“ภาระผ่อนหนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผ่อนรถ ผ่อนบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคลต่างๆ รวมกันแล้วไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน” – K-Expert
หลายคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังหนึ่ง ถ้ารายได้แน่นอน หน้าที่การงานมั่นคง ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาไม่มีปัญหา หรือไม่มีภาระผ่อนอะไรอยู่เลย การขอกู้บ้านก็อาจไม่มีปัญหามากนัก แต่สำหรับคนที่มีภาระผ่อนอยู่ อย่างเช่น กู้ซื้อรถ อาจมีคำถามข้อสงสัยว่า ถ้าผ่อนรถอยู่ แล้วอยากจะกู้ซื้อบ้านสักหลัง จะกู้ได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ K-Expert มีแนวทางการคำนวณเบื้องต้นว่าจะกู้ผ่านหรือไม่มาฝากค่ะ
การขอสินเชื่อบ้าน ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะดูรายได้ต่อเดือน และภาระผ่อนหนี้ในปัจจุบัน แล้วประเมินความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ โดยภาระผ่อนหนี้ที่คนเรามีได้นั้น ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน ถึงแม้ว่าโดยทั่วไปธนาคารอาจให้มีภาระผ่อนต่อเดือนได้ถึง 40-60% ของรายได้ต่อเดือน
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรายได้ผู้กู้และเงื่อนไขของธนาคาร แต่เพราะการกู้ซื้อบ้าน ไม่ได้มีแค่ค่าผ่อนที่ต้องจ่ายทุกเดือน ยังมีค่าใช้จ่ายที่ตามมาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าประกัน ค่าส่วนกลาง ค่าเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งหรือซ่อมแซมบ้าน จึงไม่ควรมีภาระผ่อนหนี้ที่สูงเกินไป เพื่อป้องกันการผ่อนไม่ไหว หรือรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น ถ้าเรากำหนดภาระผ่อนของตัวเองไว้ไม่เกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน เช่น รายได้อยู่ที่ 50,000 บาทต่อเดือน ภาระผ่อนหนี้ก็ไม่ควรเกิน 50,000 x 30% = 15,000 บาทต่อเดือนค่ะ
โดยถ้ามีภาระผ่อนหนี้อยู่แล้ว จะต้องดูว่าหนี้ที่ผ่อนอยู่ตอนนี้เป็นเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนสินเชื่อส่วนบุคคล สมมติว่า ผ่อนรถอยู่ 8,000 บาทต่อเดือน แล้วอยากจะซื้อบ้านสักหลังหนึ่ง ก็ต้องเอาภาระหนี้ที่มีอยู่ไปหักออกจากความสามารถในการผ่อนหนี้ของเราค่ะ
จากตัวอย่างเดิม ถ้าความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของเราอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน เมื่อหักหนี้ที่เราผ่อนอยู่ตอนนี้ ก็เท่ากับว่าจะก่อหนี้เพิ่มโดยมีภาระผ่อนได้อีกไม่เกิน 15,000 – 8,000 = 7,000 บาทต่อเดือนนั่นเอง
จากนั้น ก็ค่อยมาดูว่าความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ที่เหลืออยู่เพียงพอกับราคาบ้านที่เราต้องการหรือไม่ คิดคร่าวๆ ถ้าเลือกผ่อนบ้าน 30 ปี โดยผ่อนเดือนละ 7,000 บาท คิดเป็นวงเงินกู้บ้านที่น่าจะขอกู้ได้ประมาณ 1 ล้านบาท ก็ต้องประเมินดูนะคะว่า วงเงินกู้บ้านที่ขอได้เพียงพอกับบ้านที่เราต้องการซื้อหรือไม่
ถ้าตั้งใจว่าจะซื้อบ้านหลังไม่ใหญ่มากนัก แบบนี้กู้คนเดียวอาจไม่มีปัญหา แต่ถ้าบ้านที่อยากได้ หลังใหญ่หน่อย แต่ความสามารถในการผ่อนหนี้ที่เราเหลืออยู่ไม่พอกับวงเงินที่ต้องการ อาจต้องรอชำระหนี้เดิมให้หมดก่อน หรือหาคนมากู้ร่วมก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่งค่ะ
สมมติว่า รอให้ผ่อนรถหมดก่อน แล้วค่อยยื่นกู้ซื้อบ้าน ถ้าคิดจากเงินเดือน 50,000 บาทต่อเดือน ไม่นับว่ามีการปรับขึ้นเงินเดือนในช่วงที่รอผ่อนรถหมด เท่ากับว่ามีความสามารถในการผ่อนหนี้ต่อเดือนอยู่ที่ 15,000 บาท ถ้าผ่อนสัก 30 ปี คิดเป็นวงเงินกู้บ้านที่น่าจะกู้ได้ประมาณ 2.1 ล้านบาท ก็ช่วยให้ได้บ้านหลังใหญ่ขึ้น หรือได้วงเงินกู้บ้านตามที่ต้องการ
ถ้าเรามีภาระผ่อนหนี้เดิมอยู่แล้ว การก่อหนี้เพิ่ม จะต้องดูว่าตัวเรายังเหลือความสามารถในการผ่อนหนี้อยู่มากน้อยแค่ไหน ถ้าวงเงินกู้บ้านที่ได้รับเพียงพอกับบ้านที่ต้องการ ก็นับว่าเป็นความโชคดีที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้ แต่อย่าลืมควบคุมค่าใช้จ่ายให้ดีจะได้มีปัญหาการเงินตามมา แต่ถ้าเรามีภาระหนี้เต็มความสามารถในการผ่อนแล้ว การเลื่อนเป้าหมายกู้ซื้อบ้านออกไปก่อนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นิชฌานี ฉันทศาสตร์, CFP K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า