แสนสิริ โชว์ยอดขายครึ่งปีแรก 26,000 ล้าน ไตรมาส 3 เตรียมเปิด 5 โครงการ

[PR News] แสนสิริ ทะลุเป้ายอดขายครึ่งแรกปี 2568 อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 เตรียมเปิด 5 โครงการ มูลค่า 15,300 ล้านบาท ยืนหยัดเติบโต ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ

นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริ ยังคงรักษาระดับการเติบโตของยอดขายได้อย่างแข็งแกร่ง ครึ่งปีแรก (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2568) ทำยอดขายได้ 26,000 ล้านบาท (ราว 50% จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 53,000 ล้านบาท)

ทะลุเป้าครึ่งปีตามแผนการดำเนินงาน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแสนสิริ ครึ่งปีหลังพร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง

มองภาพรวมอสังหาฯ ยังคงท้าทาย ทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศ สถานการณ์ทางการเมือง ปัญหาความขัดแย้งจากภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan to Value: LTV ให้กู้ได้เต็ม 100% ในทุกระดับราคา และลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง จะเป็นแรงกระตุ้นกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้าซื้ออยู่อาศัยเองและนักลงทุน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวได้

ครึ่งปีแรกแสนสิริ สร้างปรากฏการณ์ Sold Out ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมในทุกเซกเมนต์ทั้งแนวราบ และคอนโด รวม 13 โครงการ มูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าต่อไตรมาส 3 เปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 15,300 ล้านบาท ได้แก่

1. วาลเลส เฮาส์ ราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท คอนโดภายใต้แบรนด์ เฮาส์ ในทำเล T77 คอมมิวนิตี้ เป็น Pets Welcome คอนโดโครงการแรกของ HAUS ในกรุงเทพฯ เตรียมพรีเซลปลายเดือนสิงหาคม 2568

2. เซลฟ์ บาย แสนสิริ

3. ไวด์เด็น บาย แสนสิริ ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท คอนโดใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริ และบริษัท โตคิว ดีเวลลอปเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้แห่งแรกในทำเลนางลิ้นจี่

4. เดอะ เบส เออร์เบิน พระราม 9

5. สราญสิริ จตุโชติ ราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท บ้านเดี่ยวดีไซน์ Urban Farmhouse อยู่ในจตุโชติคอมมิวนิตี้ของแสนสิริ เชื่อมต่อการเดินทางหลากหลายเส้นทาง ใกล้ทางด่วนจตุโชติ เพียง 5 นาที

นอกจากนี้ยังมี Backlog หรือยอดขายรอโอนกว่า 20,000 ล้านบาท เป็นยอดรับรู้รายได้ในปีนี้ 50% พร้อมโครงการจ่อ Sold Out กว่า 10 โครงการ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญสำหรับรายได้ในครึ่งปีหลัง

ไฮไลต์ความสำเร็จที่โดดเด่นสวนกระแสเศรษฐกิจ ได้แก่

1. พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1 คอนโดริมหาดพัทยา ด้วยยอดขายสูงถึง 3,300 ล้านบาท

2. เดมี พระราม 9-เหม่งจ๋าย ที่ปิดการขายทันที 18 ยูนิต ก่อนวันพรีเซลล์ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ สร้างยอดขายกว่า 500 ล้านบาท

3. ธุรกิจใหม่อย่าง "ต้นแบบ Crafted by Sansiri" (บริการรับสร้างบ้านครบวงจร) ที่ทำรายได้ทะลุเป้ากว่าร้อยล้านบาท เตรียม Grand Opening กันยายน 2568

4. ความแข็งแกร่งทางการเงินที่สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนส่งผลให้หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด Oversubscribe ไปมากกว่า 50%

การขับเคลื่อนแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขายต่อจากนี้ แสนสิริโฟกัสในเรื่องการบริหารจัดการโครงการพร้อมอยู่ และการเปิดโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพ ที่มีความต้องการซื้ออย่างชัดเจนจากกลุ่มซื้ออยู่เองและซื้อเพื่อลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และภูเก็ต

รวมถึงการนำร่องทำ Investment Project ให้กับลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนในแนวราบ เช่น ณรินสิริ กรุงเทพกรีฑา ที่มีการปล่อยเช่ากันที่ระดับราคา 400,000-500,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นผลตอบแทนที่สูงมากถึง 9% ต่อปี ปัจจุบันมีผู้สนใจติดต่อเช่าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

การพัฒนาโมเดล Sansiri Community ในทำเลใหม่ ๆ และให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายที่ดูแลไม่มีวันสิ้นสุด ทั้งหมดนี้จะช่วยผลักดันให้แสนสิริรักษาการเติบโตและครองความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาฯ ได้อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด แสนสิริ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 2025 Fortune Southeast Asia 500 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็นการจัดอันดับบริษัทที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากที่สุด 500 แห่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) สื่อธุรกิจชั้นนำระดับโลก

การจัดอันดับนี้พิจารณาจากบริษัทที่มีรายได้สูงสุดในปี 2567 โดยแสนสิริเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยของไทย, อันดับที่ 41 ของประเทศไทย และอันดับที่ 251 จาก 500 บริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้