ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือทาวน์โฮมสักหลัง เราต้องพิจารณารายละเอียดมากมาย แต่อีกสิ่งหนี่งที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ และไม่ควรมองข้ามคือ “แบบประตูหน้าบ้านสวย ๆ” หรือประตูรั้วบ้านนั่นเอง
นอกจากประตูหน้าบ้านจะมีไว้เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวและป้องกันอันตรายจากบุคคลภายนอกให้กับผู้พักอาศัยในบ้านแล้ว การออกแบบประตูหน้าบ้านที่ดีจะต้องเหมาะสมกับขนาดหน้ากว้างและพื้นที่บริเวณหน้าบ้านด้วย ซึ่งมีผลต่อการใช้งานเมื่อต้องขับรถเข้าออก
นอกจากนี้ การออกแบบประตูหน้าบ้านสวย ๆ ยังสร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็นแก่ผู้ที่ผ่านไปมาหรือแขกที่มาเยี่ยมเยียนบ้านได้ด้วย

ปัจจุบันมีการออกแบบประตูหน้าบ้านสวย ๆ ไว้หลากหลายรูปแบบให้เหมาะกับการใช้งานและพื้นที่ของบ้านแต่ละประเภท โดยแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสีย และงบประมาณที่แตกต่างกันไป ไปดูกันว่าประตูบ้านสวย ๆ แบบไหนที่เหมาะกับบ้านของเรากันบ้าง ลองมาดู 5 แบบประตูหน้าบ้านสวย ๆ แบบไหนสไตล์คุณ
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจได้เร็วขึ้น
1. ประตูบ้านหน้าสวย ๆ แบบบานเปิด

เป็นรูปแบบประตูหน้าบ้านที่เราคุ้นเคย เพราะนิยมใช้ในโครงการบ้านสมัยก่อน เป็นประตูที่สามารถเปิดได้แค่เพียงทางเดียว ใช้เนื้อที่ในการเปิดปิดประตู 90-180 องศา จึงเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่หน้ากว้างมากกว่า 5 เมตรขึ้นไป ราคาประมาณ 1,200-4,000 บาท/ตารางเมตร
ข้อดี | ข้อด้อย |
ให้ความรู้สึกภูมิฐาน | ใช้ขั้นตอนในการเปิดมาก |
มีความปลอดภัย | หากใช้วัสดุที่มีน้ำหนักมากจะทำให้ออกแรงเปิดมากตามไปด้วย |
มีทั้งแบบบานเดี่ยวและแบบบานคู่ ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ใช้สอย และความกว้างของทางเข้าที่เราต้องการ | ใช้เนื้อที่บริเวณรอบประตูค่อนข้างเยอะ ต้องเหลือพื้นที่เว้นว่างไว้สำหรับการเปิด-ปิดพอสมควรด้วย |
2. ประตูแบบบานเฟี้ยม

สำหรับโครงการบ้านยุคใหม่มักจะเลือกแบบประตูหน้าบ้านบานเฟี้ยม ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากบานเปิดด้วยการนำประตูบานเล็ก ๆ มาต่อกันเป็นบานพับ เมื่อเปิดใช้งานก็จะซ้อนทบกันไปเรื่อย ๆ เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดที่ไม่สามารถทำรางเลื่อนออกด้านข้างได้ เช่น ทาวน์เฮ้าส์หรือทาวน์โฮม ที่มีหน้ากว้างประมาณ 3-5 เมตร ราคาประมาณ 1,200-4,000 บาท/ตารางเมตร
ข้อดี | ข้อด้อย |
ประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน ไม่ต้องใช้พื้นที่การเปิด-ปิดมากนัก เหมือนประตูบานเปิดและบานเลื่อน | เมื่อจำนวนบานพับมากขึ้นก็ทำให้มีจำนวนกลอนที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย เพื่อช่วยยึดและล็อคให้ประตูมั่นคงอยู่กับที่ จึงทำให้ใช้งานลำบาก เพราะต้องก้ม ๆ เงย ๆ หลายครั้ง และใช้เวลาในการเปิด-ปิดพอสมควร นอกจากอาการปวดหลังหลัง ปวดเอวแล้ว เราอาจต้องตากแดดตากฝนอีกด้วย |
สวยงามและดูมีสไตล์ | หากมีการซ้อนทับของประตูหลาย ๆ ชั้นมากเกินไป จะทำให้ประตูหนามากขึ้น จนกีดขวางการเข้า-ออกของรถยนต์ได้ |
3. ประตูบานเลื่อน

แบบประตูหน้าบ้านลักษณะนี้มักนิยมใช้กับบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่มีหน้ากว้างไม่น้อยกว่า 5 เมตร เพราะใช้งานง่าย เพียงแค่สไลด์หรือเลื่อนประตูไปด้านข้างเท่านั้น แต่อาจไม่เหมาะกับโครงการทาวน์โฮมเพราะมีขนาดพื้นที่หน้ากว้างไม่มากนัก ราคาประมาณ 1,500-5,000 บาท/ตารางเมตร
ข้อดี | ข้อด้อย |
ใช้งานง่าย ด้วยการเลื่อนหรือผลักไปทางด้านข้าง | ไม่เหมาะกับบ้านหน้าแคบ เพราะต้องมีระยะในการเลื่อนเก็บประตู |
ประหยัดพื้นที่ เพราะไม่ต้องมีวงสวิงการเปิดแบบประตูบานเลื่อน | หากใช้ไปนาน ๆ ล้ออาจฝืดได้ |
– | ถ้าใช้วัสดุที่มีน้ำหนักจะทำให้ใช้แรงในการเลื่อนเยอะ |
4. ประตูม้วนแบบโรงจอดรถ

เป็นแบบประตูหน้าบ้านสวย ๆ ที่มักใช้กันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ แต่ในบ้านเรามักใช้กับอาคารพาณิชย์หรือตึกแถวที่มีพื้นที่จำกัดมาก ๆ ซึ่งปัจจุบันในโครงการบ้านหรูก็เริ่มมีการนำแบบประตูหน้าบ้านลักษณะนี้มาใช้บ้างแล้ว เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านที่ไม่อยากจอดรถราคาแพงให้โดนแดดโดนฝนนั่นเอง บานประตูราคาประมาณ 3,000-4,000 บาท/ตารางเมตร ค่ามอเตอร์ไฟฟ้าราคาประมาณ 10,000-30,000 บาท
ข้อดี | ข้อด้อย |
ให้ความรู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัว | มีความสูงของฝ้าเพดานที่จำกัด ไม่เหมาะกับรถที่มีหลังคาสูงหรือบรรทุกของบนหลังคาได้ |
มีพื้นที่ใช้สอยน้อย | ต้องใช้งานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้เป็นประตูแบบอัตโนมัติ |
5. ประตูรั้วอัตโนมัติ

ประตูหน้าบ้านสวย ๆ ทุกรูปแบบสามารถทำเป็นประตูอัตโนมัติได้ทั้งหมด เพียงแค่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไป ก็สามารถสั่งการหรือควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรลได้แล้ว เฉพาะค่ามอเตอร์ไฟฟ้าประมาณ 10,000-30,000 บาท ไม่รวมค่าประตู
ข้อดี | ข้อด้อย |
ใช้งานสะดวก เพราะไม่ต้องลงจากรถมาตากแดดตากฝนเพื่อเปิดประตูเอง | มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่ามอเตอร์ ค่าประตู ค่าติดตั้ง |
มีเซนเซอร์ซึ่งจะหยุดทำงานทันทีเมื่อมีสิ่งกีดขวาง จึงไม่ต้องกลัวประตูหนีบหรือทับ | มีค่าบำรุงรักษา |
5 วัสดุยอดฮิตของแบบประดูหน้าบ้าน
นอกจากรูปแบบการใช้งานของประตูหน้าบ้านแล้ว “วัสดุ” ที่ใช้กับแบบประตูหน้าบ้านก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์แค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังรวมถึงน้ำหนัก อายุการใช้งาน และการดูแลรักษาที่ต่างกันด้วย

1. เหล็ก
เป็นวัสดุยอดนิยมที่นำมาใช้ประตูหน้าบ้านมากที่สุด เพราะแข็งแรง ทนทาน หากง่าย ราคาไม่แรง แต่ก็มีหลายเกรดหลายคุณภาพให้เลือกเช่นกัน หากมีคุณภาพดีมากราคาก็สูงตามไปด้วย ราคาประมาณ 2,000-4,000 บาท/ตารางวา
ข้อดี | ข้อด้อย |
แข็งแรงทนทาน ราคาไม่แพง | เป็นสนิมได้ง่าย ควรหมั่นดูแลรักษาโดยการทาสีกันสนิมบ่อย ๆ |
สามารถดัดหรือทำลวดลายได้หลากหลาย | มีค่าบำรุงรักษา |
สามารถทาสีตกแต่งเพื่อความสวยงามได้ | – |
2. สเตนเลส
เป็นโลหะผสมที่มีปริมาณคาร์บอนน้อยกว่า 2% ของน้ำหนักและมีส่วนผสมของโครเมียมอย่างน้อย 10.5% ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ออกซิเจนในอากาศสัมผัสกับเหล็ก จึงทำให้ไม่เกิดสนิม และยังทนทานต่อการกัดกร่อนต่าง ๆ อีกด้วย ราคาประมาณ 4,500-6,000 บาท/ตารางเมตร
ข้อดี | ข้อด้อย |
น้ำหนักเบากว่าเหล็ก | มีสีสันให้เลือกน้อย เนื่องจากมีฟิล์มโครเมียมออกไซด์เคลือบอยู่ที่พื้นผิว |
ไม่เป็นสนิม และทนต่อการกัดกร่อนได้ดี | ไม่สามารถทา/พ่นสีให้เกาะติดได้เหมือนวัสดุประเภทอื่น |
ดูแลรักษาได้ง่ายเพียงแค่ฉีดน้ำล้าง หรือนำผ้าหมาดๆมาเช็ดทำความสะอาด เหมาะกับบ้านที่อยู่ใกล้ทะเล | – |
ความสวยงามอยู่ที่ความมันเงาและดูทันสมัยของตัวเหล็ก | – |
3. อะลูมิเนียม
เป็นวัสดุธรรมชาติที่สกัดจากแร่อะลูมินา มีข้อดีที่หลากหลายจึงเหมาะสำหรับการทำประตูบ้านสวย ๆ และนำมาใช้ตกแต่งบ้านได้ด้วย ราคาประมาณ 5,000-7,000 บาท/ตารางเมตร
ข้อดี | ข้อด้อย |
มีสีสันและลวดลายให้เลือกหลากหลาย | ราคาค่อนข้างสูง |
น้ำหนักเบา ง่ายต่อการใช้งาน | ไม่เหมาะกับบ้านที่ต้องการความโปร่งโล่ง เพราะแบบประตูหน้าบ้านที่ทำจากอลูมิเนียมจะมีลักษณะทึบตัน และเน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่า |
ดูแลรักษาง่ายเพียงใช้น้ำล้างหรือผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาด | – |
สามารถพ่นสีทำลวดลายใหม่ได้ | – |
4. อัลลอยด์
เป็นโลหะผสมตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป ไม่เป็นสนิมง่ายเหมือนเหล็ก แต่ถ้าโดนแดดหรือกรดด่างมาก ๆ ก็สามารถผุกร่อนได้เหมือนกัน จึงควรทาสีเคลือบบ่อย ๆ และไม่ควรใช้กับบ้านที่อยู่ใกล้ทะเล ราคาประมาณ 7,000-8,000 บาท/ตารางเมตร
ข้อดี | ข้อด้อย |
สามารถทาสีได้ตามต้องการ | มีราคาค่อนข้างสูง |
มีลวดลายที่สวยงาม มักใช้กับบ้านที่ต้องการความหรูหราและโอ่โถง | เป็นโลหะผสม จึงไม่ทนทานเท่าเหล็ก |
แข็งแรงทานทาน และไม่เป็นสนิมง่าย | มีน้ำหนักเยอะ ไม่เหมาะกับบ้านที่มีผู้สูงอายุที่ต้องเปิดประตูด้วยตัวเอง |
5. ไม้
แบบประตูหน้าบ้านสวย ๆ ที่ทำจากไม้ควรเป็นไม้เนื้อแข็งที่ปลวกหรือแมลงไม่กิน เช่น ไม้แดง, ไม้เต็ง, ไม้มะค่า, ไม้สัก และไม้สนยุโรป ซึ่งไม้จริงเหล่านี้มีราคาที่ค่อนข้างสูง และต้องมีการบำรุงรักษาที่ดีอีกด้วย ข้อดีคือมีความสวยงามเฉพาะตัว หากเป็นไม้สักที่ยิ่งเก่า ลายยิ่งสวย ก็ยิ่งมีราคาแพง
สำหรับคนที่ชื่นชอบประตูหน้าบ้านสวย ๆ ลายไม้แต่ไม่อยากเสียค่าดูแลรักษาเยอะ ตอนนี้ก็มีวัสดุอื่นที่สามารถใช้ทดแทนกันได้ในราคาที่ถูกกว่า เช่น ประตูอะลูมิเนียมที่สามารถทำเป็นลายไม้ได้ หรือไม้เทียมและไม้สังเคราะห์ต่าง ๆ อย่าง Wood Plastic Composite และไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่นอกจากมีสีสันและลวดลายเหมือนไม้จริงแล้วยังแข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศ และต้องไม่กลัวแมลงอีกด้วย ราคาประมาณ 1,000-3,000 บาท/ตารางเมตร
ข้อดี | ข้อด้อย |
มีสันสันและลวดลายที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ ทำให้บ้านมีบรรยากาศอบอุ่น | สำหรับไม้จริงจะต้องมีการดูแลและบำรุงรักษาที่ดี คอยทาสีย้อมไม้เพื่อเคลือบเงา |
สำหรับไม้จริงที่ใช้จนเก่าซีด แค่ใช้กระดาษทรายขัดก็ทำให้เผยลวดลายเนื้อไม้ใหม่ด้านใน แล้วค่อยทาสีทับอีกครั้งก็เหมือนได้ประตูบานใหม่ | อาจมีปัญหาแมลงและเสื่อมสภาพจากมลภาวะต่าง ๆ |
หากเป็นไม้เทียมก็สามารถทาสีใหม่ได้ตามต้องการ | สามารถบวมหรือแตกร้าวตามธรรมชาติได้ |
พื้นที่หน้าบ้าน-ลานรับโชค
ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย พื้นที่หน้าบ้าน ลานรับโชค เป็นอย่างไร เช็กได้ที่นี่
จะเห็นได้ว่าแบบประตูหน้าบ้านสวย ๆแต่ละสไตล์ก็ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน และที่สำคัญคือต้องเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ในการใช้งานด้วย นอกจากนี้การออกแบบประตูบ้านวสวย ๆ ยังสะท้อนรสนิยมของผู้อยู่อาศัยและยังเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านเมื่อยามที่ต้องขายต่อในอนาคตได้อีกด้วย
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า