เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน หรือมีการโยกย้ายที่ทำงาน นอกจากจะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ และเพื่อนใหม่แล้ว เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องวางแผน ก็คือ การเดินทาง
ถ้าที่ทำงานไม่ไกลจากบ้านมากนัก มีรถขับสบายๆ หรือเดินทางด้วยรถสาธารณะสะดวก ก็คงไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทางสักเท่าไร แต่ถ้าที่ทำงานอยู่ไกลบ้านมาก หลายคนก็มักวางแผนซื้อคอนโด หรือมองหาคอนโด ให้เช่าใกล้ที่ทำงาน แต่ก็มีคำถามเกิดขึ้นได้ว่า ซื้อหรือเช่าคอนโด แบบไหนจะดีกว่ากัน K-Expert แนะนำให้ตอบคำถามต่อไปนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
หากคิดจะซื้อบ้าน คอนโด ต้องรู้ 5 ขั้นตอนการกู้สินเชื่อก่อนลงมือยื่นกู้เงิน
วางแผนเรื่องการทำงานเป็นอย่างไร
ผู้ที่วางแผนว่ามีโอกาสที่จะทำงานที่นี่ไปตลอด ไม่เปลี่ยนงานแล้ว หรือถ้ามีการโยกย้ายที่ทำงาน ก็จะเลือกสถานที่ทำงานที่อยู่ใกล้เส้นรถไฟฟ้าหรือรถใต้ดิน ก็สามารถตัดสินใจซื้อคอนโด ได้ค่ะ เพราะมีโอกาสที่จะได้อยู่คอนโด นี้หลายปี และการซื้อคอนโด มีข้อดีที่สำคัญคือ ทำให้มีสินทรัพย์เป็นของเราเอง ในอนาคตถ้าไม่ได้อยู่คอนโด ที่ซื้อนี้แล้ว ก็มีโอกาสสร้างรายได้ด้วยการปล่อยเช่า หรือขายทำกำไรจากการปรับขึ้นของมูลค่าคอนโด
แต่สำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจว่าจะทำงานที่นี่ยาวนานเพียงใด หรือถ้ามีการโยกย้ายงาน ที่ทำงานใหม่อาจไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า หรือรถใต้ดินก็ได้ แบบนี้ การเช่าคอนโด อาจจะเหมาะกว่า เพราะเมื่อต้องการย้ายที่ทำงาน ก็เพียงแค่มองหาคอนโด ให้เช่าแห่งใหม่ที่ใกล้ที่ทำงาน แต่ถ้าตัดสินใจซื้อคอนโด ไปแล้ว เกิดต้องการขาย หรือหาผู้มาเช่าต่อ เพื่อนำเงินซื้อหรือเช่าคอนโด แห่งใหม่ทำได้ยากมากขึ้น เพราะอาจเจอกับปัญหาขายคอนโด เดิมไม่ได้ในทันที หรือไม่มีผู้เช่าก็ได้
เตรียมตัวก่อนซื้อ : 6 สเต็ปในการเลือกซื้อคอนโดให้คุ้ม
มีเงินดาวน์เพียงพอหรือไม่
ส่วนใหญ่การซื้อคอนโดสักห้องหนึ่ง มักซื้อด้วยการขอสินเชื่อ โดยทั่วไปธนาคารจะให้วงเงินกู้ประมาณ 80-90% ของราคาคอนโด เท่ากับว่า ผู้กู้ควรมีเงินดาวน์อย่างน้อย 10-20% ของราคาคอนโด เช่น คอนโดราคา 2 ล้านบาท ควรมีเงินดาวน์อย่างน้อย 2-4 แสนบาท ถ้ามีเงินก้อนสำหรับเป็นเงินดาวน์เพียงพอแล้ว ก็สามารถตัดสินใจกู้ซื้อคอนโดได้ แต่ถ้าเงินดาวน์ยังมีไม่เพียงพอ อาจเช่าคอนโดและระหว่างนี้เก็บออมเงินดาวน์ไปก่อน หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ การผ่อนดาวน์คอนโด ซึ่งจะเป็นคอนโดที่กำลังก่อสร้างอยู่
สำหรับผู้ที่วางแผนว่าจะเก็บเงินเพื่อดาวน์คอนโดก่อนนั้น แนะนำว่า ออมเงินในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างเงินฝาก กองทุนตลาดเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ เพื่อเน้นรักษามูลค่าเงินลงทุนของเราเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น วางแผนเก็บออมเงินดาวน์ 2 แสนบาท เป็นเวลา 2 ปี คิดง่าย ๆ จะเก็บเดือนละ 8,300-8,400 บาท สามารถเก็บในเงินฝากประจำปลอดภาษี 24 เดือนค่ะ
ภาระหนี้ปัจจุบันมีมากน้อยเพียงใด
ถ้าวางแผนซื้อคอนโด ด้วยการขอสินเชื่อ ธนาคารจะพิจารณาว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้มากน้อยเพียงใด หลายๆ ธนาคารจะให้เรามีภาระผ่อนหนี้ทั้งหมดต่อเดือน ไม่ว่าจะเป็น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ได้ถึง 40-60% ของรายได้ต่อเดือน ยิ่งรายได้สูง ก็ยิ่งมีภาระผ่อนต่อเดือนในสัดส่วนที่สูงได้ ทั้งนี้ K-Expert แนะนำว่า ภาระผ่อนต่อเดือนไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน สมมติเงินเดือน 50,000 บาท สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระที่หนักเกินไป
ดังนั้น ก่อนยื่นกู้บ้าน ควรสำรวจหนี้สินที่เรามีเสียก่อน ถ้าไม่มีภาระหนี้สินใด โอกาสขอสินเชื่อบ้านผ่านก็มีสูง แต่ถ้ามีภาระผ่อนหนี้อื่นอยู่ โอกาสขอสินเชื่อบ้านผ่านก็อาจเป็นไปได้ยาก หรือได้วงเงินกู้ที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งการเช่าคอนโด อยู่จะเหมาะกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีภาระหนี้สินอยู่เยอะแล้ว จะต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนค่าเช่าที่เพิ่มเข้ามา ด้วยการปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นลง เพื่อให้รายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายค่ะ
ไม่ว่าตัวเราจะตัดสินใจซื้อหรือเช่าคอนโด สิ่งสำคัญอยู่ที่ความพร้อมทางการเงิน เพราะมีค่าผ่อนหรือค่าเช่าที่ต้องจ่ายทุกเดือน ดังนั้น จำเป็นต้องวางแผนรายได้ และค่าใช้จ่ายให้ดี จะได้ไม่เกิดปัญหาการเงินตามมาในอนาคตค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ:
มนุษย์เงินเดือน "เช่าหรือซื้อ" แบบไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นิชฌานี ฉันทศาสตร์, CFP K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com