ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เชื่อว่าหลายคนคงงง ๆ อยู่ไม่น้อย เนื่องจากภาษีที่ดินฉบับใหม่ยังคงมีประเด็นที่ต้องจับตาอีกหลายด้าน รวมทั้งยังไม่มีกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนออกมาในหลาย ๆ เรื่อง และมีข้อมูลอัปเดตออกมาเป็นระยะ สามารถติดตามได้ที่นี่
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- ใครมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีที่ดิน
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2569 ต้องจ่ายเท่าไหร่
- จ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อไหร่
- ถ้าจ่ายภาษีที่ดินฯ ล่าช้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
- แจงแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ใครมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
1. เจ้าของที่ดิน/เจ้าของสิ่งปลูกสร้าง/เจ้าของห้องชุด ที่มีชื่อในโฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ
2. ผู้ครอบครองทรัพย์สิน ทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของรัฐ เช่น ผู้เช่าที่ราชพัสดุอยู่ แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของที่นั้น ๆ แต่เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายฉบับนี้
3. ผู้ครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นอยู่ในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น ยกตัวอย่างเช่น
– ซื้อบ้านในวันที่ 10 เมษายน 2567 จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2568 เพราะถือว่าได้ครอบครองภายในวันที่ 1 มกราคม 2568
– ซื้อบ้านในวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2568 เนื่องจากยังไม่ได้ครอบครองภายในวันที่ 1 มกราคม 2568 แต่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2569
3. หากเจ้าของที่ดินและเจ้าของสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินนั้นไม่ใช่คนเดียวกัน ให้ต่างคนต่างเสียภาษีเฉพาะส่วนที่ตัวเองเป็นเจ้าของ
4. กรณีมีผู้ครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 1 คนขึ้นไป ทุกคนจะต้องรับผิดชอบภาษีดังกล่าวร่วมกัน
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2569 ต้องจ่ายเท่าไหร่
กระทรวงมหาดไทย จะเก็บอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2569 โดยจะไม่มีการลดหย่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ที่ดินเกษตรกรรม
เจ้าของที่ดินเป็นบุคคลธรรมดา
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี
- มูลค่ามากกว่า 50-125 ล้านบาท อัตราภาษี 0.01%
- มูลค่ามากกว่า 125-150 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 150-550 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 550-1,050 ล้านบาท อัตราภาษี 0.07%
- มูลค่ามากกว่า 1,050 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
เจ้าของที่ดินเป็นนิติบุคคล
- มูลค่าไม่เกิน 75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.01%
- มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 100-500 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 500-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.07%
- มูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
2. ที่อยู่อาศัย
บ้านหลังหลัก มีชื่อในทะเบียนบ้าน เป็นเจ้าของที่ดิน
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี
- มูลค่ามากกว่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
บ้านหลังหลัก มีชื่อในทะเบียนบ้าน แต่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน
- มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี
- มูลค่ามากกว่า 10-50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02%
- มูลค่ามากกว่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
บ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไป หรือไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02%
- มูลค่ามากกว่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
3. ที่ดินที่ใช้เชิงพาณิชย์ (ออฟฟิศ, ร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ, โรงแรม, ที่พักรายวัน, โรงงาน)
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.3%
- มูลค่ามากกว่า 50-200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4%
- มูลค่ามากกว่า 200-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.5%
- มูลค่ามากกว่า 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6%
- มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.7%
4. ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.3%
- มูลค่ามากกว่า 50-200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4%
- มูลค่ามากกว่า 200-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.5%
- มูลค่ามากกว่า 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6%
- มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.7%
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ 3 ปีติดต่อกัน ในปีที่ 4 จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก 0.3% และเก็บเพิ่มอีก 0.3% ทุก ๆ 3 ปี แต่อัตราภาษีรวมไม่เกิน 3%
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคำนวณอย่างไร
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การคำนวณภาษีที่ดิน เรื่องที่เจ้าของบ้านควรรู้
จ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อไหร่
โดยปกติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียหายภายในเดือนกุมภาพันธ์ของแต่ละปี และต้องชำระภาษีภายใน 30 เมษายน ของปีนั้น ซึ่งค่าภาษีสามารถจ่ายเต็มจำนวน หรือขอผ่อนชำระเป็น 3 งวดเท่า ๆ กัน ได้เป็นเวลา 3 เดือน
ล่าสุด มีการประกาศขยายระยะเวลาดำเนินการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปะจำปี 2569 ดังนี้
1. ประกาศแจ้งรายการที่ดิน จากเดิมพฤศจิกายน 2568 ขยายเวลาเป็นเดือนมกราคม 2569
2. ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ จากเดิมก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 ขยายเวลาเป็นก่อนวันที่ 1 เมษายน 2569
3. แจ้งประเมินภาษี จากเดิมเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ขยายเวลาเป็นเดือนเมษายน 2569
4. ชำระภาษี จากเดิมเดือนเมษายน 2569 ขยายเวลาเป็นเดือนมิถุนายน 2569
5. ผ่อนชำระภาษี ได้ 3 งวด
- งวดที่ 1 จากเดิมภายในเดือนเมษายน 2569 ขยายเวลาเป็นภายในเดือนมิถุนายน 2569
- งวดที่ 2 จากเดิมภายในเดือนพฤษภาคม 2569 ขยายเวลาเป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2569
- งวดที่ 3 จากเดิมภายในเดือนมิถุนายน 2569 ขยายเวลาเป็นภายในเดือนสิงหาคม 2569
6. แจ้งเตือนผู้เสียภาษีค้างชำระ จากเดิมเดือนพฤษภาคม 2569 ขยายเวลาเป็นเดือนกรกฎาคม 2569
7. แจ้งชื่อผู้ค้างชำระภาษีภาษีค้างชำระต่อสำนักงานที่ดิน จากเดิมเดือนมิถุนายน 2569 ขยายเวลาเป็นเดือนสิงหาคม 2569
ถ้าจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างล่าช้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ภาษีค้างชําระที่จะต้องติดตามเร่งรัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้เสียภาษีภายในเดือนถัดไป เพื่อให้มาชําระภาษีค้างชําระ พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม โดยจะเสียค่าปรับดังนี้
1. ถ้าไม่ได้มาจ่ายภาษีภายในเวลาที่กําหนด แต่ต่อมาได้มาชําระภาษีก่อนที่จะได้รับหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 10% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
2. ถ้าจ่ายภาษีภายในระยะเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือนให้คิดเบี้ยปรับ 20% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
3. ถ้าจ่ายภาษีภายหลังจากเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 40% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
4. ผู้เสียภาษีที่มิได้ชําระภาษีภายในเวลาที่กําหนด ให้เสียเงินเพิ่มอีก 1% ต่อเดือนของ จํานวนภาษีค้างชําระ โดยให้เริ่มนับเมื่อพ้นกําหนดเวลาชําระภาษีจนถึงวันที่มีการชําระภาษี แต่ต้องไม่เกินกว่าจํานวนภาษีที่ต้องจ่าย
นอกจากนี้ ถ้าผู้เสียภาษีไม่มาชําระภายในระยะเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะส่งข้อมูลการค้างชำระไปให้สำนักงานที่ดิน ทำให้การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างจะทําไม่ได้
หากมีภาษีค้างชำระ และหากพ้นกําหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ค้างชําระภาษีได้รับหนังสือแจ้งเตือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถยึด อายัด ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ค้างชำระภาษีไปขายทอดตลาดได้
แจงแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ที่อยู่อาศัยที่ปล่อยเช่าก็เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราที่อยู่อาศัย
เนื่องจากการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีด้วยกันหลายประเภท เพื่อไม่เกิดผลกระทบกับประชาชนที่มีจุดประสงค์หลักในการใช้ประโยชน์บนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัย กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ได้มีการชี้แจงแนวทางการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แก่ ห้องชุด บ้าน โรงเรือน อาคาร ตึก ตึกแถว หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด ที่มีลักษณะให้บุคคลใช้เพื่อการอยู่อาศัยไว้ ดังนี้
1. เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะให้บุคคลใช้เพื่อการอยู่อาศัย เช่น ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของใช้อยู่อาศัยเอง ให้ญาติพี่น้องอยู่อาศัย หรือให้เช่าเพื่ออยู่อาศัย ให้เสียภาษีในอัตราที่อยู่อาศัย
แต่ในกรณีที่เป็นอาคารพาณิชย์มีการอยู่อาศัยในชั้นบนและเปิดทำการค้าชั้นล่างนั้น จะแยกการคำนวณภาษี คือ จะจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเภทเชิงพาณิชย์สำหรับพื้นที่ชั้นล่าง และเก็บภาษีที่อยู่อาศัยในชั้นบน
2. ให้ครอบคลุมถึงช่วงเวลาระหว่างการก่อสร้าง หรือปรับปรุงต่อเติมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัยด้วย เช่น บ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการตกแต่ง เป็นต้น
3. ไม่รวมถึงโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม และที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หรือสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ขายตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
โดยแนวทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่ใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มระชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งไม่มีที่พักอาศัยของตนเอง หรือที่เช่าที่อยู่อาศัย รวมถึงเจ้าของทรัพย์สินที่ให้บุคคลอื่นเพื่อการอยู่อาศัย หรือการให้บุคคลอื่นเช่าเพื่อการอยู่อาศัยด้วย
อัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
– มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02%
– มูลค่ามากกว่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
– มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
– มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
ทั้งนี้ กรณีของโฮมสเตย์ โฮสเทล และ Airbnb (แอร์บีเอ็นบี) นั้น ถือว่าเป็นธุรกิจโรงแรมที่พัก จะต้องเสียอัตราภาษีในเชิงพาณิชย์
แจ้งเปลี่ยนอัตโนมัติ ไม่ต้องไปที่เขต
หลังจากที่ได้รับเอกสารแจ้งข้อมูลรายการห้องชุด (ภ.ด.ส.4) จากสำนักงานเขต หากในเอกสารระบุลักษณะใช้ประโยชน์เป็น “อื่น ๆ” ไม่ต้องไปยื่นแก้ให้เป็น “อยู่อาศัย” ที่สำนักงานเขต เนื่องจากระบบจะปรับให้เอง
โดยขณะนี้กระทรวงการคลัง และมหาดไทย ได้ร่วมกัน เพื่อเตรียมออกประกาศเป็นกฎหมายลูก ผ่อนปรนในเรื่องการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินเพื่ออยู่อาศัย เพื่อให้องค์กรท้องถิ่น ประเมินภาษีการใช้ประโยชน์ขั้นสุดท้าย โดยที่ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปชี้แจงอีก เพื่อให้สอดคล้องกับหลักของการเก็บภาษีคือต้องสะดวก ประหยัดต้นทุน พยายามลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่

พื้นที่รกร้างคืออะไร
ส่วนการกำหนดขอบเขตการเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้น หากเป็นที่ดินรกร้างและมีการปลูกพืชผลทางการเกษตร ก็นับว่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ ไม่ถือว่าผิด หรือบิดเบือนการบังคับใช้กฎหมาย แต่ในประกาศจะมีชัดเจนในการกำหนดจำนวนพื้นที่ที่ต้องใช้ในการปลูกพืชผลทางการเกษตรและพันธุ์พืชแต่ละประเภท เช่น ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ผัก ผลไม้ และพืชไร่ ที่ต้องกำหนดแตกต่างกันไป หากเข้ากำหนดก็จะเสียภาษีที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่ถูกคิดเป็นภาษีทีดินรกร้างว่างเปล่า
กระทรวงการคลัง กับกระทรวงมหาดไทย กำลังเร่งกำหนดเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินทำเกษตรกรรม ให้สอดรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ ซึ่งล่าสุดได้ยกร่างกฎหมายลำดับรองกำหนดเกณฑ์การทำเกษตรกรรม เพื่อแยกประเภทที่ดินให้มีความชัดเจน ระหว่างที่ดินรกร้างว่างเปล่า กับที่ดินประเภทเกษตรกรรม
ที่ดินเกษตรกรรมมีกี่ประเภท
เกณฑ์ใหม่จะจำแนกประเภทเกษตรกรรมเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย
1. ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืช
| ชนิดพืช | อัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตร (ต่อไร่) |
| กล้วยหอม | 200 ต้น |
| กล้วยไข่ | 200 ต้น |
| กล้วยน้ำว้า | 200 ต้น |
| กะท้อนเปรี้ยว | 25 ต้น |
| กะท้อนพันธุ์ทับทิม | 25 ต้น |
| กะท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย | 25 ต้น |
| กาแฟ | 170 ต้น |
| กาแฟพันธุ์โรบัสต้า | 170 ต้น |
| กาแฟพันธุ์อราบิก้า | 533 ต้น |
| กานพลู | 20 ต้น |
| กระวาน | 100 ต้น |
| โกโก้ | 150-170 ต้น |
| ขนุน | 25 ต้น |
| เงาะ | 20 ต้น |
| จำปาดะ | 25 ต้น |
| จันทร์เทศ | 25 ต้น |
| ชมพู่ | 45 ต้น |
| ทุเรียน | 20 ต้น |
| ท้อ | 45 ต้น |
| น้อยหน่า | 170 ต้น |
| นุ่น | 25 ต้น |
| บ๊วย | 45 ต้น |
| ปาล์มน้ำมัน | 22 ต้น |
| ฝรั่ง | 45 ต้น |
| พุทรา | 80 ต้น |
| แพสชั่นฟรุ๊ต (เสาวรส) | 400 ต้น |
| พริกไทย | 400 ต้น |
| พลู | 100 ต้น |
| มะม่วง | 20 ต้น |
| มะพร้าวแก่ | 20 ต้น |
| มะพร้าวอ่อน | 20 ต้น |
| มะม่วงหิมพานต์ | 45 ต้น |
| มะละกอ (ยกร่อง) | 100 ต้น |
| มะละกอ (ไม่ยกร่อง) | 175 ต้น |
| มะนาว | 50 ต้น |
| มะปราง | 25 ต้น |
| มะขามเปรี้ยว | 25 ต้น |
| มะขามหวาน | 25 ต้น |
| มังคุด | 16 ต้น |
| ยางพารา | 80 ต้น |
| ลิ้นจี่ | 20 ต้น |
| ลำไย | 20 ต้น |
| ละมุด | 45 ต้น |
| ลางสาด | 45 ต้น |
| ลองกอง | 45 ต้น |
| ส้มโอ | 45 ต้น |
| ส้มโอเกลี้ยง | 45 ต้น |
| ส้มตรา | 45 ต้น |
| ส้มเขียวหวาน | 45 ต้น |
| ส้มจุก | 45 ต้น |
| สตรอว์เบอร์รี | 10,000 ต้น |
| สาลี่ | 45 ต้น |
| สะตอ | 25 ต้น |
| หน่อไม้ไผ่ตง | 25 ต้น |
| หมาก (ยกร่อง) | 100-170 ต้น |
| พืชกลุ่มให้เนื้อไม้ | 100 ต้น |
หมายเหตุ:
1) กรณีที่ไม่ปรากฏชนิดพืชตามบัญชีแนบท้ายนี้ ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตรต่อไร่ โดยเทียบเคียงจากชนิดพืชที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด
2) กรณีที่ไม่สามารถเทียบเคียงจากชนิดพืชที่มีลักษณะใกล้เคียงตาม 1) ได้ ให้พิจารณาตามลักษณะการประกอบการเกษตรในแต่ละท้องถิ่น
2. ด้านการเลี้ยงสัตว์
โค
ขนาด 7 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 5 ไร่
กระบือโตเต็มวัย
ขนาด 7 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 5 ไร่
แพะ-แกะโตเต็มวัย
ขนาด 2 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 1 ไร่
สุกรพ่อพันธุ์
คอกเดี่ยว ขนาด 7.5 ตารางเมตรต่อตัว
–
สุกรแม่พันธุ์
คอกเดี่ยว ขนาด 1.5 ตารางเมตรต่อตัว
–
สุกรอนุบาล
ขนาด 0.5 ตารางเมตรต่อตัว
–
สุกรขุน
ขนาด 1.5 ตารางเมตรต่อตัว
–
คอกคลอด
พื้นที่ไม่น้อยกว่า 6 ตารางเมตรต่อตัว
–
ซองอุ้มท้อง
พื้นที่ไม่น้อยกว่า 2 ตารางเมตรต่อตัว
–
สัตว์ปีกเลี้ยงปล่อย (เป็ดและไก่)
ขนาด 4 ตารางเมตรต่อตัว (ตามมาตรฐานปศุสัตว์อินทรีย์)
–
กวาง
ขนาด 2 ไร่ต่อตัว
–
หมูป่า
ขนาด 5 ตารางเมตรต่อตัว (เลี้ยงในโรงเรือน) หรือขนาด 0.25 ไร่ต่อตัว (เลี้ยงปล่อย)
–
ผึ้ง
–
บริเวณที่มีพืชอาหารเลี้ยงผึ้ง เช่น เกสร และน้ำหวานดอกไม้ที่สมดุลกับจำนวนรังผึ้ง
จิ้งหรีด
–
บริเวณพื้นที่เพียงพอและเหมาะสมกับขนาดและจำนวนบ่อ
หมายเหตุ:
1) กรณีที่ไม่ปรากฏชนิดสัตว์ตามบัญชีแนบท้ายนี้ ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการเลี้ยงปศุสัตว์และการเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ โดยเทียบเคียงจากชนิดสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด
2) กรณีที่ไม่สามารถเทียบเคียงจากชนิดสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงตาม 1) ได้ ให้พิจารณาตามลักษณะการเลี้ยงปศุสัตว์ และการเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ ในแต่ละท้องถิ่น
3. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือทำการประมง
1) พื้นที่บ่อดิน บ่อปูน กระชังบก บ่อพลาสติก โรงเพาะฟัก หรือพื้นที่ที่ใช้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในลักษณะอื่นใด ที่ผู้ขุด ผู้สร้าง ผู้จัดทำ เจ้าของ หรือผู้ครอบครอง มีความมุ่งหมายโดยตรงที่ใช้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
2) ที่ดินที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องที่มีกิจกรรมใช้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น บ่อพักน้ำ บ่อบำบัดน้ำ คลองส่งน้ำ คลองระบายน้ำ คูน้ำ คันดินขอบบ่อ ถนน และให้รวมถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นใดที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
กำหนดเกณฑ์ที่ดินรกร้าง-ที่ดินเกษตร
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะนำเกณฑ์กำหนดที่ดินประเภทเกษตรกรรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาพิจารณาร่วมด้วย สำหรับเกณฑ์ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนเกษตรกร การทำการเกษตร ได้แก่
1. การทำนาหรือทำไร่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันบนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป
2. การปลูกผัก หรือการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เพาะเห็ด ปลูกพืชอาหารสัตว์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน เนื้อที่ตั้งแต่ 1 งานขึ้นไป
3. ปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้น หรือการปลูกสวนป่า ปลูกป่าเศรษฐกิจแบบสวนเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ และมีจำนวนต้นตั้งแต่ 15 ต้นขึ้นไป
4. การปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้นแบบสวนผสม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ และมีจำนวนต้น 15 ต้นขึ้นไป
5. การเลี้ยงแม่โคนมตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป
6. การเลี้ยงโค หรือกระบือ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป
7. การเลี้ยงสุกร แพะ หรือแกะ อย่างใดอย่างหนึ่งรวมกัน ตั้งแต่ 5 ตัวขึ้นไป
8. การเลี้ยงสัตว์ปีก ตั้งแต่ 50 ตัวขึ้นไป
9. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
10. การทำนาเกลือสมุทร บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป
11. การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน
12. การเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ อาทิ การเลี้ยงผึ้งพันธุ์ ผึ้งโพรง ชันโรง ครั่ง จิ้งหรีด ด้วงสาคู ไส้เดือนดิน ฯลฯ
13. การประกอบการเกษตรอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน นอกเหนือจากเกณฑ์ที่กำหนดตามข้อ 1-12 และมีรายได้ตั้งแต่ 8,000 บาท/ปีขึ้นไป
โดยจะมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางส่วนอาจเป็นไปตามเกณฑ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บางส่วนอาจเป็นเกณฑ์ที่เข้มข้นกว่า หรือที่ผ่อนปรนมากกว่าก็มี สำหรับเกณฑ์ที่จะกำหนดขึ้นนี้จะแล้วเสร็จและประกาศใช้ทันระยะเวลาที่ขยายให้ท้องถิ่นรับชำระภาษี
แม้ว่าการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะดูยุ่งยากหลายขั้นตอน แต่การเสียภาษีนั้นเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนตามบทกฎหมายไทยที่นอกจากจะเพิกเฉยไม่ได้ ยังต้องทำความเข้าใจเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องและถูกกฎหมาย
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ




