4 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อบ้านไม้ ข้อดี-ข้อด้อย และการดูแลรักษา

DDproperty Editorial Team
4 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อบ้านไม้ ข้อดี-ข้อด้อย และการดูแลรักษา
บ้านไม้อาจจะเป็นบ้านในฝันของใครหลายคน เพราะบ้านไม้นั้นให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ คงทนแข็งแรง และลวดลายเนื้อไม้ยังทำให้บ้านไม้แต่ละหลังมีเอกลักษณ์ของตนเอง ที่สำคัญบ้านไม้ยังระบายลมได้ง่าย แต่ก่อนจะซื้อบ้านไม้ ควรที่จะพิจารณาถึงข้อดี ข้อด้อย และวิธีการดูแลรักษาของบ้านไม้เสียก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านไม้ในฝันที่คุณเลือกนั้น จะเป็นบ้านที่อยู่คู่กับคุณไปได้อีกนาน
รวมแบบบ้านสวย ๆ

รวมแบบบ้านสวย ๆ

ซื้อบ้านไม้ดีไหม

ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อบ้านไม้แต่ละหลัง สิ่งที่คุณควรจะต้องทำก็คือการหาข้อมูลและพิจารณาถึงงบประมาณที่ตั้งไว้ รวมทั้งสิ่งที่คุณจะต้องเจอหากตัดสินใจเลือกซื้อบ้านไม้ ดังนั้นหากกำลังพิจารณาว่าจะเลือกซื้อบ้านไม้ดีไหม ขอให้คุณลองคิดถึงข้อดี-ข้อด้อย ต่อไปนี้

ข้อดีของบ้านไม้

1. บ้านไม้ให้ความเป็นธรรมชาติมากกว่าบ้านแบบอื่น ๆ และยังเข้ากับของตกแต่งที่เป็นแนวธรรมชาติได้ดี
2. บ้านไม้เข้ากับสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทย เพราะบ้านไม้สามารถถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากบ้านแบบอื่น ๆ ทำให้บ้านไม้มักเย็นสบาย ไม่ร้อนอบอ้าว
3. บ้านไม้แต่ละหลังล้วนมีเอกลักษณ์ต่างกัน เนื่องจากเนื้อไม้ที่นำมาทำบ้านไม้ต่างก็มีลวดลายธรรมชาติของมันเอง ดังนั้นจึงทำให้ลวดลายของบ้านไม้แต่ละหลังมีความสวยงามโดดเด่นในตัวเอง
4. บ้านไม้ให้ความแข็งแรง คงทน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นสูง ดังนั้นหากเกิดแผ่นดินไหว บ้านไม้จะไม่แตกร้าวเหมือนบ้านวัสดุอื่น ๆ
5. บ้านไม้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถปลูกทดแทนได้
6. บ้านไม้สามารถรื้อไม้นำไปใช้งานอย่างอื่นได้ หรือนำไม้ไปสร้างเป็นบ้านไม้อีกหลังก็ยังได้
7. บ้านไม้ง่ายต่อการรื้อถอนและปรับปรุงมากกว่าบ้านแบบอื่น ๆ มาก บ้านไม้บางหลังยังง่ายต่อการยก-ย้ายไปได้ทั้งหลังอีกด้วย

ข้อด้อยของบ้านไม้

1. การสร้างหรือซ่อมบำรุงบ้านไม้ จะต้องใช้ช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญและมีความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นอาจจะเสียไม้เนื้อดีและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
2. ไม้สำหรับใช้สร้างบ้านไม้มักมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นต้นทุนในการสร้างบ้านไม้หนึ่งหลังจึงขึ้นอยู่กับวัสดุและเนื้อไม้ เช่น บ้านไม้ที่สร้างจากไม้เนื้อดี ไม้เนื้อแข็ง ก็จะมีราคาแพงกว่าบ้านไม้แบบอื่น ๆ
3. บ้านไม้อาจจะยืด-หด ตามสภาพอากาศ ดังนั้นอาจจะเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมระหว่างช่องว่างของบ้านไม้
4. บ้านไม้มักจะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ที่อาจก่อให้เกิดความรำคาญใจ
5. ช่วงอากาศหนาว ภายในบ้านไม้อาจจะเย็นกว่าปกติ เนื่องจากไม้มีช่องลมระบายอากาศ
6. บ้านไม้มักจะเจอปัญหาเรื่องปลวกและแมลงที่มากัดกินเนื้อไม้ ดังนั้นจึงจะต้องดูแลรักษาบ้านไม้เป็นพิเศษ
7. บ้านไม้อาจจะเจอปัญหาไม้บวมน้ำ ไม้ผุ ซึ่งจะต้องปรึกษากับช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบสภาพก่อนเลือกซื้อบ้านไม้เสมอ
วิธีการเลือกซื้อบ้านไม้

วิธีการเลือกซื้อบ้านไม้

1. พิจารณาสภาพของบ้านไม้ เก่ามากหรือไม่ สร้างขึ้นมากี่ปี บ้านไม้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบสภาพบ้านอย่างละเอียด เนื่องจากอาจเจอปัญหาไม้ผุ ไม้ลอก ไม้บวมน้ำ หรือโครงสร้างบ้านไม้ที่ไม่ได้มาตรฐานต่าง ๆ ที่จะต้องมีการดำเนินการแก้ไขก่อนตัดสินใจเข้าอยู่
2. บ้านไม้หลังนั้นต้องมีการซ่อมบำรุงมากน้อยแค่ไหน บ้านไม้แต่ละหลังย่อมต้องการการดูแลที่มากกว่าบ้านแบบอื่น ๆ แต่บ้านไม้ที่คุณจะเลือกซื้อนั้น ลองพิจารณาดูก่อนว่าจะต้องเสียค่าซ่อมบำรุงมากน้อยแค่ไหน คำนวณแล้วคุ้มค่ากับเงินที่จะต้องเสียไปกับการบำรุงรักษาหรือไม่
3. ราคาและมูลค่าของบ้านไม้ หากต้องการเลือกบ้านไม้ให้ประหยัด ควรจะเลือกบ้านไม้ที่สร้างผสมกับวัสดุอื่น ๆ เช่น บ้านไม้กึ่งปูน เพื่อให้ลดราคาค่าก่อสร้างลง หรือเลือกซื้อบ้านไม้เก่าแล้วรื้อไม้มาใช้ก่อนสร้างใหม่
4. เลือกบ้านไม้ที่โครงสร้างภายนอกใช้ไม้เนื้อแข็ง ตัวอย่างเช่น ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เต็ง เพราะทนทานต่อการผุ แข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ดี
วิธีการดูแลรักษาบ้านไม้ให้อยู่นาน ๆ

วิธีการดูแลรักษาบ้านไม้ให้อยู่นาน ๆ

หลังจากตัดสินใจเลือกซื้อบ้านไม้แล้ว ก็ควรที่จะต้องทราบวิธีดูแลและบำรุงรักษาบ้านไม้ให้อยู่กับเราไปนาน ๆ โดยอาจจะเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ดังนี้
1. หากต้องการปรับปรุงบ้านไม้ ไม่ว่าจะเป็นการรื้อถอน การขุดลอกทาสีบ้านไม้ใหม่ ควรจะต้องทำให้เสร็จในฤดูร้อน เนื่องจากหากถึงฤดูฝนอาจจะทำให้เนื้อไม้ชื้นได้
2. ก่อนจะทาสีบ้านไม้ ควรจะป้องกันปลวกและมอดด้วยการใช้น้ำยาป้องกันแมลงกินไม้
3. หากสีบ้านไม้รอบนอกหลุดร่อน ให้ขัดสีที่เสียหายออกให้ถึงเนื้อบ้านไม้ แล้วไสผิวบ้านไม้ให้เรียบก่อนลงสีใหม่ ทาสีบ้านไม้อย่างน้อย 2-3 ชั้น เว้นระยะห่างอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
4. ควรทาสีบ้านไม้ด้วยสีย้อมไม้ที่ออกแบบมาเพื่องานไม้โดยเฉพาะ เพื่อลดการดูดซับและสูญเสียความชื้นในเนื้อไม้
5. บ้านไม้ส่วนที่อยู่กลางแจ้งหรือส่วนที่ต้องตากแดดตากฝน ควรเลือกไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้ประดู่ เพราะแมลงกินไม้ไม่ชอบ
6. ควรจะขัดผิวและทาสีบ้านไม้ภายนอกด้วยสีย้อมไม้สำหรับนอกบ้านทุก 3 ปี เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน
7. หากต้องการทำความสะอาดบ้านไม้ส่วนที่เคลือบผิวแล้ว ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหรือผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดแบบอ่อน ๆ ในการเช็ดคราบสิ่งสกปรกออก
8. ควรตรวจเช็กเนื้อไม้ของบ้านไม้ทุก 4 เดือน หรือตามที่ช่างผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
หาช่างซ่อมอย่างไร

หาช่างซ่อมอย่างไร

การเลือกซื้อและดูแลรักษาบ้านไม้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่คุณศึกษาข้อดี-ข้อด้อย และวิธีการดูแลรักษาบ้านไม้ รวมถึงตั้งงบประมาณที่จะใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเป็นเจ้าของบ้านไม้ที่แสนสวยงาม และแข็งแรง คงทน อยู่คู่กับครอบครัวคุณไปได้อีกนาน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ