ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอยู่ภายใต้การควบคุมจากภาครัฐและกฎหมายไทย ผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือทนายความซึ่งสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง รวมไปถึงการดำเนินการเรื่องเอกสารและสัญญาต่าง ๆ อย่างรอบคอบและรัดกุม
ในกรณีผู้ซื้อที่เป็นชาวต่างชาติควรจ้างทนายที่มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ ซึ่งจะอธิบายรายละเอียดของการโอนกรรมสิทธิ์ให้เข้าใจได้เนื่องจากเอกสารบางฉบับจัดทำเป็นภาษาไทย
เอกสารที่ใช้ประกอบการซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นมีข้อแตกต่างอยู่บางประการระหว่างผู้ซื้อคนไทย ผู้ซื้อต่างชาติและผู้ซื้อนิติบุคคลต่างชาติ ซึ่งจะอธิบายแยกเป็น 3 กรณีตามลำดับ ดังต่อไปนี้
กรณีผู้ซื้อคนไทย ให้จัดเตรียมเอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ตามรายการต่อไปนี้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อ
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ
- ในกรณีที่มีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล ให้แนบเอกสารการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
- หากมีคู่สมรส ให้แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส สำเนาทะเบียนบ้านคู่สมรส สำเนาใบจดทะเบียนสมรส และหนังสือยินยอมจากคู่สมรส
- ถ้าเป็นการมอบอำนาจ ให้แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ และสำเนาทะเบียนบ้านผู้รับมอบอำนาจ
กรณีผู้ซื้อชาวต่างชาติ ให้จัดเตรียมเอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ตามรายการต่อไปนี้
- สำเนาหนังสือเดินทาง
- หลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (ธ.ต.3)
- สำเนาบัตรประจำตัวบุคคลต่างด้าว
- สำเนาใบสำคัญแสดงถิ่นที่อยู่ (RESIDENCE PERMIT)
- บัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือเอกสารการได้รับการส่งเสริมการลงทุนของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ
กรณีผู้ซื้อนิติบุคคลต่างชาติ ให้จัดเตรียมเอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ตามรายการต่อไปนี้
- หนังสือรับรองของนิติบุคคลต่างด้าว
- หนังสือรับรองจากกระทรวงพาณิชย์
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
- รายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท ระบุวัตถุประสงค์ในการซื้อและแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ซื้อ
- สำเนาหนังสือเดินทางของกรรมการผู้มีอำนาจ
- หนังสือแสดงตัวอย่างลายมือชื่อกรรมการ
- หนังสือรับรองรายการหนังสือรับรอง หนังสือมอบอำนาจ และลายมือชื่อกรรมการ
- หลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (ธ.ต.3)
- เอกสารการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อในทุก ๆ กรณี ก่อนเข้าไปติดต่อกรมที่ดิน มีดังนี้
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นห้องชุดจะต้องมีใบปลอดภาระหนี้ซึ่งออกให้โดยนิติบุคคลของอาคารชุดแห่งนั้น
- การมอบอำนาจเพื่อการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ให้ตรวจสอบว่าการลงชื่อของผู้มอบอำนาจเป็นลายมือชื่อที่เขียนเหมือนกัน
- คนต่างชาติและนิติบุคคลต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุดเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ซื้อที่ดินหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
- ควรตรวจสอบเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ที่ทนายความจัดเตรียมให้อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์
- การซื้ออสังหาริมทรัพย์ผู้ซื้อต้องวางมัดจำเป็นจำนวน 10% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเงินมัดจำนี้ผู้ซื้อจะไม่สามารถขอคืนได้ในทุกกรณี
- การโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 30-60 วัน
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ


