[PR News] ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เผยผลประกอบการปี 2567 กวาดรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 11,985 ล้านบาท ส่งผลกำไร 1,052 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายบ้าน-คอนโดฯ ตามเป้าที่ 35,442 ล้านบาท พร้อมโชว์ยอด Backlog ในมือกว่า 44,562 ล้านบาท สร้างรายได้ต่อเนื่อง 4 ปี จ่อโอนกรรมสิทธิ์ ในปี 2568 จำนวน 16 โครงการ รวมมูลค่า 23,440 ล้านบาท มีแบ็คล็อคคอนโดแล้วกว่า 15,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73%

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยทุกกลุ่ม (รวมโครงการ JV) ทั้งสิ้นกว่า 14,399 ล้านบาท มีรายได้รวมทั้งสิ้น 11,985 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,052 ล้านบาท
ส่วนยอดขาย (Presale) รวมทั้งหมด ปี 2567 อยู่ที่ 35,442 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย โดยแบ่งเป็นยอดขายจากคอนโด ภายใต้ ORIGIN VERTICALอยู่ที่ 28,891 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 82% และเป็นยอดขายจากบ้านแนวราบ ภายใต้ BRITANIA อยู่ที่ 6,551 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18%
ในจำนวนยอดขาย 35,442 ล้านบาท ที่ทำได้ทั้งหมดในปีที่ผ่านมา แยกเป็นยอดขายจากโครงการที่บริษัทฯพัฒนา (Non- JV) ประมาณ 19,768 ล้านบาท และยอดขายจากกลุ่มโครงการร่วมทุน (JV) กับพาร์ทเนอร์ ประมาณ 15,674 ล้านบาท
เป็นยอดขายมาจากโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Ready to move) มีทั้งคอนโด, บ้านเดี่ยว, บ้านแฝดกระจายทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักในต่างจังหวัดประมาณ 19,635 ล้านบาท และมาจากโครงการที่เปิดขายใหม่และอยู่ระหว่างดำเนินการ (Ongoing) ประมาณ 15,787 ล้านบาท

โดยปี 2567 มีโครงการใหม่ที่เปิดตัว 12 โครงการ มีจำนวนยูนิตทั้งสิ้น 5,455 ยูนิต รวมมูลค่าทั้งสิ้น 19,500 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมจำนวน 4,944 ยูนิต รวมมูลค่า 14,500 ล้านบาท และเป็นบ้านจัดสรรจำนวน 511 ยูนิต รวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท
ภายใต้ปัจจัยและสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ที่สร้างแรงกดดันต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมส่งผลให้ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ต้องมีการปรับแผนและกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือออริจิ้น พร้อมที่จะดำเนินการและปฎิบัติการสร้างขาธุรกิจใหม่ตามแผนเพื่อเสริมโอกาสต่อยอดทางธุรกิจ
รวมถึงพัฒนาโปรดักส์ในโครงการที่เปิดใหม่ สร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการอยู่อ่าศัยที่สร้างความพึงพอใจให้ครอบคลุมตลาด Gen Y-Gen Z ขณะเดียวกันยังวางแผนที่จะบุกเจาะตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2567 ที่ผ่านมา ออริจิ้น เน้นปรับกลยุทธ์ขายต่างชาติ ทำยอดขายต่างชาติกว่า 5,700 ล้านบาท เติบโต 225% ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท รัสเซีย-ไต้หวัน ขึ้นแท่นตลาดหลัก เล็งเดินสายโรดโชว์เปิดตลาดใหม่ต่อเนื่อง
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมในเครือออริจิ้น ORIGIN VERTICAL ตอกย้ำความสำเร็จลุยตลาดต่างประเทศ เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งแบบ B2B และ B2C ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย ซื้อเพื่อลงทุน (Investment) และกลุ่มผู้สูงอายุวัยเกษียณ (Retirement) ที่ต้องการโยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาพำนักในประเทศไทยเพิ่มเติม
โดยโฟกัส 5 ประเทศในโซนเอเชีย คือ จีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์, ไต้หวัน และเมียนมา ด้วยการแต่งตั้ง บริษัท ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นมาสเตอร์ เอเจนท์ นำห้องชุดจำนวน 150 ยูนิต มูลค่ารวม 1,486 ล้านบาท ในโครงการ ออริจิ้น เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท (ในซอยสุขุมวิท 48) คอนโดที่ทันสมัยออกแบบมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนเมือง
รวมทั้งประสบความสำเร็จด้วยการเปิดขายโครงการ โซ ออริจิ้น สุขุมวิท 105 จนสามารถปิดการขายห้องชุดที่นำมาเปิดตัวในรอบ VVIP ได้ทั้งหมด เพียง 2 วันแรก ยอดขายพุ่งถึง 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ออริจิ้น พร้อมผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ที่ชำชาญตลาดต่างประเทศ และเตรียมเดินสายโรดโชว์และจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี 2568 เพื่อนำอสังหาริมทรัพย์ไทยเจาะตลาดโลก ขยายไปยังตลาดใหม่ควบคู่กับรักษาฐานลูกค้าในประเทศเดิมที่รู้จัก และเชื่อมั่นแบรนด์ออริจิ้น

ณ สิ้นปี 2567 มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) จากทั้งโครงการคอนโด และบ้านจัดสรรคิดเป็นมูลค่า 44,562 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 4 ปี โดยในปี 2568 มีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ 16 โครงการ รวมมูลค่า 23,440 ล้านบาท
แบ่งเป็นคอนโด 13 โครงการ รวมมูลค่า 20,340 ล้านบาท และเป็นบ้านจัดสรร 3 โครงการ รวมมูลค่า 3,100 ล้านบาท โดยจะโอนในไตรมาสที่ 1/2568 จำนวน 5 โครงการ รวมมูลค่า 9,770 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ รวมมูลค่า 8,370 ล้านบาท โดยมีแบ็คล็อคคอนโดแล้วกว่า 80%
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ต่อเนื่องและมั่นคง ใส่ใจสังคมและชุมชนรอบข้าง ส่งผลให้บริษัทได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ติดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ถึง 4 ปีซ้อน ได้รับการจัดระดับที่ "AAA" สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทด้านความยั่งยืน
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในรายงาน Corporate Governance Report of Thai Listed Companies หรือ CGR ประจำปี 2567 ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับ 5 ดาว หรือ "ดีเลิศ" (Excellent CG Scoring) ต่อเนื่องถึง 5 ปีซ้อนอีกด้วย

รู้จัก บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ให้มากขึ้น
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ภายใต้ 4 กลุ่มธุรกิจ
1. กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดและบ้านจัดสรรมาแล้ว 166 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 4/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และบริทาเนีย (Britania) เป็นต้น รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 254,967 ล้านบาท
โดยกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร หรือที่อยู่อาศัยแนวราบ ดำเนินการภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เน้นกลุ่มบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ส่วนกลุ่มโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม ดำเนินการภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL
2. กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม, เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์, ค้าปลีก
3. กลุ่มธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน, ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจตัวแทนซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์
4. กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจเฮลท์แคร์, ธุรกิจพลังงาน, ธุรกิจด้านการเงิน และธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ