การเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด ต้องเลือกให้เหมาะสมกับปัจจัยของผู้ซื้อ และสมาชิกในครอบครัว ยิ่งครอบครัวที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว ย่อมต้องพิจารณาให้รอบคอบ และถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้เหมาะสมกับงบประมาณ จำนวนสมาชิกครอบครัว รูปแบบที่อยู่อาศัย ทำเล และความปลอดภัย
แนวโน้มคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว-พ่อเลี้ยงเดี่ยวเพิ่มขึ้น
แม้ว่าในอดีตวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมไทยมักเป็นครอบครัวขยาย ที่ภายใน 1 ครอบครัวประกอบด้วยปู่ย่า/ตายาย พ่อแม่และลูก แต่ทุกวันนี้ครอบครัวไทย กลายเป็นครอบครัวเดี่ยวที่มีขนาดเล็กลง นั่นคือใน 1 ครัวเรือนประกอบด้วยพ่อแม่ และลูก และเห็นแนวโน้มเป็น “ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว” เพิ่มมากขึ้น
คำจำกัดความของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวคือ ครอบครัวที่มีเพียงพ่อ หรือแม่เป็นหัวหน้าครอบครัว และอยู่อาศัยกับลูก การเพิ่มขึ้นของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว สะท้อนได้จากข้อมูลของ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development : OECD) ชี้ว่า
– 17% ของเด็กทั่วโลก อายุ 0-14 ปี อาศัยอยู่ในครัวเรือนที่มีแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว (Single-parent Households)
– 88% ของครอบครัวที่เป็น Single-parent Households หัวหน้าครอบครัวคือ แม่เลี้ยงเดี่ยว
– ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว เป็นเสาหลักในการหารายได้ และรับภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว
– คาดการณ์ว่าจำนวนครัวเรือนที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว-พ่อเลี้ยงเดี่ยว ในหลายประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อย่างประเทศในกลุ่ม OECD ทั้งในยุโรป, สหรัฐ และเอเชีย คาดว่าจะมี Single-parent Households เพิ่มขึ้น 22-29% ในปี พ.ศ. 2568-2573
หากวันหนึ่งใครก็ตามต้องเปลี่ยนสถานะกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว-พ่อเลี้ยงเดี่ยว ย่อมทำให้บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ และแผนชีวิตครอบครัวที่เคยวางไว้ เปลี่ยนไป ยิ่งถ้าใครต้องการหาที่อยู่อาศัยใหม่ จำเป็นอย่างยิ่งต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบอย่างละเอียด

4 ปัจจัยที่แม่เลี้ยงเดี่ยว-พ่อเลี้ยงเดี่ยว ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน
โอกาสการซื้อที่อยู่อาศัยในชีวิตของคนเรา ไม่ได้มีบ่อย ๆ บางคนอาจครั้งเดียวในชีวิต หรือบางคนอาจ 2 ครั้งในชีวิต เพราะฉะนั้นการเลือกที่อยู่อาศัยที่ใช่ และเหมาะกับครอบครัวจริง ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
สำหรับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว-พ่อเลี้ยงเดี่ยว มีปัจจัยในการพิจารณาที่ต้องศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ ที่แตกต่างจากคนกลุ่มอื่น เพื่อนำไปใช้สำหรับวางแผนอย่างละเอียด และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนตัดสินใจซื้อ
1. ประเมินกำลังเงิน และความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเอง
เบื้องต้นต้องพิจารณารายได้ต่อเดือน, ภาระหนี้ต่อเดือน และค่าใช้จ่ายรายเดือนต่าง ๆ ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าใช้จ่ายของลูก และค่าใช้จ่ายภายในบ้าน เพื่อดูว่าที่อยู่อาศัยที่เล็งไว้นั้น อยู่ในความสามารถที่ตัวเราสามารถขอกู้สินเชื่อกับธนาคาร และอยู่ในวิสัยจะผ่อนไหวหรือไม่ หรือเพื่อดูว่าสถานะครอบครัวเรา เหมาะกับที่อยู่อาศัยระดับราคาเท่าไร ที่สามารถขอกู้ธนาคาร และผ่อนไหว
2. เลือกรูปแบบที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับครอบครัว
ด้วยความที่แม่เลี้ยงเดี่ยว หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว เป็นหัวหน้าครอบครัว ทั้งการหารายได้เข้าบ้าน การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้าน และการดูแลบ้าน ดังนั้นการเลือกรูปแบบที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับครอบครัว จึงต้องนำปัจจัยด้านกำลังเงิน และจำนวนสมาชิกในครอบครัวมาพิจารณาควบคู่กัน
โดยส่วนใหญ่แล้ว ครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว มีสมาชิกประมาณ 2-3 คน ประกอบด้วยแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว และลูก 1-2 คน เพราะฉะนั้นที่อยู่อาศัย ประเภททาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮม และคอนโด ขนาด 2 ห้องนอน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว
เนื่องจากทาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮม และคอนโด 2 ห้องนอน มีขนาดพอดีกับจำนวนสมาชิกไม่เกิน 3-4 คน ในขณะที่แม่เลี้ยงเดี่ยว หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว เป็นเสาหลักในการหารายได้ให้กับครอบครัว ไปพร้อม ๆ กับต้องดูแลลูก และความเรียบร้อยต่าง ๆ ไม่ว่าจะอาหารการกิน และการทำความสะอาดต่าง ๆ ภายในบ้าน ทำให้กิจวัตรประจำวันทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา
ดังนั้นการซื้อที่อยู่อาศัยที่ขนาดไม่เล็ก และไม่ใหญ่เกินไป จึงง่ายต่อการดูแล ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในบ้าน และไม่เป็นภาระด้านการเงินมากเกินไป

3. ทำเลเดินทางสะดวก-อยู่ใกล้สถาบันการศึกษา
ทำเลที่ตั้งของที่อยู่อาศัย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อบ้านสักหลัง หรือคอนโดสักห้อง สำหรับครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีหลักเกณฑ์การพิจารณาคือ
– ที่อยู่อาศัยนั้น อยู่ในทำเลการเดินทางสะดวกไหม เช่น ตั้งอยู่บนถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับถนนหลายสาย, อยู่ในทำเลที่รถไฟฟ้าเข้าถึง, การเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า กับขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ได้ง่าย และสะดวก
– ทำเลที่อยู่อาศัยนั้น อยู่ใกล้โรงเรียนหรือไม่ และรองรับการศึกษาได้ถึงระดับใด เพราะบ้านใกล้โรงเรียน สร้างความสะดวกทั้งต่อเด็กเอง และผู้ปกครอง ไม่ว่าจะการเดินทางไปรับ-ส่งลูก, ทำให้เด็กไม่เหนื่อยล้า และประหยัดเวลาการเดินทางไปได้มาก
– อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันต่าง ๆ เช่น ตลาด, สวนสาธารณะ หรือศูนย์การค้า
4. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และมีเทคโนโลยี Smart Home
การซื้อบ้านสักหลัง หรือคอนโดสักห้อง ไม่ใช่ดูแค่ตัวบ้าน หรือห้องคอนโดเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาไปถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทั้งภายในโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ เช่น ระบบความปลอดภัยการดูแลลูกบ้าน รวมถึงชุมชนละแวกใกล้เคียง
นอกจากนี้ ปัจจุบันเป็นยุคเทคโนโลยี บางโครงการที่อยู่อาศัยได้ติดตั้งเทคโนโลยี Smart Home ด้านต่าง ๆ รวมไปถึงเจ้าของบ้านติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยเอง
ยกตัวอย่างเช่นเทคโนโลยี Home Automation ที่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ควบคุมผ่าน Smart Device รวมถึงอุปกรณ์ภายในบ้านคุยกันเอง หรือที่เรียกว่า IoT (Internet of Things), เทคโนโลยี Smart Security เช่น ระบบ Remote Locking ที่สามารถล็อกประตูผ่านสมาร์ทโฟน แม้เจ้าของบ้าน หรือสมาชิกครอบครัวไม่ได้อยู่ในบ้าน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ ตอบโจทย์ความสะดวก และความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า