4 รูปแบบธุรกิจปล่อยเช่าแบบใหม่ เปลี่ยนบ้านทำเลทองให้เป็นเงิน

DDproperty Editorial Team
4 รูปแบบธุรกิจปล่อยเช่าแบบใหม่ เปลี่ยนบ้านทำเลทองให้เป็นเงิน
ใครที่มีบ้านในเมือง แล้วไม่ได้อยู่อาศัยเอง พร้อมกับไม่มีแนวคิดที่จะขายบ้านพร้อมที่ดินนี้ คงเริ่มมองหาช่องทางต่อยอดให้กับบ้านหลังนี้ จะสร้างรายได้จากทรัพย์สินที่มีอยู่ได้อย่างไร ซึ่งจะว่าไปแล้ว บ้านในเมือง ได้เปรียบกว่าบ้านทำเลอื่นพอควร
เพราะในเมืองยังคงเป็นจุดศูนย์กลางในทุกด้านไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งด้านแหล่งการศึกษา แหล่งงานสำคัญ ศูนย์การค้า โรงพยาบาลชั้นนำ ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองยังคงมีต่อเนื่อง คนที่มีบ้านในเมือง จึงมีโอกาสที่จะหารายได้จากบ้านในเมืองได้พอควร
สำหรับบ้านในเมือง ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์เฮาส์ ก็มีโอกาสนำมาสร้างรายได้ในการปล่อยเช่าได้ โดยปัจจุบันรูปแบบในการหารายได้จากบ้านในเมืองมีหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้จำกัดแค่การปล่อยเช่าธรรมดา ๆ เหมือนในอดีตแล้ว
ยิ่งถ้าเป็นบ้านในเมืองที่เราเป็นเจ้าของอยู่นั้น อยูในตำแหน่งที่ตั้งที่เดินทางสะดวกทั้งรถส่วนบุคคล และรถสาธารณะ ก็ยิ่งมีโอกาสในการต่อยอดให้กับบ้านหลังนี้มากขึ้น

4 รูปแบบธุรกิจปล่อยเช่าบ้าน

1. ปรับเป็นบ้านพัก / โฮสเทล ปล่อยเช่ารายวัน

Luggage Passport Airplane Ticket Fligt Travel
รูปแบบนี้ ต้องย้ำว่า ทำเลต้องดี เดินทางสะดวก แม้ว่าจะเข้าซอย แต่ถ้าไม่ลึกมาก และออกมาก็เจอสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางอื่น ๆ ก็ถือว่ายังทำได้ ซึ่งปัจจุบันการที่มีแอพพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่ต่าง ๆ ก็ลดอุปสรรคเรื่องทำเลไม่ติดถนนไปได้บ้าง เพราะสามารถใช้แอพพลิเคชั่นบนมือถือเรียกรถบริการสาธารณะเข้ามารับถึงหน้าบ้านได้อย่างสะดวก
สำหรับการปรับเป็นบ้านพัก จะแบบบ้านทั้งหลัง ปล่อยเช่ารายวันทั้งหมด หรือจะปรับเป็นโฮสเทลหลาย ๆ ห้อง ก็เลือกปรับตามความเหมาะสม แต่ถ้าเป็นบ้านในซอย อาจจะเหมาะกับการปล่อยเช่าบ้านทั้งหลังมากกว่า
เพราะสามารถเจาะกลุ่มคนที่มาเป็นครอบครัวได้ ทีอาจจะมาทำธุระในกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ไม่สะดวกพักโรงแรม หรือคนต่างจังหวัดที่ส่งบุตรหลานมาเรียนพิเศษช่วงปิดเทอม หรือมาช่วงสอบ ซึ่งมากันเป็นครอบครัว หรือมากันหลายคน ก็นิยมหาที่พักที่เป็นบ้านเช่าปล่อยระยะสั้นเช่นกัน
ส่วนการปรับเป็นโฮสเทล รูปแบบนี้ คนที่มาพักส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาคนเดียว หรือ 2-3 คน หรืออาจจะไม่เกิน 4 คน ก็จะนิยมเลือกที่พักที่ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวกจริง ๆ หากเป็นบ้านในซอยที่เข้าไปไม่ลึกมาก เดินมาเล็กน้อย เจอรถไฟฟ้า อาจจะพอไหว แต่ถ้าลึกเข้าไปมาก ๆ ก็เหนื่อยหน่อย

2. ปรับเป็น Co-Working Space

Young coworkers in creative trendy office
ถ้าใครที่เป็นเจ้าของบ้านเดี่ยว ที่มีพื้นที่รอบข้างพอสมควร และมีความร่มรื่นจากต้นไม้ต่าง ๆ ก็สามารถเลือกปรับบ้านของคุณให้เป็น Co-Working Space ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
เพราะปัจจุบันเทรนด์ Co-Working Space ซึ่งเป็นที่ทำงานนอกบ้านให้คนหลายคนได้เข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกันกำลังมาแรง และเป็นที่นิยมมาก ซึ่งเชื่อว่าเทรนด์นี้จะยังคงเติบโตไปได้อีกระยะหนึ่ง
คนรุ่นใหม่ที่สนใจธุรกิจส่วนตัว คนทำงานอาชีพอิสระ ก็มองหาพื้นที่ทำงานนอกบ้านในแบบที่ไม่ต้องเช่าอาคารสำนักงาน เพียงแต่ต้องการมาหาที่นั่งทำงาน เพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ
แม้ว่า Co-Working Space ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่จะอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งที่ใกล้ถนน เดินทางสะดวกมาก ๆ แต่ถ้ามีจุดเด่นเรื่องความร่มรื่น มีกาแฟหอมกรุ่นช่วยเสริมบรรยากาศแล้วล่ะก็ เชื่อว่าก็จะเป็นอีกหนึ่ง Co-Working Space ที่ได้รับความสนใจไม่น้อยทีเดียว
เพียงแต่ตำแหน่งที่ตั้ง ก็ยังอยู่ในภาวะที่เดินทางได้ไม่ลำบาก
กรณีที่ไม่ได้ทำเอง อาจจะหาผู้ร่วมทุน หรือผู้สนใจ ปล่อยให้เช่าทำ ก็ได้เช่นกัน เรียกว่า ขอได้ค่าเช่าเป็นแบบเสือนอนกินชิล ๆ ก็ดีไปอีกแบบ

3. บ้านกาแฟ / ร้านอาหาร

vacation-2302009_1920
จะเห็นว่า มีบ้านเก่าแก่ในเมืองหลายแห่ง (บางแห่งเข้าซอยไปลึกพอควร) เปิดให้คนมาเช่าทำร้านอาหาร ทำร้านกาแฟเก๋ ๆ ชิค ๆ ที่มีจุดเด่นเรื่องบรรยากาศของตัวบ้านเก่า ความร่มรื่น ยิ่งถ้ามีต้นไม้เยอะ ๆ ยิ่งได้รับความสนใจ เพราะจะว่าไปแล้ว คนรุ่นใหม่ก็มีความโหยหาความเป็นธรรมชาติที่ขาดหายไปท่ามกลางเมืองใหญ่
ซึ่งถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้านในเมือง ที่มีฝีมือในการทำร้านอาหาร หรือชงกาแฟ ทำเบเกอรี่รสชาติดี ก็ไม่ต้องไปเช่าที่เปิดร้านที่ไหนไกล ก็เปิดที่บ้านของคุณเอง ก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน
ปัจจุบันการมีสื่อออนไลน์ก็ช่วยพาเราเข้าไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ทำให้เป็นที่รู้จักไปจนถึงดึงให้เขาเข้ามาเป็นลูกค้า หรือถ้าไม่ทำเอง จะปล่อยให้เช่าก็ได้เช่นกัน

4. ปล่อยเช่าบ้านแบบรายเดือน




มาถึงรูปแบบสุดท้าย ง่าย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ปล่อยเช่าเป็นแบบรายเดือน เป็นรายได้เสริมจากรายได้หลัก ซึ่งทำเลย่านกลางเมือง กลุ่มเป้าหมายหลักของคนที่มีความต้องการเช่า ก็คือ ครอบครัวชาวต่างชาติ 100% ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวของนักลงทุนต่างชาติในไทย
หรือผู้บริหารต่างชาติระดับสูง ซึ่งคนกลุ่มนี้มีทางเลือกทั้งคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง และบ้านเดี่ยว แต่เหตุผลในการเลือกบ้านเดี่ยว เพราะต้องการสนามหญ้า ต้องการพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น มีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง
ทำเลที่ตั้งของโครงการลักษณะนี้ เช่น สุขุมวิทตอนกลาง สาทร พระราม 3 ซึ่งเป็นบริเวณที่เชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวก โดยผู้ที่เลือกทำเลใจกลางเมือง มีทั้งใจกลางเมืองที่ใกล้กับโรงเรียนนานาชาติที่ลูกเรียนอยู่ และทั้งใจกลางเมืองที่อาจจะไม่ได้ใกล้มาก แต่เดินทางสะดวกทั้งไปโรงเรียนลูก และไปทำงาน
ในส่วนของทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาตินั้น ปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติชั้นนำหลายแห่ง ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองมาก จะค่อยออกไปทางรอบเมืองกรุงเทพฯ เพราะโรงเรียนต้องการพื้นที่ใหญ่ ทำเลที่ตั้งที่รองรับได้ จึงต้องขยับออกไปชานเมืองที่ยังเข้าเมืองได้สะดวก เช่น โซนกรุงเทพฯ ตะวันออก เป็นต้น โดยทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ ถือว่ามีความต้องการสูงสำหรับกลุ่มครอบครัวชาวต่างชาติ
  • ลักษณะบ้านเดี่ยวที่เป็นที่นิยมครอบครัวชาวต่างชาติ (ทำเลใจกลางกรุงเทพฯ)

  1. บ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ มีฟังก์ชันห้อง 3-4 ห้องนอน
  2. มีสนามหญ้าหน้าบ้าน
  3. ลักษณะครัวเป็นครัวปิด และต้องมีห้องแม่บ้านอยู่ด้านล่าง
  4. อัตราค่าเช่าประมาณ 90,000-300,000 บาทต่อเดือน (ส่วนใหญ่จะได้รับสวัสดิการจากบริษัทแม่ที่ส่งมาทำงานในกรุงเทพฯ)
  5. ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านที่มีคลับเฮาส์จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ
  6. บ้านเดี่ยวที่มีฟังก์ชันสระว่ายน้ำภายในบ้าน จะได้รับความสนใจมากขึ้น
  7. ไม่จำเป็นต้องมีเฟอร์นิเจอร์ เพราะผู้เช่าส่วนใหญ่มีเฟอร์นิเจอร์เป็นของตัวเอง
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ