หลังจากผ่อนบ้านจนหมดโปรโมชั่นส่วนลดสินเชื่อ จากดอกเบี้ยบ้านเริ่มกลายเป็นดอกเบี้ย “บาน” ในขณะที่กำลังคิดหนักก็ได้รับข้อเสนอรีไฟแนนซ์จากธนาคารข้างๆ กัน พอกำลังจะปันใจ ธนาคารเดิมกลับเสนอลดดอกเบี้ยให้ในฐานะลูกหนี้ชั้นดี สองทางเลือกที่คนมีบ้านต้องเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียมากกว่าแค่เงื่อนไขดอกเบี้ยที่ได้รับ
รางวัลสำหรับคนผ่อนบ้านตรงต่อเวลาทุกเดือนกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง นอกจากการทำเรื่องขอรีไฟแนนซ์เปลี่ยนธนาคารและรับข้อเสนอใหม่ๆ ที่น่าสนใจแล้ว เรายังมีทางเลือกขอเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับธนาคารเดิมหรือเรียกว่า การ “รีเทนชั่น” (Retention) หลังจากผ่อนครบ 3 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ปลอดค่าปรับ สามารถเลือกได้ทั้งรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่หรือรีเทนชั่นกับธนาคารเดิม
สำหรับการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียนอกเหนือจากเงื่อนไขดอกเบี้ยแล้ว การรีเทนชั่นและรีไฟแนนซ์มีความแตกต่างกัน 3 เรื่องหลักที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจ ได้แก่ ขั้นตอนการดำเนินการ ข้อเสนออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่จะได้รับ และค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้
ขั้นตอนการดำเนินการ
เมื่อการรีไฟแนนซ์ คือ การย้ายจากธนาคารเดิมไปสู่แหล่งเงินกู้ในธนาคารใหม่เปรียบเหมือนการกดปุ่มเริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่ผ่านเอกสารและหลักฐานทางการเงินต่างๆ ที่เราต้องรวบรวมดำเนินการตามขั้นตอนขอสินเชื่อ ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน บัญชีธนาคารย้อนหลัง สลิปเงินเดือน สำเนาใบเสร็จรับเงินการผ่อนชำระบ้านย้อนหลัง 6 เดือน สัญญาซื้อขาย โฉนดและภาพถ่ายแสดงกรรมสิทธิหลักประกัน
หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้ประเมินทรัพย์สิน และรอผลการอนุมัติ ซึ่งในกรณีที่ได้รับการอนุมัติ เราต้องติดต่อธนาคารเก่า เพื่อนัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งธนาคารเดิมจะสรุปยอดหนี้ให้ หลังจากนั้น เราจึงติดต่อกับธนาคารใหม่ เพื่อนัดวันทำสัญญา และโอนทรัพย์ที่ใช้จำนองในวันเดียวกับที่เรานัดธนาคารเดิม จากขั้นตอนต่างๆ กว่าจะได้โอนบ้านและที่ดินค่อนข้างใช้เวลา ทั้งยังยุ่งยากซับซ้อน ทำให้บางคนถอดใจ เพราะไม่มีเวลาหรือเบื่อกับการติดตามผลพิจารณารีไฟแนนซ์
ดังนั้น หลายคนจึงเลือกที่จะรีเทนชั่น เพราะสะดวกรวดเร็วกว่า เนื่องจากธนาคารมีประวัติเดิมของเราอยู่แล้ว โดยเฉพาะประวัติการชำระเงินที่ตรงต่อเวลาสม่ำเสมอ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาพิจารณานาน เพียงแค่เรายกหูโทรศัพท์ติดต่อ call center ธนาคาร เพื่อแจ้งขอลดอัตราดอกเบี้ย และทิ้งเวลาให้ธนาคารตรวจสอบประวัติการชำระเงิน ประเมินส่วนลดเล็กน้อย ก่อนจะติดต่อกลับมาแจ้งผลอัตราดอกเบี้ยที่สามารถลดให้ได้
ข้อเสนอดอกเบี้ย
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์ที่การรีเทนชั่นกับธนาคารเดิมสู้ไม่ได้ คือ ทางเลือกส่วนลดอัตราดอกเบี้ยที่เปิดกว้างหลากหลายกว่าจากการแข่งขันกันดึงลูกค้าชั้นดีให้เปลี่ยนใจยอมรับข้อเสนอใหม่ที่น่าสนใจกว่า ซึ่งเราสามารถนำข้อเสนอของธนาคารแต่ละแห่งมาเปรียบเทียบพิจารณาหาทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
ส่วนการรีเทนชั่นจะขึ้นอยู่กับธนาคารเดิมเป็นผู้พิจารณา ส่วนใหญ่มักจะให้ส่วนลดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่มากเท่าการย้ายธนาคารใหม่ และบางครั้งยังอาจจะขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองกัน เช่น การยื่นคำขาดบอกลาธนาคารเดิมหากยังไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ยให้เป็นที่น่าพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ยังไม่ได้รับการรับรองผล และควรเก็บไว้ใช้เป็นไม้ตายสุดท้ายจริงๆ เพราะถ้าไม่สำเร็จ เราอาจจะต้องกลับไปง้อขอคืนดีกับธนาคารเดิมหรือย้ายไปยังธนาคารใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจำนวนมากเกินกว่างบที่วางไว้
ค่าใช้จ่ายการดำเนินการ
แม้การรีไฟแนนซ์จะมีอัตราดอกเบี้ยที่น่าดึงดูดใจกว่า แต่อย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ ถ้าไม่นับการรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่นก่อน 3 ปีแรกที่ต้องเสียค่าปรับการคืนเงินกู้ก่อนกำหนดตามสัญญา การรีไฟแนนซ์ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ควรรู้และต้องเตรียมสำรองไว้ ได้แก่
- ค่าจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ หรือค่าธรรมเนียมการปล่อยกู้ ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 0-3% ของวงเงินกู้
- ค่าธรรมเนียมในการจำนอง หากเป็นการรีเทนชั่นกับธนาคารเดิม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่หากรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ต้องเสียค่าจำนองที่ดินประมาณ 1% ของวงเงินสินเชื่อ ซึ่งชำระให้กับกรมที่ดิน
- ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน หรือค่าประเมินราคาหลักประกัน เพราะการรีไฟแนนซ์เหมือนการขอสินเชื่อใหม่ เราจึงต้องเสียค่าใช้จ่ายการประเมินราคา ยกเว้นธนาคารจะมีโปรโมชั่นไม่คิดค่าประเมินราคา โดยส่วนใหญ่การรีเทนชั่นไม่ต้องเสียค่าประเมินราคา
- ค่าอากรแสตมป์ คิดในอัตรา 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่เท่ากันทุกธนาคาร
- ค่าประกันอัคคีภัย ค่าทำประกัน หรือค่าบริการอื่นๆ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและนโยบายของแต่ละธนาคาร
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าออกเช็ค ค่านิติกรรม และค่าไถ่ถอนที่ต้องชำระให้กับสำนักงานที่ดิน เป็นต้น รวมทั้ง ส่วนต่างวงเงินสินเชื่อที่ได้รับไม่ครอบคลุม ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เราจำเป็นต้องเตรียมเงินสำรองไว้
ทั้งหมดนี้ทำให้เราต้องพิจารณาเปรียบเทียบให้ดีระหว่างอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ได้รับกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสีย ลองเริ่มต้นจากการสอบถามอัตราดอกเบี้ยส่วนลดกับธนาคารเดิม และรวบรวมข้อเสนอของธนาคารใหม่แต่ละแห่ง รวมถึงเงื่อนไขค่าใช้จ่ายต่างๆนำมาหักลบกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่การชำระเงินตามกำหนดระยะเวลา เพียงแค่ 3 ปี เราจะกลายเป็นลูกหนี้ชั้นดีที่มีสิทธิเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดทันที
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ