ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีที่ดินว่างเปล่า ปี 2566 จ่ายเท่าไหร่

DDproperty Editorial Team
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีที่ดินว่างเปล่า ปี 2566 จ่ายเท่าไหร่
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เชื่อว่าหลายคนคงงง ๆ อยู่ไม่น้อย เนื่องจากภาษีที่ดินฉบับใหม่ยังคงมีประเด็นที่ต้องจับตาอีกหลายด้าน รวมทั้งยังไม่มีกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนออกมาในหลาย ๆ เรื่อง และมีข้อมูลอัปเดตออกมาเป็นระยะ สามารถติดตามได้ที่นี่
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566

ล่าสุดเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 15% ปีภาษี 2566 โดยมีที่ดินสิ่งปลูกสร้างที่เข้าข่าย 4 ประเภท ได้แก่
1. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
2. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย
3. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจากข้อ 1 และ 2
4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
อย่างไรก็ตาม เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เพื่อลดภาระและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และสนับสนุนให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สำหรับการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้กับที่ดินบางประเภท

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้มีการปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้รับการลดภาษีตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 ให้ลดภาษีในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ ตัวอย่างกรณีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เคยได้รับการลดภาษี ได้แก่ โรงพยาบาล ร้านทำผม ร้านอาหาร ร้านล้างรถ และห้างสรรพสินค้า
2. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการลดภาษี 50% ตามพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 เมื่อคำนวณลดภาษีในอัตรา 50% ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสียแล้ว ให้ลดภาษีลงอีกในอัตรา 15% ของจำนวนภาษีที่ลดไปแล้ว 50% ตัวอย่างกรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ได้รับการลดภาษี 50% ได้แก่
– ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เฉพาะทรัพย์สินที่บุคคลดังกล่าวได้มาทางมรดกและได้จดทะเบียนแล้วก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2562
– ที่ดินที่ตั้งของโรงผลิตไฟฟ้า
– ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นเขื่อน
3. กรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ได้รับการลดภาษี 90% ตามพ.ร.ฎ.ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 แล้ว จะไม่ได้รับการลดภาษีเพิ่มอีก เนื่องจากมาตรา 55 แห่ง พร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 จะมีอัตราการลดภาษีสูงสุดอยู่ที่ 90% ได้แก่
– โรงเรียนในระบบ
– โรงเรียนนอกระบบ (ประเภทสอนศาสนา ตาดีกา ปอเนาะ)
– สวนสัตว์ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
– สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย

คงอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเดิมต่อไปอีก 2 ปี

สืบเนื่องจาก พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 กำหนดให้ 2 ปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปีภาษี 2563-2564 ให้ใช้อัตราภาษีตามมูลค่าของฐานภาษีที่จะใช้อยู่ในปัจจุบันจะครบกำหนดระยะเวลาในปีภาษี 2564 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2564
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรึ (ครม.) จึงมีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. …. เพื่อเป็นการกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565-2566 โดยคงอัตราภาษีแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563 และ 2564 มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.01-0.1%
2. ที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น
2.1 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.03-0.1%
2.2 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
2.3 บ้านหลังอื่น ๆ อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
3. การใช้ประโยชน์อื่น หรือใช้เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่ดินว่างเปล่าที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
ทั้งนี้ การคงอัตราภาษีแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563 และ 2564 ไปอีกระยะหนึ่งก่อน เพื่อให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับผู้เสียภาษี และเพื่อให้ผู้เสียภาษีได้มีระยะเวลาในการปรับตัวสำหรับการชำระภาษีในอัตราที่แท้จริง

ขยายเวลาจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องขยายกำหนดเวลาดำเนินการตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ประจำปี พ.ศ. 2566 โดยมีสาระสำคัญคือ ขยายเวลาดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ออกไปอีก 2 เดือน ดังนี้
1. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการจัดทำบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อประกาศและจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผู้เสียภาษีแต่ละรายทราบ จากเดิมภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นภายในเดือนมกราคม 2566
2. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีที่จัดเก็บ และรายละเอียดอื่นที่จำเป็น ในการจัดเก็บภาษี จากเดิมก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นก่อนวันที่ 1 เมษายน 2566
3. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแจ้งการประเมินภาษี โดยส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี จากเดิมภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นภายในเดือนเมษายน 2566
4. ขยายกำหนดเวลาของผู้เสียภาษีในการชำระภาษีตามแบบแจ้งการประเมินภาษี จากเดิมภายในเดือนเมษายน 2566 เป็นภายในเดือนมิถุนายน 2566
5. ขยายกำหนดเวลาของผู้เสียภาษีในการผ่อนชำระภาษี โดย
1) งวดที่ 1 จากเดิมภายในเดือนเมษายน 2566 เป็นภายในเดือนมิถุนายน 2566
2) งวดที่ 2 จากเดิมภายในเดือนพฤษภาคม 2566 เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2566
3) งวดที่ 3 จากเดิมภายในเดือนมิถุนายน 2566 เป็นภายในเดือนสิงหาคม 2566
6. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการมีหนังสือแจ้งเตือนผู้เสียภาษีที่มีภาษีค้างชำระ จากเดิมภายในเดือนพฤษภาคม 2566 เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2566
7. ขยายกำหนดเวลาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแจ้งรายการภาษีค้างชำระให้สำนักงานที่ดินหรือสำนักงานที่ดินสาขา จากเดิมภายในเดือนมิถุนายน 2566 เป็นภายในเดือนสิงหาคม 2566

เพิ่มช่องทางแฟกซ์/E-mail แจ้งเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดิน

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เพิ่มช่องทางการแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ตามแบบ ภ.ด.ส. 5 สามารถดำเนินการโดยผ่านทางโทรสารหรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ของสำนักงานเขตท้องที่ซึ่งที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นตั้งอยู่ได้
โดยให้ถือว่าวันที่สำนักงานเขตได้รับแบบ ภ.ด.ส. 5 ซึ่งมีข้อมูลเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์และลายมือซื่อผู้เสียภาษีถูกต้องครบถ้วน เป็นวันที่ผู้เสียภาษีแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดินฯ
– กรณีแจ้งทางโทรสารหรือแฟกซ์ ให้ผู้เสียภาษีโทรศัพท์สอบถามผลการส่งแบบ ภ.ด.ส. 5 อีกครั้ง เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดจากการรับส่ง
– กรณีแจ้งทาง E-mail ให้สำนักงานเขตแจ้งผลการส่งแบบ ภ.ด.ส. 5 ให้ผู้เสียภาษีทราบทาง E-mail ภายในวันทำการถัดไป และให้ผู้เสียภาษีเก็บแบบ ภ.ด.ส. 5 ดังกล่าวไว้ จนกว่าจะได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีตามการใช้ประโยชน์ในปีถัดไป

ดาวน์โหลดเอกสารฟรี

ดาวน์โหลดแบบ ภ.ด.ส. และประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน

โดยสามารถตรวจสอบหมายเลขโทรสารและ E-mail ของสำนักงานเขตได้ตามข้อมูลด้านล่างนี้
คลองเตย
02-240-2466
02-240-2466, 02-249-0956
คลองสาน
02-437-3232
02-437-3232
คลองสามวา
02-548-0336
02-548-0336
02-548-0336, 02-548-0321 ต่อ 5121-5123
คันนายาว
02-379-9947
02-379-9947, 02-379-9961-3 ต่อ 5170-5171
จตุจักร
02-513-9714
02-513-9714, 02-513-6005, 02-513-3444 ต่อ 5219
จอมทอง
02-427-4029
02-427-4029, 02-427-4925
ดอนเมือง
02-565-9412
02-565-9512
ดินแดง
02-245-3379
02-245-3379, 02-245-4608 ต่อ 5370-5371
ดุสิต
02-241-4796 ต่อ 5426
02-241-4796
ตลิ่งชัน
02-424-9951
02-424-2649, 02-424-9951
ทวีวัฒนา
02-441-4740
02-441-4740, 02-441-4973 ต่อ 5522
ทุ่งครุ
02-464-4390
02-464-4390, 02-464-1689 ต่อ 5572, 02-464-4380 ต่อ 5573
ธนบุรี
02-890-0621
02-890-0621, 02-465-1012 ต่อ 5620-5622
บางกอกน้อย
02-423-0886
02-424-0056 ต่อ 5672-5673, 02-423-0886
บางกอกใหญ่
02-868-1252
02-868-1252, 02-457-0069 ต่อ 5716-5717
บางกะปิ
02-375-5323
Revbangkapi
02-375-5323, 02-377-5494 ต่อ 5774
บางขุนเทียน
02-416-0058
02-416-0058, 02-415-1694, 02-415-0156 ต่อ 5821
บางเขน
02-521-0057 ต่อ 5870
02-561-0666 ต่อ 5869-5870, 02-986-0750
บางคอแหลม
02-292-1336
02-292-1336, 02-291-0285 ต่อ 5921-5922, 02-291-3800 ต่อ 5921-5922
บางแค
02-867-1638
02-454-5715, 02-867-1635 ต่อ 5974-5975
บางซื่อ
02-586-9975 ต่อ 6020
02-910-5048, 02-586-9975 ต่อ 6020-6021
บางนา
02-173-5267
092-414-0648
02-173-5267, 02-173-5253-7 ต่อ 6069-6070
บางบอน
02-450-3290
02-450-3290 ต่อ 6111-6113
บางพลัด
02-434-6369
@rdbangphlat
02-434-6369, 02-424-0971
บางรัก
02-236-3161
02-236-1515, 02-236-3161, 02-236-4191
บึงกุ่ม
02-364-7345
02-364-7345, 02-364-7000 ต่อ 6271
ปทุมวัน
02-214-0207
02-214-0207, 02-214-3004 ต่อ 6321-6323
ประเวศ
02-328-7161
02-328-7161, 02-328-7111, 02-328-7428, 02-328-7812 ต่อ 6371, 6372
ป้อมปราบศัตรูพ่าย
02-281-0281 ต่อ 6421
02-281-0202, 02-281-0281 ต่อ 6421
พญาไท
02-279-4141-3 ต่อ 6473
02-279-4141-43 ต่อ 6471-6473
พระโขนง
02-311-5439
02-311-5439, 02-311-0093
พระนคร
02-280-1338
02-280-1338
02-280-1338
ภาษีเจริญ
02-413-0564
02-413-0564, 02-413-0383 ต่อ 6621-6622, 02-413-0565 ต่อ 6621-6622
มีนบุรี
02-914-6314
02-914-6314, 02-540-7160 ต่อ 6670-6671
ยานนาวา
02-295-2253
02-294-2398, 02-295-2253
ราชเทวี
02-354-4215
@rev32
02-354-4215, 02-354-4201 ต่อ 6770-6771
ราษฎร์บูรณะ
02-428-4884 ต่อ 6822
02-428-4884 ต่อ 6822-6823
ลาดกระบัง
02-326-9148
02-327-4871, 02-326-9148, 02-326-7733 ต่อ 6872
ลาดพร้าว
02-539-7772
02-539-7772, 02-538-3240
วังทองหลาง
02-514-0513
02-538-5350 ต่อ 6973-6974, 02-513-0514
วัฒนา
02-381-5971
02-381-5971, 02-391-0313 ต่อ 7024-7025
สวนหลวง
02-321-8696
02-321-8551, 02-321-8696
สะพานสูง
02-372-2918-23 ต่อ 7121-7122
02-372-2918-23 ต่อ 7121-7122
สัมพันธวงศ์
02-237-0974
02-237-0974, 02-235-2133
สาทร
02-212-8115 ต่อ 7224
02-212-8115 ต่อ 7222-7224
สายไหม
02-158-7363
02-158-7363
หนองแขม
02-444-0505
02-444-0505, 02-421-3991
หนองจอก
02-548-2901
02-543-1476, 02-548-2901
หลักสี่
02-576-1363
092-423-8957
02-576-1363, 02-982-2085 ต่อ 7415-7416
ห้วยขวาง
02-276-2755
02-276-2755, 02-277-3153
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคำนวณอย่างไร

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคำนวณอย่างไร

ถ้าจ่ายภาษีบ้านและที่ดินล่าช้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ภาษีค้างชําระที่จะต้องติดตามเร่งรัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้เสียภาษีภายในเดือนถัดไป เพื่อให้มาชําระภาษีค้างชําระ พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม โดยจะเสียค่าปรับดังนี้
1. ถ้าไม่ได้มาจ่ายภาษีภายในเวลาที่กําหนด แต่ต่อมาได้มาชําระภาษีก่อนที่จะได้รับหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 10% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
2. ถ้าจ่ายภาษีภายในระยะเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือนให้คิดเบี้ยปรับ 20% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
3. ถ้าจ่ายภาษีภายหลังจากเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 40% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
4. ผู้เสียภาษีที่มิได้ชําระภาษีภายในเวลาที่กําหนด ให้เสียเงินเพิ่มอีก 1% ต่อเดือนของ จํานวนภาษีค้างชําระ โดยให้เริ่มนับเมื่อพ้นกําหนดเวลาชําระภาษีจนถึงวันที่มีการชําระภาษี แต่ต้องไม่เกินกว่าจํานวนภาษีที่ต้องจ่าย
นอกจากนี้ ถ้าผู้เสียภาษีไม่มาชําระภายในระยะเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะส่งข้อมูลการค้างชำระไปให้สำนักงานที่ดิน ทำให้การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างจะทําไม่ได้
หากมีภาษีค้างชำระ และหากพ้นกําหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ค้างชําระภาษีได้รับหนังสือแจ้งเตือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถยึด อายัด ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ค้างชำระภาษีไปขายทอดตลาดได้
ตัวอย่างหนังสือแจ้งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

แจงแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ที่อยู่อาศัยที่ปล่อยเช่าก็เสียภาษีบ้านและที่ดินในอัตราที่อยู่อาศัย

เนื่องจากการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีด้วยกันหลายประเภท เพื่อไม่เกิดผลกระทบกับประชาชนที่มีจุดประสงค์หลักในการใช้ประโยชน์บนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัย กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ได้มีการชี้แจงแนวทางการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แก่ ห้องชุด บ้าน โรงเรือน อาคาร ตึก ตึกแถว หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด ที่มีลักษณะให้บุคคลใช้เพื่อการอยู่อาศัยไว้ ดังนี้
1. เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะให้บุคคลใช้เพื่อการอยู่อาศัย เช่น ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของใช้อยู่อาศัยเอง ให้ญาติพี่น้องอยู่อาศัย หรือให้เช่าเพื่ออยู่อาศัย ให้เสียภาษีในอัตราที่อยู่อาศัย
แต่ในกรณีที่เป็นอาคารพาณิชย์มีการอยู่อาศัยในชั้นบนและเปิดทำการค้าชั้นล่างนั้น จะแยกการคำนวณภาษี คือ จะจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเภทเชิงพาณิชย์สำหรับพื้นที่ชั้นล่าง และเก็บภาษีที่อยู่อาศัยในชั้นบน
2. ให้ครอบคลุมถึงช่วงเวลาระหว่างการก่อสร้าง หรือปรับปรุงต่อเติมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัยด้วย เช่น บ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการตกแต่ง เป็นต้น
3. ไม่รวมถึงโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม และที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หรือสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ขายตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
โดยแนวทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่ใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มระชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งไม่มีที่พักอาศัยของตนเอง หรือที่เช่าที่อยู่อาศัย รวมถึงเจ้าของทรัพย์สินที่ให้บุคคลอื่นเพื่อการอยู่อาศัย หรือการให้บุคคลอื่นเช่าเพื่อการอยู่อาศัยด้วย

อัตราการจัดเก็บภาษีบ้านและที่ดิน

– ราคา 0-50 ล้านบาท เสียภาษี 0.02% ต่อปี
– ราคา 50-75 ล้านบาท เสียภาษี 0.03% ต่อปี
– ราคา 75-100 ล้านบาท เสียภาษี 0.05% ต่อปี
– ราคา 100 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษี 0.1% ต่อปี
ทั้งนี้ กรณีของโฮมสเตย์ โฮสเทล และ Airbnb (แอร์บีเอ็นบี) นั้น ถือว่าเป็นธุรกิจโรงแรมที่พัก จะต้องเสียอัตราภาษีในเชิงพาณิชย์

แจ้งเปลี่ยนอัตโนมัติ ไม่ต้องไปที่เขต

หลังจากที่ได้รับเอกสารแจ้งข้อมูลรายการห้องชุด (ภ.ด.ส.4) จากสำนักงานเขต หากในเอกสารระบุลักษณะใช้ประโยชน์เป็น “อื่น ๆ” ไม่ต้องไปยื่นแก้ให้เป็น “อยู่อาศัย” ที่สำนักงานเขต เนื่องจากระบบจะปรับให้เอง
โดยขณะนี้กระทรวงการคลัง และมหาดไทย ได้ร่วมกัน เพื่อเตรียมออกประกาศเป็นกฎหมายลูก ผ่อนปรนในเรื่องการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินเพื่ออยู่อาศัย เพื่อให้องค์กรท้องถิ่น ประเมินภาษีการใช้ประโยชน์ขั้นสุดท้าย โดยที่ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปชี้แจงอีก เพื่อให้สอดคล้องกับหลักของการเก็บภาษีคือต้องสะดวก ประหยัดต้นทุน พยายามลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
พื้นที่รกร้างคืออะไร

พื้นที่รกร้างคืออะไร

ส่วนการกำหนดขอบเขตการเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้น หากเป็นที่ดินรกร้างและมีการปลูกพืชผลทางการเกษตร ก็นับว่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ ไม่ถือว่าผิด หรือบิดเบือนการบังคับใช้กฎหมาย แต่ในประกาศจะมีชัดเจนในการกำหนดจำนวนพื้นที่ที่ต้องใช้ในการปลูกพืชผลทางการเกษตรและพันธุ์พืชแต่ละประเภท เช่น ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ผัก ผลไม้ และพืชไร่ ที่ต้องกำหนดแตกต่างกันไป หากเข้ากำหนดก็จะเสียภาษีที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่ถูกคิดเป็นภาษีทีดินรกร้างว่างเปล่า
กระทรวงการคลัง กับกระทรวงมหาดไทย กำลังเร่งกำหนดเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินทำเกษตรกรรม ให้สอดรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ ซึ่งล่าสุดได้ยกร่างกฎหมายลำดับรองกำหนดเกณฑ์การทำเกษตรกรรม เพื่อแยกประเภทที่ดินให้มีความชัดเจน ระหว่างที่ดินรกร้างว่างเปล่า กับที่ดินประเภทเกษตรกรรม

ที่ดินเกษตรกรรมมีกี่ประเภท

เกณฑ์ใหม่จะจำแนกประเภทเกษตรกรรมเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย

1. ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืช

ชนิดพืชอัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตร (ต่อไร่)
กล้วยหอม200 ต้น
กล้วยไข่200 ต้น
กล้วยน้ำว้า200 ต้น
กะท้อนเปรี้ยว25 ต้น
กะท้อนพันธุ์ทับทิม25 ต้น
กะท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย25 ต้น
กาแฟ170 ต้น
กาแฟพันธุ์โรบัสต้า170 ต้น
กาแฟพันธุ์อราบิก้า533 ต้น
กานพลู20 ต้น
กระวาน100 ต้น
โกโก้150-170 ต้น
ขนุน25 ต้น
เงาะ20 ต้น
จำปาดะ25 ต้น
จันทร์เทศ25 ต้น
ชมพู่45 ต้น
ทุเรียน20 ต้น
ท้อ45 ต้น
น้อยหน่า170 ต้น
นุ่น25 ต้น
บ๊วย45 ต้น
ปาล์มน้ำมัน22 ต้น
ฝรั่ง45 ต้น
พุทรา80 ต้น
แพสชั่นฟรุ๊ต (เสาวรส)400 ต้น
พริกไทย400 ต้น
พลู100 ต้น
มะม่วง20 ต้น
มะพร้าวแก่20 ต้น
มะพร้าวอ่อน20 ต้น
มะม่วงหิมพานต์45 ต้น
มะละกอ (ยกร่อง)100 ต้น
มะละกอ (ไม่ยกร่อง)175 ต้น
มะนาว50 ต้น
มะปราง25 ต้น
มะขามเปรี้ยว25 ต้น
มะขามหวาน25 ต้น
มังคุด16 ต้น
ยางพารา80 ต้น
ลิ้นจี่20 ต้น
ลำไย20 ต้น
ละมุด45 ต้น
ลางสาด45 ต้น
ลองกอง45 ต้น
ส้มโอ45 ต้น
ส้มโอเกลี้ยง45 ต้น
ส้มตรา45 ต้น
ส้มเขียวหวาน45 ต้น
ส้มจุก45 ต้น
สตรอว์เบอร์รี10,000 ต้น
สาลี่45 ต้น
สะตอ25 ต้น
หน่อไม้ไผ่ตง25 ต้น
หมาก (ยกร่อง)100-170 ต้น
พืชกลุ่มให้เนื้อไม้100 ต้น
หมายเหตุ:
1) กรณีที่ไม่ปรากฏชนิดพืชตามบัญชีแนบท้ายนี้ ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตรต่อไร่ โดยเทียบเคียงจากชนิดพืชที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด
2) กรณีที่ไม่สามารถเทียบเคียงจากชนิดพืชที่มีลักษณะใกล้เคียงตาม 1) ได้ ให้พิจารณาตามลักษณะการประกอบการเกษตรในแต่ละท้องถิ่น

2. ด้านการเลี้ยงสัตว์

โค
ขนาด 7 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 5 ไร่
กระบือโตเต็มวัย
ขนาด 7 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 5 ไร่
แพะ-แกะโตเต็มวัย
ขนาด 2 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 1 ไร่
สุกรพ่อพันธุ์
คอกเดี่ยว ขนาด 7.5 ตารางเมตรต่อตัว
สุกรแม่พันธุ์
คอกเดี่ยว ขนาด 1.5 ตารางเมตรต่อตัว
สุกรอนุบาล
ขนาด 0.5 ตารางเมตรต่อตัว
สุกรขุน
ขนาด 1.5 ตารางเมตรต่อตัว
คอกคลอด
พื้นที่ไม่น้อยกว่า 6 ตารางเมตรต่อตัว
ซองอุ้มท้อง
พื้นที่ไม่น้อยกว่า 2 ตารางเมตรต่อตัว
สัตว์ปีกเลี้ยงปล่อย (เป็ดและไก่)
ขนาด 4 ตารางเมตรต่อตัว (ตามมาตรฐานปศุสัตว์อินทรีย์)
กวาง
ขนาด 2 ไร่ต่อตัว
หมูป่า
ขนาด 5 ตารางเมตรต่อตัว (เลี้ยงในโรงเรือน) หรือขนาด 0.25 ไร่ต่อตัว (เลี้ยงปล่อย)
ผึ้ง
บริเวณที่มีพืชอาหารเลี้ยงผึ้ง เช่น เกสร และน้ำหวานดอกไม้ที่สมดุลกับจำนวนรังผึ้ง
จิ้งหรีด
บริเวณพื้นที่เพียงพอและเหมาะสมกับขนาดและจำนวนบ่อ
หมายเหตุ:
1) กรณีที่ไม่ปรากฏชนิดสัตว์ตามบัญชีแนบท้ายนี้ ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการเลี้ยงปศุสัตว์และการเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ โดยเทียบเคียงจากชนิดสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด
2) กรณีที่ไม่สามารถเทียบเคียงจากชนิดสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงตาม 1) ได้ ให้พิจารณาตามลักษณะการเลี้ยงปศุสัตว์ และการเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ ในแต่ละท้องถิ่น

3. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือทำการประมง

1) พื้นที่บ่อดิน บ่อปูน กระชังบก บ่อพลาสติก โรงเพาะฟัก หรือพื้นที่ที่ใช้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในลักษณะอื่นใด ที่ผู้ขุด ผู้สร้าง ผู้จัดทำ เจ้าของ หรือผู้ครอบครอง มีความมุ่งหมายโดยตรงที่ใช้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
2) ที่ดินที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องที่มีกิจกรรมใช้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น บ่อพักน้ำ บ่อบำบัดน้ำ คลองส่งน้ำ คลองระบายน้ำ คูน้ำ คันดินขอบบ่อ ถนน และให้รวมถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นใดที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

ภาษีที่ดินว่างเปล่าเสียเท่าไหร่

ภาษีที่ดินว่างเปล่าจะต้องเสียในอัตรา ดังนี้
– มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.3%
– มูลค่าเกิน 50-200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4%
– มูลค่าเกิน 200-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.5%
– มูลค่าเกิน 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6%
– มูลค่าเกิน 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.7%
และเสียเพิ่ม 0.3% ทุก 3 ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน 3%

กำหนดเกณฑ์ที่ดินรกร้าง-ที่ดินเกษตร

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะนำเกณฑ์กำหนดที่ดินประเภทเกษตรกรรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาพิจารณาร่วมด้วย สำหรับเกณฑ์ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนเกษตรกร การทำการเกษตร ได้แก่
1. การทำนาหรือทำไร่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันบนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป
2. การปลูกผัก หรือการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เพาะเห็ด ปลูกพืชอาหารสัตว์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน เนื้อที่ตั้งแต่ 1 งานขึ้นไป
3. ปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้น หรือการปลูกสวนป่า ปลูกป่าเศรษฐกิจแบบสวนเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ และมีจำนวนต้นตั้งแต่ 15 ต้นขึ้นไป
4. การปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้นแบบสวนผสม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ และมีจำนวนต้น 15 ต้นขึ้นไป
5. การเลี้ยงแม่โคนมตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป
6. การเลี้ยงโค หรือกระบือ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป
7. การเลี้ยงสุกร แพะ หรือแกะ อย่างใดอย่างหนึ่งรวมกัน ตั้งแต่ 5 ตัวขึ้นไป
8. การเลี้ยงสัตว์ปีก ตั้งแต่ 50 ตัวขึ้นไป
9. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
10. การทำนาเกลือสมุทร บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป
11. การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน
12. การเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ อาทิ การเลี้ยงผึ้งพันธุ์ ผึ้งโพรง ชันโรง ครั่ง จิ้งหรีด ด้วงสาคู ไส้เดือนดิน ฯลฯ
13. การประกอบการเกษตรอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน นอกเหนือจากเกณฑ์ที่กำหนดตามข้อ 1-12 และมีรายได้ตั้งแต่ 8,000 บาท/ปีขึ้นไป
โดยจะมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางส่วนอาจเป็นไปตามเกณฑ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บางส่วนอาจเป็นเกณฑ์ที่เข้มข้นกว่า หรือที่ผ่อนปรนมากกว่าก็มี สำหรับเกณฑ์ที่จะกำหนดขึ้นนี้จะแล้วเสร็จและประกาศใช้ทันระยะเวลาที่ขยายให้ท้องถิ่นรับชำระภาษี
แม้ว่าการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะดูยุ่งยากหลายขั้นตอน แต่การเสียภาษีนั้นเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนตามบทกฎหมายไทยที่นอกจากจะเพิกเฉยไม่ได้ ยังต้องทำความเข้าใจเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องและถูกกฎหมาย
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

ภาษีที่ดิน คืออะไร

ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเป็นภาษีที่ใช้จัดเก็บแทนภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ โดยอัตราภาษีจะคำนวณตามประเภทการใช้ประโยชน์ ตั้งแต่ปีละ 0.01% ไปจนถึงปีละ 3%

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยปกติจะต้องจ่ายภายในเดือนเมษายนของทุกปี โดยสามารถผ่อนชำระภาษีได้ 3 เดือน งวดที่ 1 ภายในเดือนเมษายน งวดที่ 2 ภายในเดือนพฤษภาคม และงวดที่ 3 ภายในเดือนมิถุนายน

ชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ที่ 1.ที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หรือสำนักงานเขต 2.ผ่านตู้ ATM ธ.กรุงไทย และ ธ.กรุงไทยทุกสาขา 3.ทางออนไลน์ Mobile Banking 4.บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต 5.ไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ