เมื่อทำการจดทะเบียนอาคารชุดเรียบร้อยแล้วทางโครงการจำเป็นที่จะต้องดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดเพื่อดำเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาคารชุด ซึ่งหนึ่งในประเด็นนี้ก็คือการออกหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ผู้ซื้อนั่นเอง หากคุณเป็นผู้ซื้อที่ใช้เงินสดของตัวเองในการซื้อคอนโด ชื่อในหนังสือกรรมสิทธิ์จะเป็นชื่อของคุณ หากเป็นกรณีซื้อโดยผ่านสินเชื่อเงินกู้จากธนาคาร ชื่อเจ้าของที่ปรากฏในหนังสือกรรมสิทธิ์จะเป็นชื่อของธนาคารนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อคุณผ่อนชำระจำนวนสินเชื่อเป็นยอดครบตามสัญญาแล้ว ชื่อในหนังสือกรรมสิทธิ์จะเปลี่ยนเป็นของคุณ
ข้อมูลจำเป็นที่จะต้องปรากฏอยู่ในหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
เมื่อชื่อเจ้าของในหนังสือกรรมสิทธิ์เป็นชื่อคุณ เพื่อให้หนังสือกรรมสิทธิ์นั้นสามารถบังคับใช้และมีผลตามกฎหมายได้นั้น อย่างน้อยควรระบุข้อมูลสำคัญต่อไปนี้ที่กำหนดโดยกระทรวงมหาดไทยและถูกระบุชัดไว้ใน พระราชบัญญัติอาคารชุด:
เมื่อชื่อเจ้าของในหนังสือกรรมสิทธิ์เป็นชื่อคุณ เพื่อให้หนังสือกรรมสิทธิ์นั้นสามารถบังคับใช้และมีผลตามกฎหมายได้นั้น อย่างน้อยควรระบุข้อมูลสำคัญต่อไปนี้ที่กำหนดโดยกระทรวงมหาดไทยและถูกระบุชัดไว้ใน พระราชบัญญัติอาคารชุด:
(1) ตำแหน่งที่ดินและจำนวนเนื้อที่ของที่ดินของอาคารชุด
(2) ที่ตั้ง เนื้อที่ และแผนผังของห้องชุด ซึ่งแสดงความกว้าง ความยาว และความสูง
(3) อัตราส่วนแห่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลาง
(4) ชื่อตัวและชื่อสกุลของผู้มีกรรมสิทธิ์ในห้องชุด
(5) สารบัญสำหรับจดทะเบียน และนิติกรรม
(6) ลายมือชื่อพนักงานเจ้าหน้าที่
(7) ประทับตราประจำตำแหน่งของพนักงานเจ้าหน้าที่
(2) ที่ตั้ง เนื้อที่ และแผนผังของห้องชุด ซึ่งแสดงความกว้าง ความยาว และความสูง
(3) อัตราส่วนแห่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลาง
(4) ชื่อตัวและชื่อสกุลของผู้มีกรรมสิทธิ์ในห้องชุด
(5) สารบัญสำหรับจดทะเบียน และนิติกรรม
(6) ลายมือชื่อพนักงานเจ้าหน้าที่
(7) ประทับตราประจำตำแหน่งของพนักงานเจ้าหน้าที่
หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดจะถูกออกเป็นคู่ฉบับรวมสองฉบับ มอบให้ผู้มีกรรมสิทธิ์ในห้องชุดฉบับหนึ่งอีกฉบับหนึ่งเก็บไว้ที่สำนักงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ (สำนักงานเขตที่โครงการตั้งอยู่นั่นเอง) สำหรับฉบับที่เก็บไว้ที่สำนักงานของพนักงานเจ้าหน้าที่นั้นจะจำลองเป็นรูปถ่ายก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ให้ลงลายมือชื่อและประทับตราประจำตำแหน่งของหนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
กรณีหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดหายหรือข้อมูลสาระสำคัญที่ปรากฏใน 7 ข้อในข้างต้นชำรุดจะดำเนินการอย่างไร?
-กรณีเจ้าของทำหายหรือทำชำรุดเอง
ตาม มาตรา 25 ที่กำหนดไว้ใน พรบ. อาคารชุด ระบุไว้ว่า "หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดของผู้ใดสูญหายหรือชำรุดในสาระสำคัญให้เจ้าของขอรับใบแทนหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดนั้นได้"
หลังจากนั้นใน มาตรา 26 ระบุต่อว่า ในกรณีที่มีการออกใบแทนหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดตามมาตรา 24 หรือ 25 (ที่กล่าวไป) แล้ว ให้หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดฉบับเดิมเป็นอันยกเลิก เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น
-กรณีเจ้าหน้าที่พนักงานทำหายหรือทำชำรุดเอง
ตาม มาตรา 27 ได้ระบุไว้ว่า "ในกรณีที่หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดฉบับที่เก็บไว้ที่สำนักงานของพนักงานเจ้าหน้าที่สูญหายหรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เรียกหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดฉบับเจ้าของห้องชุดมาพิจารณา แล้วจัดทำขึ้นใหม่โดยอาศัยหลักฐานเดิม"
อย่างไรก็ตามจะเป็นการดีเสียกว่าหากเราเก็บรักษาหนังสือกรรมสิทธิ์ไว้อย่างดี เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาในการทำเรื่องติดต่อขอออกใบแทนกรรมสิทธิ์ใหม่ และอย่าลืมตรวจสอบให้ดีว่าข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญในข้างต้นนั้นถูกระบุอยู่ในหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดครบถ้วนหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากข้อนิติกรรมที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้
ข้อมูลอ้างอิงจาก พระราชบัญญัติ อาคารชุด พ.ศ. 2522 (www.tca.or.th/tca_website/img/knowledges/)
มองหาบ้านหรือคอนโดฯใหม่? อ่าน รีวิวโครงการใหม่ ของเรา
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย ชัยสิทธิ์ บุนนาค Content Writer ประจำ DDproperty หากมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวบทความสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ chaiyasit@ddproperty.com
บทความเกี่ยวข้องน่าสนใจ:
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ