวลากู้นานสูงสุด 30 ปี
- ระยะเวลาผ่อนชำระรวมอายุผู้กู้แล้วไม่เกิน 65 ปี
- ดอกเบี้ยเริ่มต้นคงที่ 2 ปีแรก 3.70% ต่อปี
- ส่วนลดอัตราดอกเบี้ย
- กู้ได้สูงสุด 100%
2. ธนาคารกรุงไทย
- สินเชื่อบ้านกรุงไทย ดอกเบี้ยกู้บ้านต่ำ
- ดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 3 ปี เริ่มต้น 1.59% ต่อปี นาน 3 เดือน
- กู้เงินสร้างบ้าน เลือกผ่อนต่ำ ล้านละ 3,500 บาท/เดือน ได้
- วงเงินกู้ซื้อบ้านสูงสุด 100%
- ระยะเวลากู้บ้านสูงสุด 40 ปี
- มีทางเลือกธนาคารออกค่าธรรมเนียมการจดจำนองให้
- สำหรับกู้เงินซื้อบ้านมือหนึ่ง บ้านมือสอง ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างบ้าน
3. ธนาคารกสิกรไทย
- สินเชื่อบ้านเพื่อกู้ปลูกสร้างบ้าน
- ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 100% สำหรับลูกค้าปลูกสร้างบ้านกับบริษัทในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
- ดอกเบี้ยพิเศษ 2.24% ปีแรกสำหรับลูกค้าปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตนเอง (ปลอดภาระ) และไม่ได้ปลูกสร้างบ้านกับบริษัทในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน
4. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- สินเชื่อกู้เงินสร้างบ้านกับธนาคารกรุงศรี สานฝันให้คุณปลูกสร้างบ้านได้อย่างสะดวกสบาย
- สำหรับคนที่มองหาเงินกู้สร้างบ้านใหม่ หรือปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเดิม
- วงเงินกู้ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป
- วงเงินกู้สูงสุด 100% ของค่าจ้างปลูกสร้าง กรณีขอสินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน
- วงเงินกู้รวมสูงสุด 90% ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กรณีขอสินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน พร้อมสินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคชบนที่ดิน
สุดท้ายนี้นอกจากการเตรียมเอกสารการกู้และการเลือกธนาคารที่จะทำให้การกู้เงินสร้างบ้านผ่านไปได้อย่างง่ายได้แล้ว ทั้งนี้เองจะต้องขึ้นอยู่กับวินัยของแต่ละบุคคลหรือผู้กู้เองด้วย
ไม่ว่าจะเป็นวินัยในการเก็บออมเงิน ความพร้อมต่าง ๆ ในการสร้างบ้าน ทั้งที่ดินที่ การจ่ายค่าออกแบบ ใบอนุมัติก่อสร้าง การหาผู้รับเหมา รวมไปถึงโฉนดก็ควรเป็นชื่อผู้กู้ก็จะดีที่สุด
ทั้งหมดนี้ หากผู้กู้มีเงินสำรองในการจ่ายล่วงหน้าหรือมีเงินเก็บประมาณ 20-30% ของมูลค่าบ้าน ก็ทำให้การกู้เงินสร้างบ้านผ่านได้ง่ายมากขึ้น เพราะหลังจากติดต่อยื่นกู้เงินสร้างบ้านกับสถาบันทางการเงินจะต้องใช้เวลาประเมินมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
ดังนั้น คนที่กู้เงินสร้างบ้าน หรือกู้เงินทำบ้านก็มักจะเป็นผู้ที่เริ่มต้นก่อสร้างด้วยเงินตัวเองมาสักพัก ซึ่งทางสถาบันทางการเงินที่จะปล่อยกู้เงินสร้างบ้าน ส่วนใหญ่มักจะมีการประเมินเบื้องต้นจากการดูผลงานการก่อสร้างบ้านที่มีการดำเนินการก่อสร้างไปก่อนแล้ว 20% เพื่อความมั่นใจในการอนุมัติเงินกู้ว่าผู้กู้จะนำไปใช้ในการก่อสร้างจริง
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กิตติคม พจนี Content Writer ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kittikom@ddproperty.com
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ