บ้านเพื่อครอบครัว ต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่ของทุกคน

ทำงานอยู่ที่ World Bank มาเกือบ 7 ปี ก็คิดว่าเริ่มมั่นคงขึ้นแล้วจึงวางแผนว่าจะมีครอบครัว ก็คิดว่าหากแต่งงาน หรืออนาคตหากมีลูกเราก็ต้องขยับขยายเรื่องที่อยู่ ก็คิดและวางแผนเอาไว้ ในช่วงแต่งงานก็อยู่ทาวน์เฮ้าส์เล็ก ๆ กับพี่สาว ระหว่างนั้นเริ่มจัดการกับสเตทเม้นท์ตัวเอง ใช้เวลาเป็นปีเหมือนกัน ที่จะเก็บเงินก้อน และเดินบัญชีอย่างมีวินัย

เป็นความโชคดีที่พี่สาว และญาติ ๆ ค่อนข้างผูกพัน ดูแลกันเหนียวแน่น บ้านหลังแรกที่ซื้อก็คือทาวน์เฮ้าส์ที่เคยอยู่กับพี่สาวหลังเดิม ก็คือซื้อต่อจากพี่สาว ตอนซื้อก็ซื้อได้ในราคาที่ไม่แพง

ในช่วงแรก ๆ เราก็ขอเช่าก่อน พอแต่งงานก็ตัดสินใจขอซื้อ อยู่มาที่นี่จนมีลูกคนที่สอง รวม ๆ ก็ 14 ปี เราก็เกิดความรู้สึกว่าต้องการพื้นที่ที่มากขึ้น อยากมีพื้นที่เตะบอลกับลูก อยากมีพื้นที่จอดรถที่ไม่ต้องไปจอดเบียดกันบนถนน ประกอบกับลูกคนโตเริ่มโตขึ้นแล้วเริ่มต้องการพื้นที่ส่วนตัวของเขาเอง การไปใช้พื้นที่ร่วมกับคนอื่นก็ดูเป็นอุปสรรคสำหรับคนมีครอบครัว ดังนั้นการมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้นก็จะทำให้ทุกคนสะดวกสบายขึ้น

“เราอยากให้ลูกอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัยขึ้น วันเสาร์ อาทิตย์ก็ไม่ต้องหงุดหงิดกับเพื่อนบ้าน ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตแบบครอบครัวที่เริ่มใหญ่ขึ้น พอตัดสินใจได้ว่าจะหาบ้านใหม่ ที่มีโจทย์เยอะ แต่ชัดเจน ก็เริ่มหาข้อมูล ดูจากออนไลน์ด้วย หรือเข้าไปชมในหมูบ้านที่กำลังสร้างด้วย โจทย์ที่ตั้งใจหาในตอนนั้นคือ

ต้องอยู่ในทำเลที่ไม่ลึกจนเกินไป ราคาไม่แพงจนเกินไป พื้นที่ไม่ต่ำว่า 60 ตร.วา และเดินทางสะดวก ไม่ลำบากเกินกว่าการเดินทางที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การไปทำงาน หรือส่งลูกไปเรียน”

จากโจทย์นี้ เราก็ใช้ค้นหาในกูเกิ้ลเป็นหลัก ส่วนใหญ่ก็จะเจอข้อมูลจากเว็บไซต์ DDproperty นี่แหละบ่อยสุด แล้วข้อมูลก็มากพอ ดีพอที่จะให้เรามาเปรียบเทียบ เพื่อตัดสินใจ

โชคดีมากเลยที่เราใช้เว็บเกี่ยวกับอสังหาฯ สำหรับการขายที่อยู่เดิม และหาที่อยู่ใหม่ เพราะเว็บเหล่านี้มีข้อมูลเยอะ เราจึงรู้ว่า ราคาที่ควรขายอยู่ในช่วงราคาประมาณไหน โพสต์แบบไหนที่ขายง่าย และทำเลที่เรามอง ๆ อยู่ว่าอยากให้เป็นที่อยู่ใหม่ จะมีที่ไหนตอบโจทย์ หรือราคาเป็นแบบไหนก็จะได้เตรียมตัวถูก ตอนที่ขายคอนโดก็ใช้เว็บ DDproperty โพสต์ขาย ก็ใช้เวลาไม่นาน ส่วนอื่น ๆ ที่ชอบดูเช่น รีวิวโครงการบ้าน นอกจากจะทำให้รู้จักโครงการนั้น ๆ มากขึ้นแล้ว ยังได้ดูดีไซน์ในการแต่งบ้านไว้เป็นไอเดียด้วย

สำหรับบ้านใหม่ ถือว่าโชคดีมากที่ได้มา เพราะตอนแรกไม่ได้ดูหลังนี้เลย จากโจทย์ที่ตั้งไว้คืออยู่ในทำเลเดิม แต่อยากได้บ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ซึ่งไม่ควรต่ำกว่า 60 ตารางวา เพราะฝันว่าอยากมีสนามหญ้า แต่ที่ไปดูเนื้อที่แค่ 50 ตารางวา ราคาก็เป็นหลัก 10 ล้านขึ้นไปแล้ว และยิ่งเป็นโครงการใหม่ ๆ ก็ต้องเข้าซอยลึกอีกด้วย

โดยบ้านหลังนี้อยู่ติดกับบ้านพี่สาวอีก 2 คน การที่ได้มาถือว่าเป็นจังหวะดีมาก ๆ คือ บังเอิญพี่สาวไปเจอกับเจ้าของบ้าน เลยลองถามดูว่าสนใจขายบ้านไหม ซึ่งทางเจ้าของบ้านก็มีแผนจะย้ายอยู่แล้ว จึงตกลงขายกันที่ราคา 3.6 ล้านบาท ได้เนื้อที่ถึง 72 ตารางวา มารีโนเวทใหม่อีกประมาณ 2 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่ามาก ทำใหม่หลายส่วนจนเป็นบ้านแบบที่เราอยากอยู่จริง ๆ

รู้สึกว่าอยู่สบาย ทั้งเรื่องพื้นที่การใช้งาน ทั้งสบายใจเพราะอยู่ติดกับบ้านพี่สาว มีอะไรเราก็เจอกันง่าย เช้า ๆ พี่สาวก็มานั่งดื่มกาแฟหน้าบ้านเรา หรือตอนเย็น ๆ เราก็มากินข้าวด้วยกัน มันทำให้รู้สึกว่าเติมเต็มความอบอุ่นของครอบครัว

ลูก ๆ ก็มีพื้นที่ไว้เล่นกว้างขึ้น เราก็ได้สนามหญ้าอย่างที่ตั้งใจ มีห้องทำงาน มีครัวที่ใหญ่ขึ้น จากวันที่ย้ายมาอยู่จนถึงวันนี้ก็ 5 ปีแล้ว ลูก ๆ ก็เติบโตขึ้น ช่วง 5 ปีที่อยู่มา บ้านนี้รองรับอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ตอบได้เลยว่าบ้านนี้คือความสุข คือบ้านในฝันอย่างแท้จริง

มุมที่ใช้บ่อย ๆ คือห้องทำงาน ห้องรับแขกมีไว้แค่รับแขกอย่างเดียวจริง ๆ เราใช้ตรงนั้นน้อยมาก เนื่องจากให้ภรรยาลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านแบบเต็มตัว ก็จะมีบ้างที่เขารับงานฟรีแลนซ์ และมาจบที่ขายประกัน ซึ่งตอนนี้ก็ทำรายได้ดีมาก ห้องทำงานจึงเป็นห้องที่ทุก ๆ คนได้ใช้ร่วมกัน เราหรือแฟนนั่งทำงาน ลูก ๆ นั่งเล่นเกมส์ แม้จะติดเกมส์แต่ยังอยู่ในสายตาเรา ก็รู้สึกว่าโอเคกว่าที่เค้าจะออกไปเล่นข้างนอกที่ไม่ปลอดภัย

ห้องทำงานนี้ปรับปรุงมาจากโรงจอดรถเดิม มีพื้นที่พอสมควร หลังจากที่ทุก ๆ คนเลิกเรียน เลิกงาน กลับมาถึงบ้านก็จะกลับมาอยู่ที่ตรงนี้ เพราะมีคอมพิวเตอร์ จัดไฟให้สว่าง จัดโซนให้อยู่สบาย ที่ตรงนี้จึงกลายเป็นมุมโปรด มุมประจำของทุกคน

การเดินทางไปทำงาน หรือ ไปส่งลูกที่โรงเรียนก็สะดวกไม่ไกลมาก ใช้เวลาจากบ้านไปถึงโรงเรียนประมาณ 20 นาที แต่ก็จำเป็นต้องออกเช้าหน่อย เพราะหากออกสายจะกลายเป็นว่าต้องติดอยู่บนถนนเกือบ ๆ 2 ชั่วโมงก่อนเข้าเมือง

ตอนนี้วางแผนอยากจะขยายห้องครัวเพิ่ม เพราะบ้านนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องการกินอาหารมาก บ้านนี้ตู้เย็นไม่มีพร่อง ตู้เย็นมีสองตู้ แต่พื้นที่ห้องครัวยังรู้สึกว่าไม่พอต่อการใช้งาน ยังรู้สึกว่าเล็กไปหน่อย คิดว่าต้องขยายครัวและเพิ่มห้องแม่บ้านด้วย

สิ่งที่ชอบมาก ๆ ในบ้านหลังนี้ ต้องยกให้หน้าบ้าน เหมือนฝันที่อยากมีสนามหน้าบ้าน เรามาปลูกต้นไม้เอง จัดสวนเอง เสาร์ อาทิตย์ ทุกคนก็มาใช้เวลาที่ตรงนี้เยอะมาก เพราะร่มรื่น สบาย ไม่อยากไปไหนเลย เราได้รางวัลหน้าบ้านหน้ามองติดกันมา 3 ปีแล้ว

เรื่องถนนหนทางก็ดีมาก บ้านนอยู่ตรงถนนหลัก เข้ามาจากป้อมยามแค่ 100 เมตรก็ถึงบ้านแล้ว แล้วถนนหลักกว้าง 8 เมตร บ้านฝั่งตรงข้าม ไม่ได้หันหน้าเข้าบ้านเรา บ้านเราคืออยู่ด้านหลังบ้านเขา ดังนั้น พอมองออกไปหน้าบ้านจึงกลายเป็นเหมือนว่านี่คือพื้นที่ของเราทั้งหมด ไม่มีอะไรรบกวนสายตา ลูกอยากเตะบอลหรือปั่นจักรยานก็สบาย

ตอนนี้เรื่องบ้านที่อยู่อาศัยหลักค่อนข้างลงตัวแล้ว จึงเริ่มมองเรื่องของการลงทุน ตอนนี้ไปซื้ออาคารพาณิชย์แบบติดกัน 5 หลังที่อ่าวนาง จ.กระบี่ ที่ตรงนี้ได้มาเพราะว่าไปทำงานกับโปรเจ็กต์การสร้างสถานท่องเที่ยวใหม่ใน จ.กระบี่ ซึ่งน่าสนใจมาก ๆ จึงคิดว่านี่เป็นโอกาส เลยเอ่ยปากกับผู้ใหญ่ว่าสนใจอยากซื้อไว้เพื่อลงทุน เลยได้มาในราคาพิเศษ คิดว่าอยากเอาไว้ขายสัก 3 ยูนิต อีก 2 ยูนิต เอาไว้ให้เช่า เพราะทำเลค่อนข้างดี ใกล้ห้าง ใกล้หาด ใกล้คอมมูนิตี้มอลล์ ใกล้ไนท์มาร์เก็ต และลานเบียร์ ละแวกนี้จะเป็นมิกซ์ยูส (Mixed-use)จึงค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพของทำเลตรงนี้