“เดี๋ยวนี้การใช้ชีวิตแบบเกษียณมันเปลี่ยนไปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องมีคู่ หรือมีลูก มาคอยดูแลเรายามแก่ เพราะปัจจุบันทุกอย่างมันสะดวกขึ้น อยากกินอะไรก็โทรสั่งได้ อยากไปไหนก็มีรถไฟฟ้า เทคโนโลยีต่าง ๆ เอื้อต่อการอยู่อาศัยคนเดียวมากขึ้น ทำให้การตัดสินใจอยู่เป็นโสดแบบนี้ กลับรู้สึกว่า นี่คือชีวิตแบบที่ต้องการ มีอิสระ และมีความสุขที่สุดแล้ว”

ชีวิตที่ดี คือต้องมีความชัดเจนว่าเราต้องการอะไรในชีวิต
คุณโอ๊ค รฐพงศ์ เจริญวุฒิพงศ์ ชายหนุ่มอายุ 40 ปี เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Be Dazzle ได้มาพูดคุยกันในประเด็นคนโสดวันนี้ ดูเหมือนคุณโอ๊คจะสนุกกับการสัมภาษณ์มาก ๆ เรียกว่าออร่าของความสุข สำหรับคนที่รักอิสระ รักความเป็นส่วนตัว พุ่งกระจายเปล่งรัศมี แววตาเป็นประกายสุด ๆ คุณโอ๊ค เล่าว่า
“ปีนี้อายุ 40 แล้ว โสดมาตั้งแต่อายุ 30 แต่ยิ่งรู้สึกว่า นี่เป็นความลงตัวที่สุดสำหรับตนเอง”
โดยเหตุผลที่ไม่อยากมีคู่ครองมีหลายข้อ คือ เป็นคนบ้างาน โดยเฉพาะ 10 ปีที่ผ่านมา ต้องทำงานที่แทบจะต้องอยู่ออฟฟิศเกือบมากกว่า 10 ชั่วโมง ใครเป็นแฟนคงต้องเครียดมาก นอกจากนี้ยังต้องดูแลพ่อแม่ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ
“ความอิสระ และโลกส่วนตัวของตัวเอง คือสิ่งที่หวงแหนมาก”
ดังนั้น จึงตัดสินใจแน่นอนว่า จะใช้ชีวิตโสดให้สนุก และตั้งเป้าไว้ว่า ยิ่งแก่ เราต้องยิ่งสุขภาพดีขึ้นกว่าเก่า

ขายบ้านเก่าที่ลงตัวไป แต่ได้บ้านใหม่ที่ตอบโจทย์ บ้านในฝัน
ปัจจุบัน คุณโอ๊คมีทาวน์เฮ้าส์หลังเล็ก ๆ อยู่ในย่านศรีนครินทร์ ย่านที่ดูเหมือนจะไกล สำหรับการเดินทางไปทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิม แต่เมื่อได้มารีโนเวท ให้ดีไซน์เป็นอย่างที่ตัวเองชอบในทุก ๆ อย่าง จึงทำให้บ้านหลังนี้ ตอบโจทย์ และลงตัวที่สุด ทำให้การอยู่บ้าน เป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นจุดเติมพลังบวก เป็นจุดพักผ่อนที่มีความสุขใจ สบายใจ

“ทุก ๆ มุม เราเลือกวัสดุ เลือกสี เลือกลายเพ้นท์เอง เราแต่งบ้านเอง เลือกสิ่งที่เราชอบ ที่เป็นตัวเรา อย่างการเพ้นท์นี่ก็มีเพื่อนที่เป็นศิลปินกราฟฟิตี้มาวาดให้ พอก้าวเข้าบ้าน เข้ามาเห็นทีไร ก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกชัดเจนว่านี่แหละ…คือบ้านของเราจริง ๆ”
เมื่อก่อนอยู่บ้านเก่าย่านลาดพร้าว จริง ๆ แล้วก็ชอบที่นั่นมาก เพราะไปหาเพื่อนก็สะดวก ไปทำงานก็สะดวก ใกล้รถไฟฟ้า ไม่เสียเวลา หาอะไรกินก็ง่าย สะดวกไปหมด ที่สำคัญคือเพื่อนบ้านดีมาก ๆ แต่เนื่องจากไม่ค่อยได้อยู่ แล้วบ้านก็ทรุดโทรมลงทุกวัน ประกอบกับบ้านที่ศรีนครินทร์ซึ่งเป็นบ้านญาติ อยากจะขาย จึงตัดสินใจซื้อไว้

“เหตุผลที่ซื้อไว้คือ เผื่อว่าแม่กับเตี่ย มาหาหมอที่กรุงเทพฯ หรือแวะมาเยี่ยมญาติ การที่เขาได้อยู่ใกล้ ๆ กับญาติพี่น้องก็น่าจะดีกว่า จึงให้เอเจ้นท์ซึ่งเป็นน้องที่รู้จักกันมาช่วยขายให้ ระยะ 2-3 เดือนก็ขายได้ ช่วงนั้นเราลาออกจากงานบริษัท แล้วมาทำร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ Be Dazzle ของตัวเองที่จตุจักรด้วย โดยลองเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก แรก ๆ ก็รู้สึกว่าไกล แต่ตอนนี้กลับชินและใช้เวลาการเดินทางจากร้านถึงบ้านที่ศรีครินทร์ แค่ราว ๆ 45 นาทีเท่านั้น จึงไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทางเท่าไหร่”

“บ้านหลังนี้เรียกได้เต็มปากว่าเป็น “บ้านในฝัน” เราทำบ้านให้เป็นโรงแรม หมายความว่า ทำให้เป็นที่ ๆ พักผ่อนที่สบายที่สุด เราลงทุนกับที่นอน ลงทุนไปกับบรรยากาศเยอะมาก กลับมาถึงเปิดทีวี นั่งจมลงไปในโซฟาสบาย ๆ อยู่กับหมา”

ห้องนอนก็มีไว้แค่นอนเลยจริง ๆ พอมีห้องนอนดี ๆ ทำให้เราที่เคยเป็นคนนอนน้อย ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการนอนจนป่วย กลายเป็นคนที่อยากนอนนาน ๆ ตื่นมาแล้วสดชื่น มันมีพลัง เช้า ๆ ออกมาหน้าบ้าน มีสวนเล็ก ๆ มีบ่อปลาหน้าบ้าน ฟังเสียงน้ำไหล
“เป็นความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังและความสุข ไม่ว่าเราจะไปทำงานหนักขนาดไหน พอกลับมาบ้าน เราหายเหนื่อยเลย”
เมื่อหนุ่ม (ตั้งใจ) โสด ต้องวางแผนเรื่องการเงิน-ลงทุนในวัยเกษียณ
การที่ต้องใช้ชีวิตในเมืองที่ค่าครองชีพสูงอย่างกรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีเงินเก็บ แต่ว่าเรา่ไม่ได้เป็นคนใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว ไม่ได้ชอบเที่ยวกลางคืน มีไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ตามโอกาสที่อยากพักผ่อน นั่นคือโอกาสที่จะได้ใช้เงินแบบเรียกว่าซื้อความสุขจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้บ่อย ปีละครั้ง สองครั้งเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็จะมีเงินเก็บอยู่บ้าง
นอกจากนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่าการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด สบายใจที่สุด โดยได้ซื้อที่ดินไว้สักแปลงหนึ่ง หรือบ้านหลังเล็ก ๆ หน่อย แต่อยู่ในทำเลที่มีโอกาสเติบโตได้ในวันข้างหน้าสัก 5-10 ปี เรียกว่าถ้าขายได้ ก็จะได้กำไรหลายเท่าจึงชอบที่จะลงทุน สะสม เก็บออมในลักษณะของอสังหาฯ มากกว่าเก็บเงินสด
“ตอนนี้มีที่ดินเก็บไว้ 2 แปลง เผื่อไว้ทำกิจการตอนแก่ แล้วก็กำลังมองหาคอนโดสำหรับการลงทุนอยู่”

ไม่มีเวลา แต่อยากได้ทรัพย์ดี ๆ ไว้ลงทุน ก็ต้องใช้ตัวช่วย
ผมไม่ใช่คนเก่งเรื่องอสังหาฯ แต่อยากลงทุนกับอสังหาฯ เพราะฉะนั้นให้มืออาชีพมาช่วยทำจะดีกว่า ซึ่งตัวช่วยหลัก ๆ ได้แก่ 1. ใช้เอเจนท์ หรือนายหน้า ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีข้อมูลและความเชี่ยวชาญทางด้านนี้อยู่แล้ว สามารถให้คำแนะนำดี ๆ กับเราได้ เพียงแต่ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้กับ 2. ใช้เว็บไซต์ หรือสื่อออนไลน์เกี่ยวกับอสังหาฯ เปิดดูในช่วงว่าง ๆ ก็ได้
“เว็บไซต์เหล่านี้ตอบโจทย์โดยเฉพาะคนที่มีเวลาน้อย เพราะทำให้เราเห็นทำเล หรือโอกาสที่ทำเลละแวกนั้นจะพัฒนาไปอีกไหมในช่วง 5-10 ปี จะมีใครมาลงทุนไหม เดี๋ยวนี้ search engine เอื้อต่อผู้บริโภคแล้ว เทียบข้อมูลได้ ดูรีวิวได้ บางเว็บมีวิเคราะห์ให้เสร็จอย่าง DDproperty ก็ชอบนะ เวลาจะค้นหาอะไร ถือว่าเป็นเว็บอันดับต้น ๆ แทบทุกครั้งเลย แล้วก็ดูน่าเชื่อถือในด้านข้อมูลด้วย”
พอเรามีฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เมื่อเราเปิดดูไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าอันไหนเข้าตา ก็ค่อยมาดูทีหลัง ซึ่งเดี๋ยวนี้เว็บไซต์เหล่านี้ก็มีข้อมูล มีรูปให้เราดูเยอะกว่าเมื่อก่อน แต่อย่างไรก็ยังต้องไปดูหน้างานเอง ถึงจะตัดสินใจจริง ๆ ได้
หากคุณมีประสบการณ์ที่อยากบอกเล่า-แชร์ต่อเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนที่กำลังตามหาบ้านในฝัน ติดต่อเรา