“ประกันชีวิต” ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินประเภทหนึ่งที่นำมาใช้ในการจัดการความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดหรือบรรเทาความสูญเสีย หรือความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้กับใครคนใดคนหนึ่งอันเป็นผลเนื่องมาจากความเสี่ยง การวางแผนการประกันภัย (Insurance Planning) ประกอบไปด้วยการประกันภัยหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น การประกันชีวิต และการประกันสุขภาพ ฯลฯ
สำหรับคนวัยทำงานแล้ว ถือเป็นวัยที่จะช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ หรือเป็นที่พึ่งของครอบครัว ดังนั้นการใช้ชีวิตในวัยนี้จึงมีความสำคัญและต้องมีการวางแผนอนาคตสำหรับตนเองและครอบครัวให้รอบคอบ
การทำประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยวางแผนการใช้ชีวิตให้คนวัยทำงาน แต่อย่างที่รู้กันว่าประกันชีวิตมีหลายแบบ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ซื้อประกันชีวิตฉบับแรกอาจไม่แน่ใจว่าประกันชีวิตมีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันแค่ไหน จะซื้ออย่างไรให้ตรงความต้องการ
ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักประกันชีวิตแต่ละประเภทกันก่อนว่ามีอะไรกันบ้าง แต่ละแบบมีประโยชน์และข้อจำกัดอย่างไร
1. แบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)
ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา คือ การประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองในชั่วระยะเวลาอันจำกัด โดยที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้กับผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 1 ปี, 5 ปี, 10 ปี หรือ 20 ปี แต่ถ้าพ้นกำหนดระยะเวลาในการคุ้มครองไปแล้วผู้เอาประกันภัยยังมีชีวิตอยู่ สัญญาถือเป็นอันสิ้นสุดลงผู้เอาประกันภัยจะไม่ได้รับเงินชดเชย
ประโยชน์
|
ข้อจำกัด
|
– ชำระเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูง
|
– เมื่อครบสัญญา หากคุณมีชีวิตอยู่ บริษัทจะไม่มีเงินคืน เนื่องจากได้รับความคุ้มครองตลอดสัญญาแล้ว
|
– สามารถใช้เป็นหลักประกันในการจำนอง หรือเพิ่มความสะดวกในการขอสินเชื่อ
|
2. แบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance)
ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ คือ การประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของสัญญา ไม่ว่าคุณจะเสียชีวิตเมื่อใด บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ตามสัญญาที่คุณได้ทำไว้ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ที่คุณระบุไว้ในกรมธรรม์
ประโยชน์
|
ข้อจำกัด
|
– เป็นประกันระยะยาว กำหนดจ่ายคืนแน่นอน
|
– มีการชำระเบี้ยระยะยาว
|
– เบี้ยประกันเริ่มต้นไม่แพง
|
– หากขอยกเลิกสัญญาก่อน อาจได้เงินคืนน้อยกว่าที่จ่ายไป
|
– สร้างมรดกให้ครอบครัว
|

3. แบบสะสมทรัพย์ (Endowment/Saving Insurance)
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ คือ ประกันที่เน้นการออมแต่ไม่เน้นการคุ้มครอง บางแบบก็จะมีเงินปันผลแต่ละปีคืนมาให้กับผู้เอาประกัน เป็นแบบประกันที่คนนิยมซื้อเพื่อนำไปลดภาษี
ประโยชน์
|
ข้อจำกัด
|
– มีการกำหนดระยะเวลาสัญญาที่แน่นอน
|
– เบี้ยประกันค่อนข้างสูง
|
– เน้นการออมมากกว่าการคุ้มครอง
|
– ความคุ้มครองชีวิตค่อนข้างต่ำ
|
– ฝึกการออมเงินรูปแบบหนึ่ง
|
– หากขอยกเลิกสัญญาก่อน อาจได้เงินคืนน้อยกว่าที่จ่ายไป
|
4. แบบเงินได้ประจำ หรือแบบบำนาญ (Annuities)
ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำหรือแบบบำนาญ คือ การประกันชีวิตที่มีการจ่ายเงินผลเป็นปรจำคล้ายกับการจ่ายบำนาญของข้าราชการ หลังจากที่คุณเกษียณแล้ว อาจเป็นรายเดือนหรือรายปีจนสิ้นสุดกรมธรรม์
ประโยชน์
|
ข้อจำกัด
|
– มีการกำหนดระยะเวลาสัญญาที่แน่นอน
|
– อาจต้องจ่ายเบี้ยประกันระยะยาว หากเลือกจ่ายจนถึงอายุ 59 ปี
|
– เพื่อเป็นแหล่งเงินเกษียณ
|
– หากขอยกเลิกสัญญาก่อน อาจได้เงินคืนน้อยกว่าที่จ่ายไป
|
– เพิ่มตัวเลือกในการลดภาษี
|
จะเห็นได้ว่าประกันชีวิตแต่ละแบบต่างก็มีประโยชน์ และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้ซื้อประกันชีวิตฉบับแรกจะต้องพิจารณาถึงความต้องการในชีวิตของตัวเองว่าอยากได้การคุ้มครองแบบไหน เพื่อเลือกประกันชีวิตที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
บทความนี้เขียนโดย อัมราภรณ์ แสวงรักษ์ Financial Advisor บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ amaraphorn.bla@gmail.com
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ