การซื้อที่ดิน ถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง หากเป็นแปลงที่ดินที่มีคุณภาพ ย่อมมีราคาดีในอนาคต ดังนั้นการเลือกซื้อ-ลงทุนในที่ดินให้ได้กำไร ไม่ว่าจะซื้อมาเพื่อปลูกบ้าน ทำกิจการค้าขาย สร้างออฟฟิศเปิดบริษัท หรือขายเพื่อเก็งกำไร การเลือกแปลงที่ดิน มีเทคนิคในการเลือกอย่างไร แปลงที่ดินแบบไหนเหมาะ หรือไม่เหมาะกับการซื้อ-ลงทุน มีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณา เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาและสามารถใช้ประโยชน์จากที่แปลงที่ดินนั้น ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
1. ทำเลที่ตั้งและการเข้าถึง
แปลงที่ดินมีทางเข้าออกหรือไม่ มีทางเข้า-ออกกี่ทาง หรือเป็นที่ดินตาบอดหรือไม่ สามารถเดินทางเข้าแปลงที่ดิน ถึงด้วยรถยนต์ส่วนต้ว หรือรถขนส่งมวลชนรูปแบบอื่น ๆ เช่น รถประจำทาง รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดินได้หรือไม่ เป็นข้อแรกที่ต้องนำมาพิจารณา
อย่างไรก็ดี การเข้าถึงแปลงที่ดิน จะขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของแปลงที่ดิน และรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการพัฒนาขึ้นบนทำเลนั้น ๆ ด้วย เช่น ต้องการเป็นจุดสนใจ ต้องการการเข้าถึงที่ง่าย เดินทางสะดวก เพื่อสร้างการรับรู้ว่ามีอสังหาริมทรัพย์นี้ตั้งอยู่ เช่น คอนโด High rise คอนโดหรูติดรถไฟฟ้า อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เป็นต้น ในขณะที่อสังหาริมทรัพย์บางประเภท การเป็นจุดสนใจ ผู้ที่จะซื้อแปลงที่ดินอาจให้ความสำคัญในอันดับที่รอง ๆ ลงมา เช่น ต้องการการเดินทางที่สะดวก เข้าถึงง่าย แต่ไม่ต้องใกล้รถไฟฟ้าก็ได้ เป็นต้น
2. สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมรอบ ๆ แปลงที่ดิน แสดงถึงความพร้อมของแปลงที่ดินในการนำมาพัฒนาและยังแสดงถึงการเติบโตของแปลงที่ดิน มีสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ครบครัน ซึ่งทำให้เกิดดีมานด์ในทำเลนั้น ๆ และมีผลให้ราคาที่ดินที่ซื้อ-ลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต ตรงกันข้ามถ้าแปลงที่ดินอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทรุดโทรม เช่น เป็นชุมชนแออัด เกิดเหตุอาชญากรรมบ่อยครั้ง มูลค่าก็จะเติบโตช้าและไม่เป็นที่ต้องการ การซื้อแปลงที่ดินนั้นมาพัฒนา หรือซื้อเพื่อลงทุนอาจประสบความสำเร็จได้ยาก
3. รูปร่างและขนาดของที่ดิน
แปลงที่ดินแต่ละแปลง มีรูปร่างและขนาดที่ดินที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลการนำไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต่อการตัดสินใจต่างกัน ไม่ว่าจะพิจารณาในแง่ของการก่อสร้างและขายต่อ หรือตามหลักฮวงจุ้ยก็ตาม
รูปร่างที่ดินสี่เหลี่ยมจัตุรัส
เจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าในชีวิต
พัฒนาต่อได้ง่าย มีข้อจำกัดน้อย
รูปร่างที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า
อยู่ดีมีสุข ประสบความสำเร็จ
ที่ดินหน้ากว้าง หน้าแคบ พัฒนาได้หลากหลาย
รูปร่างที่ดินวงกลม
เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย การงานก้าวหน้า
พื้นที่ใช้สอยมาก พัฒนาได้ทุกรูปแบบ
รูปร่างที่ดินสามเหลี่ยม
ชีวิตไม่มั่นคง เจริญก้าวหน้าได้ยาก
ใช้พื้นที่ใช้สอยได้ไม่เต็มที่ ขายต่อยาก
1) แปลงที่ดินรูปร่างที่ดินสี่เหลี่ยมจัตุรัส
– ตามหลักฮวงจุ้ย: แปลงที่ดินที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่ดินทั้งสี่มุมทำมุม 90 องศา เป็นทำเลดี เจ้าของแปลงที่ดินจะเจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าในชีวิต ผู้อยู่อาศัยจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย และใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
– ตามหลักการก่อสร้าง: ที่ดินสี่เหลี่ยมจัตุรัสสามารถนำมาพัฒนาต่อได้ง่าย มีข้อจำกัดน้อย เหมาะกับการนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ
2) แปลงที่ดินรูปร่างที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า
– ตามหลักฮวงจุ้ย: แปลงที่ดินที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ดินทั้งสี่มุมทำมุม 90 องศา ถือเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำ ผู้อยู่อาศัยจะอยู่ดีมีสุข ประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้าในการใข้ชีวิต
– ตามหลักการก่อสร้าง : ถือเป็นรูปร่างแปลงที่ดินที่ดี หากแปลงที่ดินมีหน้ากว้างและติดถนนใหญ่ จะเหมาะกับการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ เนื่องจากทำเลที่ตั้งเข้าถึงได้ง่าย เข้า-ออกได้หลายทาง ถ้าเป็นแปลงที่ดินหน้าแคบแต่ลึก จะเหมาะกับการปลูกสร้างบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

3) แปลงที่ดินรูปร่างวงกลม
– ตามหลักฮวงจุ้ย: รูปร่างที่ดินวงกลม เป็นลักษณะที่ดินที่ดีมาก เนื่องจากไม่มีเหลี่ยมมุมพิฆาต ซึ่งเอื้อต่อการไหลเวียนของพลังงานอยู่ตลอดเวลา อยู่แล้วเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย การงานก้าวหน้า
– ตามหลักการก่อสร้าง: ในแง่ของการก่อสร้าง นำมาพัฒนาได้ง่าย ได้ทุกรูปแบบ เพราะมีพื้นที่ใช้สอยมาก
4) แปลงที่ดินรูปร่างที่ดินสามเหลี่ยม
– ตามหลักฮวงจุ้ย: รูปร่างที่ดินสามเหลี่ยม สื่อถึงความไม่มั่นคง มีทิศทางลาดเอียงจากบนลงล่าง เปรียบเหมือนลำดับขั้นที่ต้องใช้ความพยายามในการก้าวขึ้นไปบนยอดสูงสุด ส่งผลกระทบต่อความเจริญก้าวหน้า
– ตามหลักการก่อสร้าง: ที่ดินสามเหลี่ยมลาดเอียงจากบนลงล่างถือเป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง เจ้าของแปลงที่ดินต้องเสียเงินเพิ่มในการถมที่ดิน เพื่อปรับหน้าดินใหม่ถึงจะใช้งานได้ อีกทั้งยังต้องเสียพื้นที่ใช้สอยตรงมุมแหลมไป ทำให้ใช้งานไม่ได้เต็มที่ และขายต่อได้ยาก
4. แปลงที่ดินหาได้ยาก
แปลงที่ดินดีย่อมเป็นที่ต้องการ ตามหลักดีมานด์-ซัพพลาย โดยเฉพาะแปลงที่ดินดีที่มีอยู่อย่างจำกัด เป็นสินค้า Rare Item ที่มีราคาสูงขึ้น
จากการสำรวจการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA พบว่า ราคาที่ดินที่แพงที่สุดขนาดเฉลี่ยประมาณ 4 ไร่ (หน้ากว้าง 40 เมตร ลึก 160 เมตร) คาดการณ์ ณ สิ้นปี 2564 มีดังนี้
1. สยามสแควร์ ราคาที่ดิน 3.3 ล้านบาท/ตารางวา
2. ถนนวิทยุ ราคาที่ดิน 2.75 ล้านบาท/ตารางวา
3. ถนนสุขุมวิท ราคาที่ดิน 2.73 ล้านบาท/ตารางวา
4. สุขุมวิท 21 ราคาที่ดิน 2.5 ล้านบาท/ตารางวา
5. สีลม ราคาที่ดิน 2.5 ล้านบาท/ตารางวา
6. สาทร ราคาที่ดิน 2.2 ล้านบาท/ตารางวา
7. เยาวราช ราคาที่ดิน 1.75 ล้านบาท/ตารางวา
8. สุขุมวิท-เอกมัย ราคาที่ดิน 1.7 ล้านบาท/ตารางวา
9. พญาไท ราคาที่ดิน 1.55 ล้านบาท/ตารางวา
10. พระรามที่ 4-บ่อนไก่ ราคาที่ดิน 1.55 ล้านบาท/ตารางวา
5. การขยายตัวของเมือง
ในการลงทุน ไม่ว่าจะทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือธุรกิจอื่น ๆ จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องมองการเติบโตในอนาคต การเลือกซื้อแปลงที่ดินก็เช่นกัน หากเลือกที่ดินในเมืองซึ่งไม่มีการเจริญเติบโต แม้จะอยู่ทำเลดีติดถนนใหญ่ หัวมุมสี่แยก ถ้าทำเลเมืองบริเวณนั้นไม่มีแนวโน้มเติบโต ย่อมส่งผลต่อราคาที่ดินได้ เมื่อเทียบกับทำเลเมืองกำลังเติบโตไปได้ การปรับตัวของราคาที่ดิน ย่อมสูงขึ้นต่อเนื่อง เหมาะที่จะซื้อและลงทุนก่อนที่จะราคาที่ดินจะถีบตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ การจะรู้ได้ว่าทำเลเมืองบริเวณไหนจะ “ปัง” หรือ “แป้ก” ก่อนจะซื้อหรือลงทุนในแปลงที่ดิน สามารถพิจารณาได้จาก 3 ปัจจัยเหล่านี้
1) ประสบการณ์ คนที่รู้จักทำเลนั้น ๆ หรือคลุกคลีอยู่ในทำเล จะเคยเห็นภาพในอดีตเปรียบเทียบกับปัจจุบันและมองเห็นแนวโน้มการขยายตัวในอนาคต
2) ผังเมือง เป็นตัวกำหนดว่าพื้นที่ไหนสามารถทำประโยชน์อะไรได้บ้าง ศักยภาพของทำเล ประเภทอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งทิศทางการเติบโตในอนาคต
3) โครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น ประปา ไฟฟ้า รถไฟฟ้า หรือว่าถนน สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวนำความเจริญ และนำพาที่อยู่อาศัย รวมถึงธุรกิจการค้าการพาณิชย์ให้สามารถขยายตัวไปได้
6. ข้อกฎหมาย
ก่อนเลือกซื้อแปลงที่ดิน ต้องรู้ฎหมายผังเมือง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือมารู้ในภายหลังว่า แปลงที่ดินซื้อมา ตามกฎหมายผังเมือง กำหนดให้พื้นที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรได้ หรือกรณีแปลงที่ดินทำเลใจกลางเมือง เช่น สีลม สาทร หากถนนเล็กเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ก็ไม่สามารถสร้างอาคารสูงได้ อีกทั้งยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะร่นและที่เว้นว่างที่ควรศึกษาก่อน
เทคนิคในการเลือกแปลงที่ดิน มีหลายเรื่องให้ต้องพิจารณา ทั้งราคาที่ดิน ลักษณะของแปลงที่ดิน เช่น รูปร่างแปลงที่ดินตามหลักการก่อสร้าง ตามหลักฮวงจุ้ย ตำแหน่ง ที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ตลอดจนกฎหมายผังเมือง และข้อกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ล้วนมีผลทั้งสิ้น หากพิจารณาแปลงที่ดินแล้วไม่เข้าข่าย ถือได้ว่าไม่เหมาะสมหากจะซื้อ-ลงทุน เพราะอาจพบกับความเสี่ยง นำไปพัฒนาต่อได้ยากหรือถ้าจะขาย ก็ขายไม่ได้ราคาดี
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ