3 หลักสำคัญในการ "กู้ร่วมซื้อบ้าน"

DDproperty Editorial Team
3 หลักสำคัญในการ "กู้ร่วมซื้อบ้าน"
เมื่อเดือนแห่งความรักโคจรมาถึง หลายๆ คู่อาจจะถือเป็นฤกษ์ดีในการยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่เลเวลที่จริงจังมากขึ้น อาทิ ซื้อหรือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ หรือห้องชุดขนาดใหญ่ ก็ต่างล้วนเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาสูง ทำให้คู่รักหลายๆ คู่ต้องอาศัย การกู้ร่วม จากสถาบันการเงินเพื่อให้ฝันที่จะมีบ้านร่วมกันเป็นความจริงขึ้นมาได้
การกู้ร่วมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติวงเงินกู้บ้าน เพราะรายได้รวมต่อเดือนที่สูงขึ้นสะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ให้กับผู้ปล่อยกู้หรือสถาบันการเงินนั่นเอง
ผู้กู้ร่วมหรือในทางกฎหมายจะเรียกว่า "ลูกหนี้ร่วม" จะต้องรับผิดชอบ และต้องยอมรับในภาระหนี้ร่วมกัน ในกรณีที่ผู้กู้หลักไม่สามารถชำระหนี้ได้
แต่ด้วยวงเงินกู้ที่สูง นั่นหมายความว่าผู้ที่ร่วมกู้กับคุณนั้นจะต้องร่วมหัวจมท้ายกับหนี้ก้อนโตไปเป็นระยะเวลานานหลายปี ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจกู้ร่วม คุณอาจจะต้องพิจารณาถึงสิ่งต่อไปนี้

1. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กู้หลัก-ผู้กู้ร่วม

นอกจากความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติแล้ว คู่สมรส ไม่ว่าจะจดทะเบียนหรือไม่จดก็ตามสามารถกู้ร่วมได้ แต่จะต้องมีเอกสารที่แสดงตัวบุคคล และแหล่งที่มาของหลายได้ชัดเจน โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้กู้ร่วมมักมีชื่ออยู่ในโฉนดด้วย

2. ภาระหนี้

หลังจากที่หักภาระหนี้ของผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมแล้ว รายได้จะต้องเหลือเพียงพอสำหรับค่าผ่อนบ้านตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร ซึ่งปกติจะต้องไม่เกิน 40-50% ของรายได้ โดยธนาคารจะดูภาระผ่อนหนี้ต่อเดือนของผู้กู้จากเครดิตบูโร
หากพบว่าผู้กู้และผู้กู้ร่วมมีภาระหนี้ผ่อนต่อเดือนสูงอยู่แล้ว การกู้ร่วมอาจจะไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับสินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงินสักเท่าใดนัก ทั้งนี้ ธนาคารส่วนใหญ่กำหนดให้มีผู้กู้ร่วมได้ไม่เกิน 2 คน
3 หลักสำคัญในการ "กู้ร่วมซื้อบ้าน"

3. ความสามารถในการผ่อนชำระ

หลังจากที่ธนาคารอนุมัติยอดกู้ แม้ว่าเราจะกู้ร่วม แต่ต้องคำนึงเสมอว่า หากต้องรับภาระผ่อนเพียงคนเดียวก็สามารถทำได้ ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจกู้ร่วม
คุณควรคำนวณรายรับ-รายจ่ายทั้งหมดของทั้งคุณและผู้กู้ร่วม เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินพอที่จะผ่อนชำระบ้านได้ในแต่ละเดือน รายได้บางอย่าง เช่น เงินจากการขายของหลังเลิกงานและไม่มีเอกสารแสดงที่มาของรายได้อย่างชัดเจน
รายได้เหล่านี้ แม้สถาบันการเงินจะไม่นำมาใช้ในการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ แต่รายได้เสริมเหล่านี้อาจช่วยให้คุณมีกำลังในการผ่อนชำระหนี้แต่ละเดือนได้ดีขึ้น
สำหรับกรณีกู้ร่วมนั้น กรรมสิทธ์ในบ้าน/คอนโด มีได้ 2 แบบ ดังนี้
แบบที่ 1 การใส่ชื่อคนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่เวลากู้มีผู้กู้ร่วม และ
แบบที่ 2 ใส่ชื่อผู้กู้ทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน
ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเลือกกรรมสิทธิ์แบบหลังมากกว่า เพราะให้สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของที่เท่าเทียมกันไม่ว่าคุณจะเป็นผู้กู้หลักหรือผู้กู้ร่วม
แต่ก็มีข้อพึงระวัง คือหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือมีเหตุที่ทำให้ต้องขายบ้าน/ขายคอนโด นั้น ๆ จะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมก่อน จึงจะสามารถดำเนินการได้
แม้ว่าการกู้ร่วมจะเป็นหนทางที่ช่วยให้คุณมีบ้านในฝันได้ง่ายขึ้น แต่ก่อนตัดสินใจครั้งสำคัญ คุณควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับอีกฝ่ายให้เคลียร์ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลังได้
บทความข้างต้นตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร L’OPTIMUM ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ 2560
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ