ประกันอัคคีภัย ทำแบบไหนถึงจะคุ้ม

DDproperty Editorial Team
ประกันอัคคีภัย ทำแบบไหนถึงจะคุ้ม
“ทำประกันอัคคีภัยให้ครอบคลุมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่บริษัทประกันภัยรับประกัน ” – K-Expert
บ้านถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง และมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างเช่นเกิดไฟไหม้ขึ้นกับบ้านแสนรัก แต่ถึงเราจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นแล้วก็ตาม คงไม่มีใครกล้ารับประกันได้ว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจะไม่เกิดขึ้นกับบ้านของเราอย่างแน่นอน การทำประกันอัคคีภัยจึงถือว่ามีความสำคัญ เพราะจะช่วยลดความสูญเสียหรือความเสียหายด้วยการจ่ายค่าสินไหมเป็นเงินชดเชย
นอกจากนี้ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย เมื่อเปรียบเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับถือว่าถูกมาก เช่น ทุนประกัน 1,000,000 บาท ค่าเบี้ยประกันจะอยู่ที่ประมาณ 1,100 บาท แล้วควรทำประกันอัคคีภัยแบบไหนดี ถึงจะคุ้มค่ากับค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป K-Expert มีคำแนะนำดีๆ มาฝากกันเช่นเคย

ทำประกันให้ครอบคลุมมูลค่าทรัพย์สิน

ทรัพย์สินที่เราสามารถทำประกันอัคคีภัยได้คือ สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดของบ้าน รวมไปถึงกำแพง ประตูรั้ว และส่วนปรับปรุงต่อเติมบ้าน แต่ไม่รวมที่ดิน นอกจากนี้เรายังสามารถทำประกันทรัพย์สินภายในบ้านได้อีกด้วยค่ะ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องตกแต่ง ฯลฯ
ซึ่งในการทำประกันอัคคีภัยควรทำทุนประกันให้ครอบคลุมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด เพราะหากเกิดเหตุทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ก็จะได้รับค่าสินไหมตามมูลค่าที่เสียหายจริง เช่น ทำทุนประกันไว้ที่ 1 ล้านบาท ทรัพย์สินมีมูลค่าที่ 1 ล้านบาท
กรณีนี้หากเกิดเหตุเสียหาย ก็จะได้รับค่าสินไหมตามความเสียหายจริง แต่หากทำประกันต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ค่าสินไหมจะได้รับตามสัดส่วน เช่น ทำทุนประกันที่ 700,000 บาท ทรัพย์สินมีมูลค่า 1 ล้านบาท เท่ากับทำประกัน 70% ของมูลค่าทรัพย์สิน หากเกิดเหตุทรัพย์สินเสียหายจริงที่ 500,000 บาท ก็จะได้ค่าสินไหมเพียง 350,000 บาทเท่านั้น (500,000X70%)

ซื้อความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติม

ปกติแล้วการทำประกันอัคคีภัยจะได้รับความคุ้มครองมาตรฐาน ได้แก่ ภัยที่เกิดจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ยานพาหนะ อากาศยาน และภัยเนื่องจากน้ำซึ่งไม่ใช่ภัยน้ำท่วม ทั้งนี้เราสามารถซื้อความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมเพื่อสร้างความอุ่นใจให้มากขึ้น ได้แก่ ภัยน้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว ภัยจากควัน ภัยต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า จลาจลและนัดหยุดงาน โดยเงื่อนไขการรับประกันจะขึ้นอยู่กับบริษัทประกันพิจารณาเป็นราย ๆ ไป

เลือกระยะเวลาความคุ้มครองยาว

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยถูกลงคือ ระยะเวลาของความคุ้มครอง เพราะยิ่งเลือกทำประกันให้มีระยะเวลาความคุ้มครองยาวเกิน 1 ปี ค่าเบี้ยประกันก็จะถูกลง โดยค่าเบี้ยประกันที่มีระยะเวลาความคุ้มครอง 2 ปี จะคิดอัตรา 175% ของอัตราค่าเบี้ยประกันภัย 1 ปี จากปกติ 200% และระยะเวลาความคุ้มครอง 3 ปี ก็จะคิดอัตราค่าเบี้ยประกัน 250% ของอัตราเบี้ยประกัน 1 ปี จากปกติ 300% เช่น ค่าเบี้ยประกัน 1 ปี เท่ากับ 1,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 2 ปี ก็จะเท่ากับ 1,750 บาท (1,000X175%) จะประหยัดค่าเบี้ยประกันไป 250 บาท และหากเลือกทำประกัน 3 ปี ค่าเบี้ยประกัน 2,500 บาท (1,000X250%) ก็จะยิ่งประหยัดไปได้ถึง 500 บาท จากตัวอย่างจะพบว่ายิ่งเราเลือกระยะเวลาความคุ้มครองยาวก็จะยิ่งช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันได้มากขึ้น
นอกจากนี้การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันภัยไว้ในบ้าน เช่น อุปกรณ์ถังดับเพลิง เครื่องตรวจจับควัน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถช่วยให้บริษัทประกันพิจารณาค่าเบี้ยให้ถูกลง และอุปกรณ์ป้องกันภัยยังช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ทันที หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ “ประกันอัคคีภัย ทำแบบไหนถึงจะคุ้ม” ได้ที่ K-Expert
K-Expert Action
  • เปรียบเทียบค่าเบี้ยประกันและผลประโยชน์ความคุ้มครองของบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง เพื่อความคุ้มค่า
  • ตรวจสอบรายละเอียดของใบเสนอราคารวมทั้งความคุ้มครองที่บริษัทรับประกันก่อนตัดสินใจทำ
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นารีรัตน์ กำเลิศทอง K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ K-Expert
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

คำนวณยอดผ่อนต่อเดือน

คำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือนตามอัตราดอกเบี้ยของคุณด้วยเครื่องมือคำนวณสินเชื่อนี้

คำนวณวงเงินกู้สูงสุด

คำนวณสินเชื่อบ้าน ยอดวงเงินกู้บ้านใหม่ที่คาดว่าจะได้รับจากแบงก์และยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน

คำนวณสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน

เช็กยอดผ่อนชำระต่อเดือนอัตราใหม่และจำนวนเงินที่คุณสามารถประหยัดได้หลังจากการทำรีไฟแนนซ์