เวลานี้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวมากขึ้น หรือที่เรียกๆ กันว่า สตาร์ทอัพ หรือทำอาชีพอิสระในรูปแบบต่างๆ ซึ่งไม่ว่าจะสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี หรือคนทำอาชีพอิสระ รวมถึง แม่ค้า พ่อค้า ที่วางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเงินกู้ ต้องเตรียมตัวก่อนยื่นกู้หนักกว่ามนุษย์เงินเดือนพอสมควร เพราะความที่รายได้ไม่แน่นอน หรือไม่มีประวัติทางการเงินที่ชัดเจน ทำให้กลุ่มอาชีพอิสระเป็นกลุ่มที่ขอกู้ผ่านได้ยากกว่ามนุษย์เงินเดือน
ก่อนจะไปถึงเคล็ดลับการเตรียมตัวก่อนยื่นกู้แล้ว ขอกล่าวถึงลักษณะของที่อยู่อาศัยแยกตามประเภทงานก่อสร้าง ดังนี้
1.บ้าน-คอนโดพร้อมอยู่
ไม่ว่าจะเป็นบ้านแนวราบอย่างบ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่สร้างเสร็จก่อนขาย หรือบ้านที่เกือบจะสร้างเสร็จ เวลาในการผ่อนดาวน์จะน้อยมาก อาจจะไม่ถึง 3 เดือน หรือแทบไม่มีเวลาให้ผ่อนดาวน์เลย เช่นเดียวกับกลุ่มคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ปัจจุบันก็มีจำนวนมากเช่นกันที่ยังขายไม่หมด และเป็นทางเลือกให้กับคนที่พร้อมจะอยู่ซื้อเลย ถ้าไม่ได้เตรียมประวัติทางการเงินไว้ก่อน โอกาสที่กลุ่มอาชีพอิสระกู้ผ่านยาก
ไม่ว่าจะเป็นบ้านแนวราบอย่างบ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่สร้างเสร็จก่อนขาย หรือบ้านที่เกือบจะสร้างเสร็จ เวลาในการผ่อนดาวน์จะน้อยมาก อาจจะไม่ถึง 3 เดือน หรือแทบไม่มีเวลาให้ผ่อนดาวน์เลย เช่นเดียวกับกลุ่มคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ปัจจุบันก็มีจำนวนมากเช่นกันที่ยังขายไม่หมด และเป็นทางเลือกให้กับคนที่พร้อมจะอยู่ซื้อเลย ถ้าไม่ได้เตรียมประวัติทางการเงินไว้ก่อน โอกาสที่กลุ่มอาชีพอิสระกู้ผ่านยาก
ดังนั้น กลุ่มคนที่มีอาชีพอิสระ และยังไม่มีเงินดาวน์สูงๆ หากมีแผนที่จะซื้อบ้าน-คอนโดพร้อมอยู่ นอกจากจะต้องเตรียมเงินแล้ว ยังต้องเตรียมประวัติทางการเงินที่ดีด้วย
2.บ้าน-คอนโดขายก่อสร้าง
จริงๆ แล้วถ้าเป็นขายก่อสร้าง ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียมมากกว่าบ้านแนวราบ เพราะคอนโดมิเนียมจะมีเวลาก่อสร้างนาน จึงมีเวลาผ่อนดาวน์ยาว อย่างน้อย 12 เดือน หรือนานกว่านั้นถ้าเป็นตึกสูงมากๆ จะอยู่ที่ 24-36 เดือน ซึ่งยังมีโอกาสในการสร้างประวัติทางการเงินที่นานกว่า และประวัติการผ่อนดาวน์ที่ดี ที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่พอจะแสดงถึงวินัยทางการเงินของผู้กู้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่องค์ประกอบหลักที่แบงก์จะใช้ในการพิจารณา ประวัติทางการเงินในเรื่องรายได้ ดูจะเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด
จริงๆ แล้วถ้าเป็นขายก่อสร้าง ส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียมมากกว่าบ้านแนวราบ เพราะคอนโดมิเนียมจะมีเวลาก่อสร้างนาน จึงมีเวลาผ่อนดาวน์ยาว อย่างน้อย 12 เดือน หรือนานกว่านั้นถ้าเป็นตึกสูงมากๆ จะอยู่ที่ 24-36 เดือน ซึ่งยังมีโอกาสในการสร้างประวัติทางการเงินที่นานกว่า และประวัติการผ่อนดาวน์ที่ดี ที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่พอจะแสดงถึงวินัยทางการเงินของผู้กู้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่องค์ประกอบหลักที่แบงก์จะใช้ในการพิจารณา ประวัติทางการเงินในเรื่องรายได้ ดูจะเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด
ทีนี้มาถึงเคล็ดลับการเตรียมตัวก่อนซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเงินกู้สำหรับกลุ่มอาชีพอิสระ ซึ่งจะมีด้วยกัน 3 ข้อด้วยกัน เริ่มด้วย
1. ทำบัญชีรายได้
อาชีพอิสระแบบทำธุรกิจเอง ซื้อมาขายไป หรือทำธุรกิจแบบที่ต้องมีต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ และต้นทุนในการบริหารงาน แนะนำว่าให้ทำบัญชีรายได้ ว่ามีรายได้เท่าไร รายจ่ายเท่าไร หักลบกันแล้ว เหลือกำไรประมาณเท่าไรในแต่ละเดือน จะทำให้แหล่งที่มาของรายได้ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งถ้าสามารถทำไว้ล่วงหน้าก่อนยื่นกู้ได้อย่างน้อย 6 หรือ 12 เดือน จะมีโอกาสที่ดีขึ้น ยิ่งถ้าเป็น 12 เดือนจะสวยมาก
อาชีพอิสระแบบทำธุรกิจเอง ซื้อมาขายไป หรือทำธุรกิจแบบที่ต้องมีต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ และต้นทุนในการบริหารงาน แนะนำว่าให้ทำบัญชีรายได้ ว่ามีรายได้เท่าไร รายจ่ายเท่าไร หักลบกันแล้ว เหลือกำไรประมาณเท่าไรในแต่ละเดือน จะทำให้แหล่งที่มาของรายได้ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งถ้าสามารถทำไว้ล่วงหน้าก่อนยื่นกู้ได้อย่างน้อย 6 หรือ 12 เดือน จะมีโอกาสที่ดีขึ้น ยิ่งถ้าเป็น 12 เดือนจะสวยมาก
อาชีพอิสระแบบงานครีเอทีฟ ขายความคิด ขายไอเดีย หรือกลุ่มนักเขียน ก็ควรจะทำบัญชีรายรับด้วยเช่นกัน บันทึกรายได้ให้ละเอียดว่ารับมาจากบริษัทไหน อย่างไร และเก็บหลักฐานการรับเงินจากผู้ว่าจ้าง ซึ่งหากผู้ว่าจ้างเป็นนิติบุคคล ส่วนใหญ่จะมีเอกสารจัดส่งให้ แต่ถ้าผู้ว่าจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดา ก็อาจจะให้เขาเขียนเป็นหนังสือว่าจ้างเป็นหลักฐานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
2. ประวัติรายได้ผ่านแบงก์
ข้อนี้สำคัญมาก ต้องมีประวัติทางการเงินผ่านแบงก์ โดยถ้ารายได้เข้ามาในรูปแบบเงินสด อาจจะค้าขายด้วยเงินสด ไม่ได้มีธุรกรรมผ่านบัญชีธนาคาร รายได้ที่เข้ามาต้องนำไปฝากบัญชีธนาคารต่อเนื่อง ถ้าเข้าบัญชีทุกวันได้จะดีมาก แต่ถ้าไม่สะดวก อาจจะเป็นทุกสัปดาห์ หรือถ้าเป็นงานใหญ่ๆ แบบงานครีเอทีฟที่อาจจะได้เงินเป็นก้อนเดือนละครั้ง ก็ควรนำรายได้เข้าแบงก์สม่ำเสมอ ซึ่งประวัติรายได้ส่วนนี้ ควรจะสอดคล้องกับบัญชีรายได้ที่จัดทำด้วย เช่น ในสมุดบัญชีรายได้ที่บันทึกรายได้แล้ว อาจจะมีหมายเหตุระบุไว้ด้วยว่า นำเข้าบัญชีธนาคารแล้วเมื่อวันที่ …… เป็นต้น
ข้อนี้สำคัญมาก ต้องมีประวัติทางการเงินผ่านแบงก์ โดยถ้ารายได้เข้ามาในรูปแบบเงินสด อาจจะค้าขายด้วยเงินสด ไม่ได้มีธุรกรรมผ่านบัญชีธนาคาร รายได้ที่เข้ามาต้องนำไปฝากบัญชีธนาคารต่อเนื่อง ถ้าเข้าบัญชีทุกวันได้จะดีมาก แต่ถ้าไม่สะดวก อาจจะเป็นทุกสัปดาห์ หรือถ้าเป็นงานใหญ่ๆ แบบงานครีเอทีฟที่อาจจะได้เงินเป็นก้อนเดือนละครั้ง ก็ควรนำรายได้เข้าแบงก์สม่ำเสมอ ซึ่งประวัติรายได้ส่วนนี้ ควรจะสอดคล้องกับบัญชีรายได้ที่จัดทำด้วย เช่น ในสมุดบัญชีรายได้ที่บันทึกรายได้แล้ว อาจจะมีหมายเหตุระบุไว้ด้วยว่า นำเข้าบัญชีธนาคารแล้วเมื่อวันที่ …… เป็นต้น
เทคนิคสำคัญอีกอย่าง ถ้ารายได้ที่เข้ามาเป็นเงินสด แนะนำให้นำเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารก่อนที่จะถอนออกไปใช้จ่ายส่วนตัวในชีวิตประจำวัน
หมายเหตุ : กลุ่มพนักงานประจำที่ทำงานในบริษัทขนาดเล็ก ไม่มีสลิปเงินเดือน หรือไม่มีเอกสารรับรองการจ่ายเงินเข้าแบงก์ ถ้ารับเป็นเงินสด ให้นำคล้ายกัน นั่นคือ นำเงินไปเข้าแบงก์เป็นประจำ และควรนำเงินเข้าแบงก์ก่อนนำไปใช้ เพื่อให้โชว์รายได้เต็มจำนวนที่ได้รับ ส่วนถ้ารับเป็นเงินโอนเข้าบัญชีธนาคารจะง่ายขึ้น เพราะอย่างน้อยจะเห็นรายได้ที่เข้ามาต่อเนื่อง
3. ประวัติทางการเงินที่ดี
ข้อนี้จะคล้ายกับคนทุกอาชีพที่ต้องการยื่นกู้ นั่นคือ ต้องไม่มีประวัติเสียในเรื่องการเงิน เครดิต ไม่มีหนี้ค้างชำระ ไม่มีการผ่อนสินค้าจำนวนมากตอนที่ยื่นกู้ หรือต้องไม่มีประวัติการใช้เงินต่อเนื่องจากบัตรกดเงินสด
ข้อนี้จะคล้ายกับคนทุกอาชีพที่ต้องการยื่นกู้ นั่นคือ ต้องไม่มีประวัติเสียในเรื่องการเงิน เครดิต ไม่มีหนี้ค้างชำระ ไม่มีการผ่อนสินค้าจำนวนมากตอนที่ยื่นกู้ หรือต้องไม่มีประวัติการใช้เงินต่อเนื่องจากบัตรกดเงินสด
คำว่าประวัติทางการเงินที่ดี ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยกู้เงินมาก่อนเลย ต้องเคยมีประวัติทางการเงินมาบ้าง อาจจะบัตรเครดิตสัก 1-2 ใบ (ไม่ควรจะมีมาก) อาจจะมีประวัติการผ่อนสินค้า แล้วก็ชำระตรง ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนวินัยทางการเงิน เพราะถึงจะไม่มีประวัติเสียมาก่อน จากการที่ไม่เคยมีประวัติทางการกู้ยืมมาก่อนเลย ก็อาจจะไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก
สรุปก็คือ มีบัตรเครดิต เคยกู้วงเงินส่วนบุคคลได้ แต่ต้องมีประวัติการชำระเงินที่ดี ไม่เคยมีประวัติค้างชำระ เพียงแค่ในช่วงที่กำลังยื่นกู้นั้น ยอดกู้วงเงินส่วนบุคคลเหล่านั้น ควรจะปิดจบเรียบร้อย จะมีโอกาสในการผ่อนชำระที่ดีขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเคล็ดลับคร่าวๆ ให้กู้ผ่านของกลุ่มอาชีพอิสระ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว อาจจะมีองค์ประกอบอื่นๆ เช่น ประเภทของธุรกิจที่ทำอยู่นั้น ความมั่นคง มีโอกาสในอนาคตที่ดีหรือไม่ แนวโน้มของธุรกิจเป็นอย่างไร ขาขึ้น ขาลง ฯลฯ เข้ามาเสริมในการพิจารณาด้วย
สุดท้ายนี้สามารถติดตามข่าวอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจและลงประกาศขายบ้านหรือคอนโดฯ ฟรีได้ที่นี่