ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์-ฝากประจำของแต่ละธนาคาร เดือนธันวาคม 2567

DDproperty Editorial Team
ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์-ฝากประจำของแต่ละธนาคาร เดือนธันวาคม 2567
เงินฝากออมทรัพย์ และฝากประจำ อีกหนึ่งช่องทางการออมเงินที่จะพาคุณก้าวไปสู่เส้นทางการเป็นเศรษฐีได้โดยที่ไม่ต้องเสี่ยงมากเกินไปเหมือนการลงทุนในหุ้น หรือการลงทุนรูปแบบอื่น ลองมาทำความรู้จักเงินฝากแต่ละประเภท พร้อมเช็กอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์และฝากประจำ เดือนธันวาคม 2567 ของแต่ละธนาคาร ได้ที่นี่
รวมประกาศขายโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

เงินฝากออมทรัพย์ (Saving Deposit Account) คืออะไร

เงินฝากออมทรัพย์ เหมาะกับนักออมรายย่อยหรือมนุษย์เงินเดือนมือใหม่ที่อาจจะเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนไม่มากนัก เพราะเงินน้อยก็สามารถฝากได้ แถมยังการันตีว่าจะได้รับผลตอบแทนแน่นอน
ไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการฝาก สามารถฝากถอนได้ทุกเมื่อจึงทำให้มีสภาพคล่องสูง ไม่ลำบากเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน และนำสมุดเงินฝากค้ำประกันเงินกู้หรือเบิกเงินเกินบัญชีได้
ส่วนผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน แต่มักจะให้คืนในบัญชีทุก 6 เดือนหรือปีละ 2 ครั้ง โดยจ่ายให้สิ้นเดือนมิถุนายนและสิ้นเดือนธันวาคมของทุกปี อัตราดอกเบี้ยของเงินฝากออมทรัพย์ถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการฝากเงินในบัญชีประเภทอื่น เช่น บัญชีเงินฝากประจำ

บัญชีเงินฝากประจำ (Fixed Deposit Account) คืออะไร

เงินฝากประจำ เหมาะกับผู้ที่มีเงินเย็นอยู่บ้าง รวมถึงคนที่ตั้งใจเก็บเงินเพื่อซื้อของหรือบริการ ซึ่งการฝากประเภทนี้จะควบคุมการเก็บเงินได้ง่ายกว่า แต่อาจขาดความยืดหยุ่นและไร้สภาพคล่อง หากใครไม่สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้และคาดว่าอาจต้องมีการจ่ายเงินฉุกเฉิน รวมถึงผู้ที่มีรายได้ประจำไม่แน่นอนคงต้องหลีก
บัญชีดังกล่าวจะมีการกำหนดระยะเวลาในการฝากที่แน่ชัด เช่น 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน (ไม่จำเป็นต้องฝากทุกเดือน) และจ่ายดอกเบี้ยครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดและดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% (ดอกเบี้ยที่ได้รับจริงจะต่ำกว่าประกาศของธนาคาร)
ไม่สามารถถอนก่อนกำหนดได้ ถ้าจะถอนก็ต้องถอนปิดบัญชีและหากถอนแล้วจะไม่ได้รับดอกเบี้ย หรือกรณีที่ถอนก่อนกำหนดแต่ฝากไว้นานถึงเวลาที่กำหนดแล้ว อาจจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์
แต่ข้อดีที่เห็นได้ชัด ก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ปกติและเงินฝากกระแสรายวัน รวมถึงยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นหรือกองทุน และสามารถใช้เป็นหลักค้ำประกันในการกู้ได้ อีกทั้งหากฝากเงินในจำนวนที่มากอาจได้รับสิทธิประโยชน์ที่ธนาคารมอบให้ ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่ได้ในแต่ละธนาคารจะแตกต่างกัน
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะกังวลเรื่องการถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายอย่างที่บอกไป ซึ่งถ้าหากคุณกำลังกังวลเรื่องนั้นอยู่ นอกจากบัญชีเงินฝากประจำแบบทั่วไป อาจจะลองใช้บัญชีเงินฝากประจำแบบปลอดภาษีดูก็ได้ เพราะนอกจากจะไม่ต้องโดนหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% แล้วยังมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ได้มากกว่าปกติ อันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมเงินเพิ่มมากขึ้น
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของเงินฝากออมทรัพย์ VS ฝากประจำทั่วไป

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของเงินฝากออมทรัพย์ VS ฝากประจำทั่วไป

1. เงินฝากออมทรัพย์

ข้อดีข้อเสีย
– เงินน้อยก็สามารถฝากได้– อัตราดอกเบี้ยถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการฝากเงินในบัญชีประเภทอื่น
– ไม่มีขั้นต่ำในการฝาก– เบิก/ถอนง่าย ทำให้ควบคุมเงินได้ยาก
– ไม่มีกำหนดระยะเวลาในการฝากเงิน
– การันตีผลตอบแทนแน่นอน
– สภาพคล่องตัวสูง เพราะเบิก/ถอนได้ตลอดเวลา ทำให้ไม่เดือดร้อนหากต้องการเงินฉุกเฉิน
– สมุดเงินฝากนำมาค้ำประกันเงินกู้หรือเบิกเงินเกินบัญชีได้

2. เงินฝากประจำ

ข้อดีข้อเสีย
– ได้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ปกติและเงินฝากกระแสรายวัน– ขาดความยืดหยุ่นและไร้สภาพคล่อง เพราะไม่สามารถถอนก่อนกำหนดได้
– มีวินัยและเก็บเงินได้มากกว่าฝากออมทรัยพ์ เพราะถอนไม่ได้ทันที– มีขั้นต่ำในการฝาก บัญชีเงินฝากประจำบางรูปแบบมีขั้นต่ำที่สูงมาก
– มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นหรือกองทุน– ถอนเงินก่อนระยะเวลาอาจไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือได้ดอกเบี้ยน้อยกว่าที่กำหนด
– หากฝากเงินในจำนวนมากอาจได้รับสิทธิ์ประโยชน์ที่ธนาคารมอบให้– เงินฝากประจำทั่วไป ดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
– สามารถใช้เป็นหลักค้ำประกันเงินกู้ได้

เช็กอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์และฝากประจำของแต่ละธนาคาร

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
0.25%
1.40%
1.50%
1.75%
1.85%
กรุงไทย
0.30%
1.17%
1.25%
1.70%
2.10%
กรุงศรีอยุธยา
0.30%
1.10%
1.25%
1.70%
2.00%
ยูโอบี
0.35%
0.90%
1.10%
1.55%
1.70%
ซีไอเอ็มบี ไทย
0.30%
1.00%
1.20%
1.50%
1.80%
ไทยพาณิชย์
0.25%
1.00%
1.10%
1.50%
1.90%
กสิกรไทย
0.25%
0.95-1.00%
1.05-1.10%
1.45-1.50%
1.80-1.90%
กรุงเทพ
0.25-0.30%
1.00%
1.10%
1.45%
1.70%
ทหารไทยธนชาต
0.125%
0.95%
1.10%
1.50%
1.60%
เกียรตินาคินภัทร
0.25%
1.35-1.50%
1.50-1.65%
1.80-1.95%
1.75-1.90%
ไอซีบีซี (ไทย)
0.70-1.45%
1.60%
1.80%
1.90%
2.25%
ทิสโก้
0.25-2.00%
1.70-1.85%
1.75-1.90%
1.80-1.95%
1.85-2.00%
เมกะ สากลพาณิชย์
0.40%
1.00-1.30%
1.20-1.50%
1.30-1.80%
1.25%
ไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)
0.40%
0.95%
1.80%
1.95-2.35%
2.15%
แห่งประเทศจีน (ไทย)
0.25-1.25%
0.625%
1.25%
1.60%
1.75%
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2567
สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเลือกฝากเงินประเภทไหน การเก็บออมเงินก็เป็นเรื่องที่ดี ค่อยเป็นค่อยไปและศึกษาข้อมูลให้ละเอียด อย่าเลือกเพียงแค่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ให้มากกว่า ควรพิจารณาเงื่อนไข ความสะดวก และความมั่นคงของธนาคารด้วย
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ดอกเบี้ยเงินฝาก ทุกเรื่องที่คุณควรรู้

เงินฝากธนาคาร มีแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1.เงินฝากออมทรัพย์ 2.เงินฝากแบบกระแสรายวัน 3.เงินฝากประจำ 4.ตั๋วแลกเงิน และ 5.เงินฝากปลอดภาษี

เงินฝากประจำ คืออะไร เงินฝากประจำ คือ การนำเงินไปฝากไว้กับธนาคารโดยจะไม่ถอนเงินส่วนนั้นออกมาถ้ายังไม่ครบสัญญา ระยะเวลาในการฝากประจำเริ่มตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป

เงินฝากประจำ ต้องฝากให้ถึงระยะเวลาที่กำหนดจึงจะสามารถถอนเงินต้นและดอกเบี้ยออกมาได้ แต่ถ้าถอนเงินออกมาก่อนระยะเวลาที่กำหนด ก็จะไม่ได้ดอกเบี้ยพิเศษ โดยจะได้ดอกเบี้ยอัตราเดียวกับการฝากออมทรัพย์ทั่วไป