โปะหนี้บ้านไปแล้วแต่ต้องการใช้เงินทำอย่างไรดี

DDproperty Editorial Team
โปะหนี้บ้านไปแล้วแต่ต้องการใช้เงินทำอย่างไรดี

“การผ่อนเพิ่มหรือโปะหนี้มากเกินไป ทำให้ต้องมากู้เงินเพิ่มอาจจะไม่คุ้มค่ากับดอกเบี้ยที่ต้องเสีย”

ปกติคนที่ซื้อบ้านส่วนใหญ่จะใช้เงินกู้สินเชื่อบ้านจากธนาคารเป็นหลัก มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถซื้อด้วยเงินสดได้ ดังนั้น คนส่วนใหญ่ที่ใช้การกู้เงิน ต้องมีการผ่อนชำระคืนเป็นรายเดือนให้กับธนาคาร โดยส่วนใหญ่มีการให้คำแนะนำกับผู้กู้ไปว่า หลังจากผ่อนชำระไปได้ระยะหนึ่ง และมีความพร้อมทางด้านการเงิน ควรผ่อนเพิ่มอีกอย่างน้อย 10% ของยอดผ่อนชำระต่อเดือน เพื่อทำให้หมดหนี้เร็วขึ้น บางคนก็ทำตามคำแนะนำ แต่บางคนก็ไม่ได้ทำตาม ด้วยเหตุผลที่ว่า การนำเงินไปผ่อนเพิ่มหรือโปะหนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินจะทำอย่างไร วันนี้ K-Expert มีคำแนะนำมาฝาก
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าไม่ได้แนะนำให้เป็นหนี้เพิ่ม เพียงแต่เป็นการเสนอทางเลือกในการขอสินเชื่อ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน ซึ่งสินเชื่อแต่ละประเภทจะมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เช่น
50823135_xl (1)
– ถ้าต้องการใช้เงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1-6 เดือน และจำนวนเงินไม่สูงมากนัก เช่น ไม่เกิน 100,000 บาท แนะนำ “บัตรกดเงินสด” ซึ่งไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม แต่จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูง ทั้งนี้ สามารถชำระเต็มจำนวนหรือชำระขั้นต่ำ 5% หรือ 500 บาทได้
– ถ้าต้องการใช้เงินก้อน จำนวนเงินไม่สูงมากเช่นกัน แนะนำ “สินเชื่อบุคคล” โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ตั้งแต่ 1-5 ปี ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม แต่จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงเช่นกัน
– ถ้าต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ ตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นบ้าน และต้องการดอกเบี้ยที่ถูกกว่าบัตรกดเงินสดหรือสินเชื่อบุคคล แนะนำ “สินเชื่ออเนกประสงค์” ซึ่งสินเชื่อในกลุ่มนี้ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในเรื่องค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ 3,000 บาท และค่าอากรสแตมป์ 0.05%
ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องใช้เงิน เราต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกใช้สินเชื่อแบบไหนที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา
2018-08-01_11-43-09
การเร่งผ่อนเพิ่มหรือโปะหนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามากจนเกินไป จนทำให้ในยามฉุกเฉินหรือจำเป็นต้องใช้เงินแล้วต้องมากู้เงินเพิ่มอาจจะไม่คุ้มค่ากับดอกเบี้ยที่ต้องเสียเพิ่ม ดังนั้น ก่อนผ่อนเพิ่มหรือโปะหนี้ควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน แต่ถ้ามีรายได้ทางเดียว เช่น รายได้จากเงินเดือนประจำ (อ่านบทความมนุษย์เงินเดือนกู้ซื้อบ้านได้มากแค่ไหน) แนะนำให้มีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายรวม 30,000 บาท ดังนั้น เงินสำรองที่ควรมีเท่ากับ 180,000 บาท เพราะสามารถนำเงินจำนวนนี้มาใช้ได้ในยามฉุกเฉินหรือจำเป็นทันที แต่จะพอหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์หรือความรุนแรงของปัญหาในขณะนั้น
35999644 - man drops money into a glass jar for a savings account.
บทความที่อาจเหมาะกับคุณที่กำลังมีความกังวลในเรื่องของการกู้ซื้อบ้าน และอยากมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการซื้อบ้าน คู่มือซื้อขาย สามารถเป็นตัวช่วยตอบได้ทุกคำถาม และที่สำคัญอย่าลืมอ่านบทความในทำเลยอดฮิตแบบเจาะลึก และค้นหาโครงการบ้าน คอนโดฯ ที่คุณสนใจ
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย พฤทธิ์ จำรัสพันธุ์ AFPTTM K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com

คำนวณยอดผ่อนต่อเดือนตามระยะเวลากู้

เพียงใส่ยอดเงินกู้ที่คุณต้องการ เราจะคำนวณให้คุณเห็นถึงยอดผ่อนชำระต่อเดือนตามระยะเวลาผ่อนและอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน

คำนวณยอดผ่อนต่อเดือน

คำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือนตามอัตราดอกเบี้ยของคุณด้วยเครื่องมือคำนวณสินเชื่อนี้

คำนวณวงเงินกู้สูงสุด

คำนวณสินเชื่อบ้าน ยอดวงเงินกู้บ้านใหม่ที่คาดว่าจะได้รับจากแบงก์และยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน