“เพิ่มยอดผ่อนแต่ละเดือนให้มากขึ้น และโปะหนี้ด้วยเงินก้อน ช่วยให้จ่ายดอกเบี้ยลดลง และหมดหนี้เร็วขึ้น”
สำหรับคนที่อยากมีบ้านในฝันเป็นของตัวเองสักหลัง เมื่อยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารแล้วได้รับการอนุมัติ คงเป็นเรื่องที่น่าดีใจไม่น้อย แต่เรื่องไม่ได้จบลงทันทีที่กู้บ้านผ่าน เพราะการมีบ้านเป็นจุดเริ่มต้นการก่อหนี้ก้อนโตเลยทีเดียว แถมอยู่ผูกพันกับตัวเราไปอีกนานหลายปี K-Expert จึงมีคำแนะนำสำหรับทุกคนที่มีภาระผ่อนหนี้บ้าน ควรจัดการอย่างไรให้หนี้หมดเร็วมาฝาก
ต้องบอกว่า การเป็นหนี้ส่งผลกระทบต่อเงินๆ ทองๆ ของตัวเราไม่ใช่น้อย โดยหากลองคำนวณว่า ตลอดระยะเวลากู้สินเชื่อบ้านแบบ 30 ปี จะพบว่าการกู้ 1 ล้านบาทนั้น เราจ่ายดอกเบี้ยมากถึง 930,000 บาท เรียกได้ว่า ค่าใช้จ่ายเรื่องดอกเบี้ยบ้านสูงเกือบเท่าตัวของยอดเงินกู้เลยทีเดียว
อีกประเด็นคือการเป็นหนี้ครั้งหนึ่งเราอาจต้องเป็นหนี้ยาว 20 ถึง 30 ปี กว่าจะปลดหนี้ได้หมดก็เข้าสู่วัยเกษียณแล้ว โดยระหว่างผ่อนนี้ก็มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเกิดขึ้นตลอด ดังนั้น จะดีกว่าไหมหากเราเร่งปลดหนี้ให้หมดเร็วๆ จะได้ประหยัดดอกเบี้ยส่วนนี้ให้กลายเป็นเงินออมเพื่อใช้จ่ายสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียามเกษียณให้กับตัวเอง
หากต้องการปลดหนี้ให้หมดเร็วต้องทำอย่างไร
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าดอกเบี้ยบ้านที่เราได้ยินกันว่าลดต้นลดดอกนั้น มีหลักการคำนวณดอกเบี้ยโดยอิงกับ “เงินต้น” แปลว่า เงินต้นเยอะ ดอกเบี้ยก็จะสูง เงินต้นน้อย ดอกเบี้ยก็จะต่ำ ดังนั้น หลักการปลดหนี้บ้านให้หมดเร็วนั้นต้องมุ่งไปที่การลดเงินต้นให้ได้
โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของการผ่อนบ้านเป็นเวลาที่สำคัญมาก เพราะยอดหนี้ส่วนของเงินต้นยังคงสูงอยู่ แปลว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะสูงตามไปด้วย ซึ่งเงินที่เราผ่อนไปในแต่ละงวด เป็นการจ่ายในส่วนของดอกเบี้ยมากถึงประมาณ 3 ใน 4 ทำให้ลดเงินต้นได้นิดเดียว
สมมติว่ายอดเงิน 3 ล้านบาท ผ่อนประมาณเดือนละ 20,000 บาท จะเป็นการจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 15,000 บาท แล้วลดเงินต้นเพียง 5,000 บาทเท่านั้น แปลว่าเดือนต่อไปยอดหนี้เงินต้นลดจาก 3 ล้านบาท เหลือ 2,995,000 บาท
จากตัวอย่าง น่าจะพอเห็นภาพว่า เรามีค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อยเกิดขึ้น และจะดำเนินเหตุการณ์แบบนี้เป็นเวลานานพอควร หากเราไม่เร่งลดเงินต้นให้หมดเร็วๆ สรุปง่ายๆ คือ หัวใจสำคัญของการปลดหนี้บ้านอยู่ที่ “การเร่งลดยอดเงินต้น”
ทั้งนี้ บางคนเข้าใจว่า การนำเงินก้อนมาจ่ายชำระคืน หรือที่เรียกว่าการโปะหนี้ ทำไม่ได้ คิดว่าหากธนาคารกำหนดยอดผ่อนชำระขั้นต่ำเท่าใดแล้ว จะผ่อนมากกว่านั้นไม่ได้ เดี๋ยวถูกคิดเบี้ยปรับจากการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด (Prepayment Fee) ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด
โดยส่วนใหญ่แล้ว เบี้ยปรับดังกล่าวจะคิดก็ต่อเมื่อมีการชำระคืนหนี้ด้วยเงินกู้จากสถาบันการเงินอื่น หรือรีไฟแนนซ์ (Refinance) ภายในระยะเวลาที่สัญญาห้ามไว้ เช่น 3 ปี หรือ 5 ปีแรกของสัญญาเงินกู้ แต่หากเป็นเงินของเราเองแล้ว แม้จะโปะหนี้หลักล้านทั้งหมดภายในสองสามปีแรกเลย โดยทั่วไปสามารถทำได้ ไม่โดนเบี้ยปรับ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจเช็กเงื่อนไขเหล่านี้กับสถาบันการเงินให้ละเอียดก่อนโปะหรือรีไฟแนนซ์
โปะหนี้ทำอย่างไรได้บ้าง
ขอแนะนำสองกรณีด้วยกัน กรณีแรกคือผ่อนมากกว่ายอดขั้นต่ำที่กำหนด บางคนอาจกังวลว่าต้องเพิ่มยอดผ่อนเยอะใช่ไหม แล้วถ้าเพิ่มเยอะ จะกระทบกระเป๋าทำให้เงินขาดมือหรือไม่ จริงๆ แนะนำว่าเพิ่มยอดผ่อนแค่ 10-20% ของยอดที่ผ่อนแต่ละเดือนเท่านั้นก็เห็นผลอย่างมากแล้ว
จากการคำนวณ กรณีผ่อนเพิ่ม 10% ตั้งแต่งวดแรก จะลดระยะเวลาผ่อนจาก 30 ปี เหลือเพียง 25 ปี และภาระดอกเบี้ยจ่ายลดจาก 930,000 บาท (กรณีกู้เงิน 1 ล้านบาท) มาเป็น 740,000 บาท ยิ่งหากผ่อนได้ที่ 20% ตั้งแต่งวดแรก จะลดระยะเวลาผ่อนเหลือเพียง 20 ปี และลดภาระดอกเบี้ยจ่ายลงเป็น 610,000 บาทเลยทีเดียว
แล้วการเพิ่มยอดผ่อนที่ว่านี้ หากแปลงออกมาเป็นสัดส่วนของรายได้ต่อเดือนแล้ว ก็ตกแค่ประมาณ 4-8% เท่านั้นเอง แค่ประหยัดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเรื่องอื่นๆ เราก็มีเงินมาช่วยให้เป็นไทจากการเป็นหนี้ได้เร็วขึ้นแล้ว
นอกจากการเพิ่มยอดผ่อนแต่ละเดือนแล้ว การมีเงินก้อนมาโปะหนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ขอแนะนำ โดยลองทำตัวเลขกำหนดให้ผ่อนปกติในปีแรก แต่เดือนที่ 12 เพิ่มยอดเงินอีก 4 เท่าของยอดปกติ (รวมเป็น x5) จะลดระยะเวลาการผ่อนลงเหลือ 18 ปี และลดภาระดอกเบี้ยจ่ายลงเหลือ 530,000 บาท ดอกเบี้ยหายไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว
ยิ่งผสมผสานทั้งการเพิ่มยอดผ่อนแต่ละเดือนเอาแค่ 10% และการโปะด้วยเงินก้อน เช่น เงินโบนัสอีก 4 เท่าตัว จะลดระยะเวลาการผ่อนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ จำนวนดอกเบี้ยจ่ายที่ประหยัดหลายแสนบาทนี้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเราได้

เมื่อกู้บ้านผ่าน ก็มีภาระผูกพันต้องชำระหนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งเงินที่ต้องจ่ายเป็นดอกเบี้ยไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ ดังนั้น หากต้องการหมดหนี้ไวขึ้น การเพิ่มยอดผ่อนแต่ละเดือน และโปะหนี้ด้วยเงินก้อนทุกครั้งที่มีโอกาส ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้เรากลายเป็นเจ้าของบ้านได้อย่างเต็มตัว แบบที่ไม่ต้องมีภาระหนี้พ่วงตามมา
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจอยากได้บ้านในฝันเป็นของตัวเองสักหลัง ก่อนจะยื่นกู้เงินกับสถาบันการเงิน เรามี อัพเดทอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน กู้ซื้อบ้าน มาฝาก โดยในขณะนี้จะเป็นของประจำเม.ย. 2560
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย ฉัตรพงศ์ วัฒนจิรัฏฐ์ PhD K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ