"เราโชคดีที่รู้ว่าเราชอบอะไร และอยากทำอาชีพอะไร ทำงานเป็นเอเจนต์มาหลายปี ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่อยากลุกขึ้นมาทำงานเลย งานนี้สนุก ผลตอบแทนดี และที่สำคัญเราได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ทุกวัน" นิยามการทำงานจากคุณพรีม พรรณพัชร ชุติธัญวรรณ เอเจนต์ที่หลงรักอาชีพนี้จนหมดใจ

จุดเริ่มต้นของการเป็นเอเจนต์
ปัจจุบันคุณพรีม พรรณพัชร ชุติธัญวรรณ เป็นเอเจนต์หรือตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์ในการทำงานสายนี้กว่า 13 ปี ทำให้คุณพรีมมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการหาคอนโดราคาดีมาเสิร์ฟลูกค้า รวมทั้งช่วยขาย หรือปล่อยเช่าได้แบบไม่ต้องรอนาน
“เป็นคนที่ชอบเรื่องอสังหาฯ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่เรียนจบมา จึงไม่เคยคิดจะทำงานแนวอื่นเลย ช่วงแรก ๆ เคยเป็นเซลล์ขายคอนโด เป็นพนักงานประจำ ก็ได้เรียนรู้ข่าวคราวในแวดวงอสังหาฯ ได้ศึกษาความต้องการของคนที่อยากได้คอนโด ทั้งเพื่ออยู่ และเพื่อลงทุน เราจึงคุ้นเคยกับคำถามต่าง ๆ และเมื่อเก่งขึ้น ก็จะทำงานตอบรับกับความต้องการของลูกค้าได้ง่ายขึ้น
การทำงานนี้มีความท้าทาย และสนุกทุกวัน ได้ปิดทั้งเคสใหญ่ เคสเล็ก ได้ความรู้ใหม่ ๆ เยอะมาก เช่น เรื่องข้อกฏหมาย การขับไล่ การต่อสู้กับผู้บุกรุก เรื่องพวกนี้อาชีพอื่นแทบจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสเลย”

รู้ตัวอีกทีก็หลงรักแบบไม่คิดจะเปลี่ยนใจไปทำอย่างอื่นแล้ว
ธุรกิจอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่เคยตาย เป็นปัจจัยสี่ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่รุ่นคนก็ยังวนเวียนอยู่กับสิ่งนี้ ไม่ซื้อก็ขาย ไม่ขายก็เช่า เรารู้เลยว่า ไม่มีวันตกงาน แต่ก็ต้องขยันและจริงจังมากพอ
อาชีพนี้เหมือนฟรีแลนซ์ ต้องทำต้องลุยจึงได้ แต่เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเฮง และมีคอนเนกชั่นด้วย เพราะต่อให้คุณขายเก่ง หรือแก้ปัญหาเก่งแค่ไหน แต่ถ้าคุณไร้คอนเนกชั่น โอกาสจะเติบโตก็ยาก หรือบางทีขยันสุด ๆ มีคอนเนกชั่นสนับสนุนจนจะปิดการขายได้แล้ว แต่อยู่ ๆ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนใจกลางคัน บอกไม่ขายแล้ว แม่บอกไม่ให้ขาย หรือไม่ซื้อแล้ว เพราะแฟนต้องใช้เงิน มันก็คือดวงไม่เข้าข้างเหมือนกัน
เอเจนต์มีสื่อออนไลน์เป็นอาวุธ
อย่างที่บอกไปข้างต้น เราเองก็ต้องเก่ง ต้องเรียน ต้องมีวิชา ไม่ใช่แต่การขายของ แต่ต้องรู้จริง หมั่นศึกษาบ่อย ๆ เข้าไปงานสัมนา อัปเดตข่าวเสมอ อ่านเว็บไซต์บ่อย ๆ ซึ่งปัจจุบันนี้เรียกได้ว่ามีข้อมูลมากมายให้ค้นคว้าเต็มไปหมด จะค้นหาอะไรก็เจอ ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ

ลูกค้าเองก็หันมาใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก ลูกค้าฉลาดพอที่จะหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มาเทียบราคา ดูรีวิว อ่านดราม่าในพันทิป เพราะฉะนั้นเราจะตกเทรนด์ หรือไม่มีความรู้ไม่ได้ ถ้าลูกค้าถามมาแล้วตอบไม่ได้ จะแสดงให้เห็นว่าเราไม่ใช่มืออาชีพ เราไม่ทำการบ้าน “การฉลาดใช้สื่อจึงเป็นอาวุธสำคัญของเอเจนต์”
อย่างการติดป้าย ก็ต้องรู้ว่า ติดระยะประมาณไหนถึงจะเหมาะ ช่วงไหนคนถึงจะเห็นเยอะ ไม่ติดหว่าน ๆ ให้เปลืองงบ หรือการใช้เว็บไซต์ช่วยลงประกาศขาย จะลงประกาศอย่างไรให้ดึงดูดสายตา หรือทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจคลิกเข้ามาดูทรัพย์ของเรา
แม้แต่เราเองจะเข้าไปหาทรัพย์มาขาย สื่อออนไลน์ช่วยได้ถึง 70% เว็บไซต์หนึ่งที่เราไว้วางใจคือ DDproperty ซึ่งเราเคยใช้มาช่วยขายคอนโด โพสต์วันเดียวก็ปิดจ็อบได้แล้ว ทึ่งในความทรงพลังของสื่อออนไลน์ จนติดใจใช้มาเรื่อย ๆ
ตั้งแต่วันนั้น การยอมรับสื่อใหม่ให้มาเป็นเครื่องมือช่วยทำงาน รู้สึกว่าทำให้การประสานงานรวดเร็วขึ้น สมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลของทรัพย์ ราคา หรือการเทียบสเปก ข้อได้เปรียบ เสียบเปรียบของทรัพย์ที่อยู่ในทำเลเดียวกัน ยิ่งเรื่องความรวดเร็วต้องยกให้กับเว็บไซต์ที่มีคนเชื่อถือมาก ๆ เพราะพอมีคนเข้าไปดูเยอะ โอกาสที่เราจะปิดการขายได้ก็เยอะ และโอกาสที่เราจะเจอกับทรัพย์เป้าหมายก็เยอะเช่นกัน ดังนั้นเราไม่ควรละเลยสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดียเด็ดขาด เพราะเสี่ยงกับการเสียโอกาสที่ประเมินมูลค่าไมไ่ด้เลย
ใครจะว่าเศรษฐกิจปีนี้แย่ แต่ยืนยันว่าธุรกิจอสังหาฯ ไม่กระทบ
หลายคนบ่นว่าปีนี้เศรษฐกิจแย่มาก ค้าขายลำบาก แต่จริง ๆ แล้ว เราได้ยินคำ ๆ นี้ มาทุก ๆ ปี จนคุ้นหูไปแล้ว ส่วนตัวแล้วคิดว่าเรื่องเศรษฐกิจมีผลแค่ 30% เท่านั้น ยิ่งเศรษฐกิจขาลง การปล่อยทรัพย์ยิ่งมากกลายเป็นขาขึ้นของเอเจนต์ เป็นโอกาสทองของนักลงทุน
"เราต่างหากที่ต้องขยันกว่าเดิม หาทรัพย์มาขายให้จำนวนมากขึ้น ติดตามลูกค้ามากขึ้น บริการให้ทั้งผู้ที่จะซื้อ และผู้ที่จะขายให้มากขึ้น ทำให้เขารู้สึกประทับใจ ไม่เปลี่ยนใจไปใช้เอเจนต์รายอื่น"

ยิ่งเจอปัญหา ยิ่งต้องตั้งใจแก้ปัญหา
ยังจำได้ดีกับเคสปล่อยขายคอนโดในสาทร ทำเลดีมาก กลางใจเมือง ติดรถไฟฟ้า BTS ตอนที่ลูกค้าฝากขาย เขาตั้งราคาไว้ที่ 4.7 ล้านบาท พื้นที่ 42 ตารางเมตร ซึ่งราคาก็นับว่าถูกมาก ๆ สำหรับคอนโดที่อยู่ติดรถไฟฟ้า เราพยายามขายจนเข้ามาถึงเดือนที่ 3 เจ้าของต้องการใช้เงินมาก ๆ จึงลดราคาลงเหลือ 4.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาละแวกนั้น หรืออาคารเดียวกันก็เป็นราคาที่ถูกมาก ๆ แล้ว เราก็พยายามมากขึ้นโทรเสนอกับเพื่อนนายหน้าด้วยกัน ควบคู่กับการลงประกาศขาย สอบถามกับลูกค้าที่เคยสนใจลงทุนคอนโด เรียกว่าทำทุกวิถีทาง
จนสุดท้ายมาจบที่การ Co-Broke แถมผู้ซื้อยังกดราคาลงมาอีกเป็น 4.3 ล้านบาท ทั้งเรา และเจ้าของห้องก็กระอักกระอ่วนมาก เราก็พยายามคิดว่าจะทำยังไงดี คิดไปคิดมา จบสุดท้ายที่เราลดค่าคอมมิชชั่นตัวเองไป แม้เราจะได้น้อยลงหน่อย แต่ปิดจ๊อบได้ ลูกค้าเราก็ขายได้ คนขายก็ได้ห้องที่ดี ในราคาที่ดีที่สุดไป วินกันทุกฝ่าย
เคสนั้นเป็นความภูมิใจของเรา จำได้ว่าเครียดกับเคสนี้อยู่นานมาก แต่พอจบได้แล้วภูมิใจมาก เพราะตนเองเชื่อมั่นมาเสมอว่า “ความทุ่มเท ไม่ทิ้งลูกค้า คือทางแห่งความสำเร็จ”
หากคุณมีประสบการณ์ที่อยากบอกเล่า-แชร์ต่อเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนที่กำลังตามหาบ้านในฝัน ติดต่อเรา