“รักษาประวัติการผ่อนชำระหนี้ให้ดี จะทำให้มีโอกาสกู้บ้านผ่านได้มากขึ้น” – K-Expert
ขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน หรือ คอนโด ก็คือการขอสินเชื่อบ้าน เพราะหากธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อการซื้อนั้นย่อมเกิดปัญหาได้ แต่เหตุผลที่ทำให้เรากู้บ้านไม่ผ่านนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายเหตุผล หากใครที่ยื่นกู้กับธนาคารแล้วกู้ไม่ผ่าน ลองสอบถามเหตุผลกับทางธนาคารดู เพื่อจะได้แก้ไขปัญหานั้น
แต่จะว่าไปแล้วสาเหตุที่มักจะได้ยินกันบ่อย ๆ นั่นก็คือ “กู้บ้านไม่ผ่านเพราะติดแบล็คลิสต์” หากใครเคยประสบปัญหานี้ก็คงคิดไม่ตกว่าจะแก้ไขอย่างไรดี K-Expert มีคำตอบมาฝากกัน
ทำความเข้าใจกับคำว่า “ติดแบล็คลิสต์” กันก่อน
กู้บ้านไม่ผ่านเพราะติดแบล็คลิสต์ หรือก็คือการมีประวัติในเครดิตบูโรทำให้เรากู้บ้านไม่ผ่าน โดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “เครดิตบูโร” จะเป็นผู้เก็บประวัติการผ่อนชำระหนี้ที่ผ่านมาของเราที่มีกับสถาบันการเงินเท่านั้น
ดังนั้นหากใครที่มีธุรกรรมทางด้านสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เช่น บัตรเครดิต ผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ไม่ว่าประวัติการผ่อนชำระหนี้นั้น จะเป็นประวัติดีหรือไม่ดีก็ตาม ประวัติเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในเครดิตบูโร เมื่อเวลาที่เราขอกู้เงินกับธนาคาร ผู้กู้ก็จะต้องมีการลงนามในเอกสารยินยอมให้ตรวจเครดิตบูโร
ธนาคารจะเรียกดูประวัติการเป็นหนี้ของเราว่าปัจจุบันมีภาระหนี้เท่าไร และประวัติการผ่อนชำระหนี้ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรเพื่อประกอบการพิจารณา ประวัติในเครดิตบูโรจึงเปรียบเหมือนเป็นภาพสะท้อนพฤติกรรมการชำระหนี้ของเรานั่นเอง
ประวัติเครดิตบูโรแบบไหนที่ทำให้กู้บ้านไม่ผ่าน
โดยทั่วไปหากมีประวัติการค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน หรือที่เรียกว่า เป็นหนี้ NPL ก็มีโอกาสที่ธนาคารจะไม่อนุมัติวงเงินกู้ให้เรา ซึ่งธนาคารจะดูประวัติย้อนหลังไป 12 เดือน หากใครที่เคยค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน (หนี้ NPL) แต่สามารถชำระหนี้ให้เป็นปกติได้ และระยะเวลาผ่านมาแล้วเกิน 12 เดือนนับจากวันที่ชำระหนี้ให้เป็นปกติก็มีโอกาสที่จะกู้ผ่านได้ แต่หากปัจจุบันยังมีหนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน (หนี้ NPL) อยู่ แนะนำว่าต้องปิดชำระหนี้ให้เป็นปกติเสียก่อน จากนั้นรอระยะเวลาให้ผ่านพ้นไปเกิน 12 เดือน จึงจะมีโอกาสขอกู้ผ่าน
ส่วนใครที่กังวลใจว่าเคยมีประวัติผ่อนชำระหนี้ไม่ตรงตามกำหนด ค้างชำระ 1 เดือนบ้าง 2 เดือนบ้าง หากค้างชำระไม่บ่อยครั้งนัก เช่น เคยค้างชำระ 1 เดือน 1 ครั้ง แต่ปัจจุบันมีการชำระหนี้เป็นปกติ แนะนำว่าให้ลองยื่นกู้บ้านกับธนาคารดูก่อนเพราะยังมีโอกาสที่จะกู้ผ่าน
อย่างไรก็ตาม การที่เรามีประวัติการชำระหนี้ไม่ตรงกำหนดบ่อยครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้ค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน ก็อาจส่งผลทำให้กู้ไม่ผ่านได้เช่นกัน เพราะธนาคารอาจมีการจัดเกรดประวัติเครดิตบูโร หรือคิดเป็นคะแนนจากประวัติเครดิตบูโรของเรา ดังนั้นการผิดนัดชำระหนี้บ่อยครั้งก็จะทำให้เกรดหรือคะแนนบูโรของเราไม่ผ่านตามเกณฑ์ของธนาคารได้
ประวัติเครดิตบูโรเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ธนาคารใช้พิจารณาการกู้เงินของเรา เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ในการประกอบการพิจารณาอีก ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการชำระหนี้ที่คิดจากรายได้เปรียบเทียบกับภาระหนี้สิน ดังนั้นหากใครมีแผนที่จะกู้ซื้อบ้าน นอกจากการรักษาประวัติการผ่อนชำระหนี้ให้ดีแล้วก็ไม่ควรก่อหนี้เพิ่ม หรือปิดชำระหนี้สินให้เหลือน้อยที่สุดก็จะเพิ่มโอกาสกู้บ้านผ่านได้มากขึ้น ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับบทความ “ติดแบล็คลิสต์ อยากกู้บ้านต้องทำอย่างไร” ได้ที่ K-Expert
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นารีรัตน์ กำเลิศทอง K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ K-Expert
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า