คุณต่าย กัญญจันทร์ เกิดและเติบโตในจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเล็ก ๆ ที่ไม่หวือหวา ไม่ได้มีแหล่งช้อปปิ้ง หรือคอมมูนิตี้มอลล์ใด ๆ จึงทำให้การเลือกเดินทางเข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เพื่อมาเรียน และทำงาน เป็นเรื่องที่ตัดสินใจไม่ยากเลย บวกกับการอยู่ในโรงเรียนประจำมาตั้งแต่เด็ก ต้องดูแลตัวเองได้ จึงชอบการใช้ชีวิตอิสระ ไม่ต้องยึดติดกับที่ใดที่หนึ่ง ทั้งสถานที่ทำงาน และที่พักอาศัย เป็นความยืดหยุ่นที่ตอบโจทย์กับการสร้างคุณภาพชีวิตในแบบที่ตนเองตั้งใจ

"ตอนนี้ต่ายรับฟรีแลนซ์ เป็น Content Creator ค่ะ แล้วก็มีคาเฟ่เปิด 24 ชั่วโมง ที่หุ้นกับเพื่อน เปิดมาหลายปีแล้ว อยู่แถว ๆ อนุสาวรีย์ชัยฯ ตอนนี้อยู่ตัวมากแล้ว เราเลยไม่ต้องเข้าร้านบ่อย ๆ โดยมากต่ายทำงานผ่านช่องทางออนไลน์อยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องรีบตื่น และสามารถทำงานที่ไหนก็ได้"
เมื่อก่อนตอนสมัยเรียน คือย้ายจากพิษณุโลก แล้วก็มาเรียนบาริสต้า อยู่ฝั่งธนฯ ตอนนั้นก็เด็กด้วย เงินน้อยด้วย ก็เลยเช่าห้องพักเล็ก ๆ อยู่ ช่วงกลางวันไปเรียน กลับมาก็แค่นอน เราไม่ค่อยได้ใช้เวลากับห้องที่เช่าในช่วงกลางวันเป็นเวลานาน ๆ สักเท่าไหร่ เลยไม่ได้รู้สึกอึดอัด
จนพอเริ่มมาเปิดร้านกับเพื่อนเลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้านบนของร้าน แต่สักพักก็ย้ายมาเช่าอพาร์ทเม้นท์ ใกล้ ๆ กับร้าน เพราะคล่องตัวและเป็นส่วนตัวกว่า อยู่มาราว ๆ 2 ปีแล้ว แม้ห้องจะใหญ่ขึ้น ตามราคาค่าเช่า แต่ก็เริ่มอยากได้คำว่า “คุณภาพชีวิต”
ค้นหาคุณภาพชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย
การตัดสินใจย้ายไปเช่าอยู่คอนโดเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย ปัจจัยแรก เล่าแล้วก็เหมือนเรื่องตลก คือ แค่อยากเล่นฟิตเนสบ้าง คิดว่าเราควรต้องสุขภาพดีด้วย เพราะไม่อยากหาเงินเยอะ ๆ ไปจ่ายค่าหมอ แต่การที่อยู่ ๆ จะซื้อลู่วิ่ง หรือจะไปจ่ายแพ็กเกจฟิตเนสเลยก็ดูจะยังไม่ใช่สิ่งที่สมเหตุสมผลนัก ปัจจัยที่สองคือ เริ่มรู้สึกว่าอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ปลอดภัย กลับค่ำ ๆ จะรู้สึกกังวลทุกครั้ง
ปัจจัยที่สามคือ อยากได้พื้นที่ที่จัดสรรแล้วเอื้อต่อการทำงานมากขึ้น เพราะตนเองใช้เวลาในการทำงานหน้าจอค่อนข้างมาก แล้วรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่า บรรยากาศมีผลต่อการคิดงานมาก ๆ และปัจจัยสุดท้ายคือ อยากขยับขยายแต่ยังไม่อยากลงทุนก้อนใหญ่ ๆ
“ด้วยความที่ไม่ต้องเข้างานในเวลาเหมือนคนอื่น ๆ การใช้รถไฟฟ้าเดินทางก็ถือว่าเอื้อต่อการตัดสินใจ หากเดินทางไกลสักนิด ได้คอนโดราคาถูกลงมาหน่อย แต่ไปไหนมาไหนก็ยังสะดวกด้วยรถไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจย้ายไปเช่าคอนโดแถวบางซ่อน”

สิ่งที่คิดกับสิ่งที่ได้ ไม่เหมือนกัน
ตอนที่หาเช่าคอนโดส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีการค้นหาจากเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์อย่าง DDproperty กับกรุ๊ปคอนโดต่าง ๆ ใน Facebook โดยลองค้นหาจากคำวา “คอนโดติดรถไฟฟ้า” บ้าง “คอนโดใกล้รถไฟฟ้า” บ้าง โดยตั้งราคาที่ไม่เกินกว่าที่เคยจ่าย คือประมาณ 6,000-7,000 บาท ด้วยงบที่ค่อนข้างจำกัด แล้วยังอยากอยู่ใกล้รถไฟฟ้าอีก จึงต้องไปอยู่ไกลหน่อย
“โครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะแต่ก่อนเราก็เคยใช้รถไฟฟ้าเดินทางบ่อย ๆ ทั้งไปหาลูกค้า ทั้งเข้าร้าน แต่ส่วนใหญ่เป็นรถไฟฟ้า BTS พอลองมาใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วงดูกลับรู้สึกว่าเหนื่อย และเสียเวลามากกว่า เนื่องจากต้องเปลี่ยนสายรถไฟ เดินทางแต่ละครั้งกว่าจะถึงคอนโดค่อนข้างเหนื่อยเลยแล้วไอเดียที่อยากเล่นฟิตเนสที่ผุดมาตอนแรก กลับกลายเป็นว่าไม่เคยได้ไปเล่นเลยสักครั้ง มีได้ใช้สระว่ายน้ำบ้างไม่กี่ครั้ง รวมทั้งสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในคอนโดก็ไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรานัก ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ในการเลือกที่อยู่อาศัยในครั้งต่อ ๆ ไป
จากกรุงเทพฯ สู่เชียงราย คุณภาพชีวิตที่สโลว์ไลฟ์ ไม่ง่ายนักที่จะต้องเริ่มต้นใหม่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นชิน แต่ความสโลว์ไลฟ์ก็ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น
“ตอนที่ตัดสินใจไปเชียงราย ช่วงนั้นยังเหลือสัญญากับคอนโดที่บางซ่อนอยู่ราว ๆ 3 เดือน แต่พอไปอยู่เชียงรายแล้ว รู้สึกว่า อากาศดี เมืองสงบ ผู้คนไม่แออัด ชีวิตไม่ต้องรีบเร่ง ที่นี่มีกาแฟดี ๆ ราคาไม่แพงอยู่เต็มไปหมด เป็นเมืองอาร์ตที่เราสามารถเสพความอาร์ตได้หลากหลายรูปแบบ เป็นเมืองที่ไม่ขาด ไม่เกิน รู้สึกเป็นพื้นที่ที่พอดีสำหรับเรา”
ประสบการณ์ หาที่อยู่ในเชียงราย ไม่ง่ายเหมือนในกรุงเทพฯ
การยึดอาชีพเป็นฟรีแลนซ์ออนไลน์เอื้อต่อการใช้ชีวิตและการทำงานแบบที่เราอยากได้ มีอิสระสูง แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบสูงด้วย ต้องรู้จักรับผิดชอบกับตัวเอง กับลูกค้า กับเจ้าของบ้าน ดังนั้นการที่จะมามีชีวิตสโลว์ไลฟ์ ก็ต้องมีงานทำ เพื่อสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้จ่าย การลงทุน การเก็บออม และการพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ
ตอนอยู่กรุงเทพฯ อยากได้อะไร เราสามารถค้นหาได้จากอินเตอร์เน็ต และมีตัวเลือกเยอะมาก ของบางอย่างโทรสั่งก็มาส่งถึงที่ แต่ไม่ใช่สำหรับเชียงราย จำได้ว่าตอนแรกที่เปิดอินเตอร์เน็ต ค้นหาคอนโดในเชียงรายถึงกับตกใจ เพราะราคาเท่ากรุงเทพ ฯ เลย ห้องประมาณ 30 ตารางเมตร ราคา 7,000 บาทขึ้นไปทั้งนั้น
จากนั้นจึงเปลี่ยนใจมาหาบ้านเช่าแทน เพราะสังเกตได้ว่าพฤติกรรมของคนในเชียงราย มักจะมีบ้านของตัวเองอยู่แล้ว เด็ก ๆ อาจจะอยู่กับพ่อ แม่ แต่เมื่อโตขึ้นก็มักจะมีบ้านอีกหลังเพื่ออำนวยความสะดวก หรือซื้อไว้ห้คนเช่า ต่ายโชคดีที่มีเพื่อนอยู่ที่เชียงรายอยู่แล้ว ซึ่งเพื่อนก็แนะนำได้ว่าโซนไหนดี โซนไหนน่าอยู่ โซนไหนเหมาะกับเรา ที่ขับรถยังไม่เป็น ไปไหนยังไม่คล่อง แต่ต้องออกมาหาร้านอาหาร ร้านกาแฟ

ใช้เวลาในการหาบ้านเช่าราว ๆ เกือบ 2 เดือน ก็ไปเจอกับทาวน์เฮ้าส์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ปล่อยเช่าในราคาถูกกว่าหลังอื่น ๆ ในทำเลเดียวกัน อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มี 1 ห้องนอนใหญ่ 2 ห้องนอนเล็ก 2 ห้องน้ำ มีหลังบ้าน มีห้องนั่งเล่น คือพื้นที่กว้างขึ้นมาก จากเมื่อก่อนที่อยู่แต่ในห้อง แต่ตอนนี้ความเป็นสัดส่วน ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ทำให้เรารู้ว่า การมีพื้นที่กว้าง ๆ ก็ทำให้เราอยู่สบายขึ้น
เมื่อก่อนอยู่ที่ห้อง ไม่ได้มีพื้นที่มากมาย เราก็ได้แค่นอน หรือนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ แต่ตอนนี้มีมุมใหม่ ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าพิเศษกับตัวเอง คือ ห้องนั่งเล่น ตื่นมาออกจากห้องนอน ลงมาข้างล่าง ก็จะอยู่ตรงนี้แทบทั้งวัน
“ชีวิตเริ่มแบบสบาย ๆ ค่อย ๆ ทำทีละอย่าง ต้มกาแฟ ดื่มกาแฟ มีลู่วิ่งเล็ก ๆ ให้ออกกำลังกายได้ สาย ๆ ปั่นจักรยานออกมาหาอะไรกิน นั่งทำงานช่วงกลางวัน"
อากาศเย็นสบาย กลายเป็นได้บรรยากาศในการทำงานที่ดี ยิ่งเป็นงานสายครีเอทีฟ ที่บรรยากาศในการทำงานสำคัญมาก ๆ เจอความจอแจ หรือคนเยอะ ๆ หรืออยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมเดิม ๆ มันอึดอัด มันคิดงานไม่ออก แต่กับบ้านนี้ สามารถใช้เวลาในการทำงานได้เต็มที่ สบายใจ สิ่งเหล่านี้คือ ความสุขในการทำงาน และรู้สึกชัดเจนเลยว่า ไม่อยากกลับไปอยู่กรุงเทพฯ แล้วแน่นอน
ทำฟรีแลนซ์ ก็กู้บ้านได้ ผ่านง่าย ไม่ยาก
อีกอย่างที่รู้สึกดี และตอกย้ำว่า เราตัดสินใจไม่ผิดที่ย้ายมาอยู่ที่เชียงรายก็คือ “ประหยัดขึ้นมาก” ค่าไฟ ค่ารถ ค่าอาหารการกินถูกลงมาก มีกาแฟดี ๆ ในราคา 45 บาท
“คนที่นี่ หากผลไม้ไม่อร่อยจะทิ้งเลย เพราะเขาคิดว่า จะกิน ต้องกินของที่มันดี ๆ แล้วผลไม้มีตลอดทั้งปี ไม่มีอด ผักและผลไม้ราคาถูกมาก ไม่เหมือนตอนอยู่กรุงเทพฯ ซื้อมะม่วงลูกหนึ่ง 20 บาท ไม่อร่อยก็ยังต้องกิน ๆ ไป บางอย่างเราไม่เคยรู้เลยว่า ผลไม้นี้ ผักนี้ รสชาติดีขนาดนี้เลยหรอ การกินอยู่ที่นี่ถือว่าสุขสบายมากกว่าที่คาดไว้มากเลย”
มนุษย์ฟรีแลนซ์ ต้องวางแผน และเตรียมตัวให้รอบคอบ การจะมีบ้านไว้เป็นสิทธิ์ตามกฏหมายของตัวเองสักหลัง ดูเหมือนจะยากสำหรับคนทำงานอิสระ เพราะสถาบันการเงินบ้านเราไม่ค่อยให้โอกาสคน Low Profile เพราะฉะนั้น ใครที่คิดว่าเป็นจะทำงานอิสระไปตลอดจนถึงเกษียณ ต้องคิดเลยว่าสวัสดิการของคุณคืออะไร ใช้ชีวิตประจำวันให้สมดุล ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย หรือค่ารักษาพยาบาล
ต้องมีการวางแผนระยะยาว มีเงินออมที่สม่ำเสมอ หากอยากซื้อที่อยู่จริง ๆ หรือการลองเป็นหนี้ดูบ้างเพื่อให้ธนาคารเห็นศักยภาพในการจ่ายอย่างมีวินัย ก็เป็นการสร้างสเตทเม้นท์ที่ดีเหมือนกัน
สิ่งที่ฟรีแลนซ์ต้องตระหนักอย่างมากเพื่อเตรียมตัวกับชีวิตทั้งปัจจุบันและอนาคต
- ทำงานฟรีแลนซ์ แรงหมดเงินก็หมด ควรวางแผนดีๆ มีกำไรลองเอาไปลงทุนแบบอื่นๆบ้าง เช่นกองทุน ประกัน
- เรียนรู้เสมอ เพื่อเปิดโอกาสให้มีรายได้ในรูปแบบอื่นๆให้มากขึ้น
- ควรวางแผนในการเติบโตด้านการงาน มองเห็นความมั่นคงของตัวเองด้วย
- ศึกษาความเสี่ยงทางกฏหมาย เช่น หากโดนโกงเงิน ต้องทำยังไง เอกสารการผลิตงาน การจ่ายเงิน ต้องรัดกุม อย่าละเลย
- พัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ, ทักษะด้านต่างๆ ก็ต้องให้ความสำคัญด้วย เช่น การขับรถ การทำอาหาร ภาษาที่ 2, 3, 4
- การวางแผนทางการเงิน
- คิดให้มาก เรื่องเครดิตทางการเงิน ตรงนี้จำเป็นมาก หากมีที่ปรึกษาทางการเงินได้ก็จะดี ใครไม่มีลองเข้าเว็บไซต์ หรือปรึกษาธนาคารบ้าง อย่างน้อยก็เพื่ออัปเดตความรู้
- ในความอิสระ ต้องคิดให้มากขึ้น ทั้งการใช้จ่าย การลงทุน
หากคุณมีประสบการณ์ที่อยากบอกเล่า-แชร์ต่อเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนที่กำลังตามหาบ้านในฝัน ติดต่อเรา