หนึ่งในเรื่องสุดฮอตในการซื้อที่อยู่อาศัยเวลานี้ คงหนีไม่พ้น “กู้ไม่ผ่าน” หรือ “กู้ได้ไม่เต็มวงเงิน” โดยผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมในขณะนี้เจอปัญหาถูกปฏิเสธสินเชื่อหรือเจอปัญหาที่แบงก์ให้กู้ได้ไม่เต็มจำนวนมากขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะกู้ไม่ผ่าน หรือกู้ได้ไม่เต็มจำนวน แม้ฟังผิวๆ แล้วเหมือนว่าจะแตกต่างกัน แต่ในความเป็นจริง กู้ได้ไม่เต็มจำนวน ก็จะค่อนไปทางกู้ไม่ผ่านเหมือนกัน
หลายคนจะคิดว่า แค่ไม่ติดประวัติหนี้เสียโชว์ในรายงานเครดิตบูโร (หรือชอบพูดกันสั้นๆ ว่า “ติดเครดิตบูโร”) ก็ไม่น่าจะมีปัญหา หรือไม่ได้ผ่อนรถ หรือผ่อนอะไรหนักๆ ก็คงไม่เป็นไร ซึ่งนั่นเป็นสถานการณ์ในช่วงที่เศรษฐกิจดีๆ แบงก์ไม่ได้เข้ม แต่เวลานี้ที่ทุกแบงก์เข้มกับการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมาก หลายสาเหตุที่กู้ไม่ผ่านก็เกินกว่าที่จะคาดคิดไว้ โดยเฉพาะเรื่องการ “ผ่อนสินค้า”
ปัจจุบันนี้บัตรเครดิตเกือบทุกเจ้า มีโปรโมชั่นผ่อนนานัปการ ไม่ใช่แค่ผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือมือถือแบบในอดีตแล้ว ตอนนี้ซื้อสินค้าอะไรก็ผ่อนได้ เช่น รูดซื้อสินค้ารวมๆ แล้ววันนี้ทั้งหมด 10,000 บาท ก็โทรเข้าไปขอผ่อนกับบัตรเครดิต หรือผ่อนค่าทำหน้า ทำสปา ผ่อนค่าอาหารมื้อหรู ฯลฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่อนุมัติสินเชื่อของหลายแบงก์จะหักรายการผ่อนต่างๆ ออกจากรายได้ทันที ประหนึ่งเป็นรายจ่ายถาวร ไม่ได้มองว่าการผ่อนสินค้าเหล่านั้นเป็นการผ่อนระยะสั้น อีกไม่กี่เดือนก็ผ่อนหมด
สมมุติว่า ผู้กู้มีรายได้ 25,000 บาท แล้วในช่วงก่อนที่จะยื่นขอกู้บ้าน–คอนโดฯ สัก 2-3 เดือน เราเกิดไปซื้อสินค้าด้วยโปรแกรมผ่อน อาจจะผ่อนระยะสั้นแค่ 3-6 เดือน ยอดผ่อนประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน ตอนทำ Pre-approve หรือตรวจสินเชื่อเบื้องต้น (ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเบื้องต้น) ก็ผ่านฉลุย ไม่ติดอะไร แต่พอเข้าสู่ขั้นตอนการขออนุมัติจริงที่เจ้าหน้าที่ผู้อนุมัติจะตรวจสอบประวัติทางการเงินละเอียดมาก เช่น ผ่อนรถหรือไม่ ผ่อนบ้านหรือไม่ มีบัตรเครดิตกี่ใบ มีการใช้จ่ายอย่างไร มีบัตรกดเงินสดกี่ใบ แล้วกดใช้หรือไม่ มีการผ่อนชำระสินค้าหรือไม่
แม้ว่าผู้กู้ไม่มีผ่อนบ้าน ไม่มีผ่อนรถ แต่พบว่าผ่อนซื้อสินค้าอยู่ 5,000 บาทต่อเดือน เจ้าหน้าที่สินเชื่อจะไม่ได้ดูว่าการผ่อนนั้นจะจบในอีกกี่เดือน อาจจะเดือนหน้า หรืออีก 2 เดือน แต่เจ้าหน้าที่สินเชื่อก็จะหักรายการผ่อนสินค้า 5,000 บาทออกจากรายได้ 25,000 บาททันที เท่ากับมีรายได้เหลือแค่ 20,000 บาท ก็ทำให้ความสามารถในการกู้ลดลง
แม้ว่าผู้กู้ไม่มีผ่อนบ้าน ไม่มีผ่อนรถ แต่พบว่าผ่อนซื้อสินค้าอยู่ 5,000 บาทต่อเดือน เจ้าหน้าที่สินเชื่อจะไม่ได้ดูว่าการผ่อนนั้นจะจบในอีกกี่เดือน อาจจะเดือนหน้า หรืออีก 2 เดือน แต่เจ้าหน้าที่สินเชื่อก็จะหักรายการผ่อนสินค้า 5,000 บาทออกจากรายได้ 25,000 บาททันที เท่ากับมีรายได้เหลือแค่ 20,000 บาท ก็ทำให้ความสามารถในการกู้ลดลง
กรณีที่ไม่มีประวัติผ่อน แต่มีประวัติการใช้บัตรกดเงินสด หรือมีบัตรกดเงินสดมากเกินไป ก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่กู้ไม่ผ่านได้เช่นกัน โดยบางแบงก์จะวิเคราะห์จากประวัติเครดิตในรายงานของเครดิตบูโร แล้วพบว่าผู้กู้มีบัตรกดเงินสดหลายใบ เช่น ผู้กู้มีบัตรกดเงินสด 3 ใบ ใบละ 50,000 บาท และใช้งานกดเงินสดออกมาใช้ต่อเนื่อง 2 ใบ แม้จะชำระปกติ แต่เจ้าหน้าที่อนุมัติสินเชื่อจะตีความเลยว่าผู้กู้มีโอกาสที่จะเกิดหนี้สินได้ 150,000 บาท (รวมวงเงินของบัตรกดเงินสดทั้งหมด) นั่นจึงเป็นที่มาว่า พนักงานขายบ้าน-คอนโดฯ ถึงแนะนำให้ปิดบัตรกดเงินสด
ส่วนกรณีที่ไม่เคยมีประวัติเครดิตเลย คือ ไม่มีบัตรเครดิต ไม่เคยกู้เงิน ก็มีโอกาสที่จะไม่ได้รับอนุมัติ หรือได้รับอนุมัติวงเงินน้อย เพราะแบงก์ไม่มั่นใจว่า สาเหตุที่ผู้กู้รายนั้นไม่เคยมีประวัติเครดิต เพราะเหตุใด และไม่มั่นใจว่าหากกู้แล้วจะเป็นผู้กู้ที่ดีหรือไม่ เป็นต้น
ส่วนกรณีที่ไม่เคยมีประวัติเครดิตเลย คือ ไม่มีบัตรเครดิต ไม่เคยกู้เงิน ก็มีโอกาสที่จะไม่ได้รับอนุมัติ หรือได้รับอนุมัติวงเงินน้อย เพราะแบงก์ไม่มั่นใจว่า สาเหตุที่ผู้กู้รายนั้นไม่เคยมีประวัติเครดิต เพราะเหตุใด และไม่มั่นใจว่าหากกู้แล้วจะเป็นผู้กู้ที่ดีหรือไม่ เป็นต้น
สิ่งที่กล่าวมา ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง ประวัติเครดิต ที่เป็นหัวข้อหลักๆ ของสาเหตุที่ทำให้กู้ไม่ผ่าน ยังไม่นับรวมวิธีการประเมินรายได้ของผู้กู้ คนที่มีรายได้อิสระกู้ยากที่สุด ส่วนคนที่ทำงานบริษัท ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่มีสลิปเงินเดือนก็ยากเช่นกัน
ส่วนมนุษย์เงินเดือนที่มีสลิปเงินเดือน แม้จะดูว่ากู้ง่ายสุด แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะหลายแบงก์ นับเฉพาะรายได้จริงๆ ไม่นับรวมค่ารถ ค่าเดินทาง หรือรายได้อื่นๆ หรือบางแบงก์นับรวมด้วย แต่รายได้อื่นๆ ที่นอกเหนือรายได้ประจำให้หารสอง ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีคิดของแต่ละแบงก์ และนั่นก็มีผลกับความสามารถในการกู้และวงเงินที่จะได้รับอนุมัติ
ดังนั้น เมื่อไม่อาจประเมินวิธีคิดรายได้ของแบงก์ต่างๆ ได้ ผู้กู้ควรควบคุมเรื่องการก่อหนี้เป็นสำคัญ ก่อนจะกู้ซื้อบ้าน-คอนโดฯ สัก 3-6 เดือน ควรทำประวัติทางการเงินและประวัติเครดิตให้ดี อย่ารีบไปผ่อนซื้อของเข้าบ้าน-คอนโดฯ ก่อนกู้ผ่าน
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า