ฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นปัญหาที่คนไทยต้องเผชิญกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่นานมานี้เว็บไซต์ Airvisual รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศทั่วโลก พบว่า กรุงเทพฯ มีค่าอากาศที่มีมลพิษสูงติดอันดับ 3 ของโลก
เครื่องฟอกอากาศ จึงเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงเวลาที่อากาศเป็นพิษ ลองมาดูเทคนิคในการเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุดได้ที่นี่
เช็กพื้นที่เสี่ยง ฝุ่น PM 2.5 พร้อมวิธีรับมือ
1. พิจารณาขนาดของห้อง
การพิจารณาขนาดของห้อง เป็นการบ่งบอกว่าเครื่องที่เราจะซื้อมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศพอเพียงกับห้องของเราหรือไม่ เช่น ถ้าห้องขนาดใหญ่ ก็จำเป็นต้องซื้อเครื่องตัวใหญ่ เพราะถ้าใช้เครื่องตัวเล็กไป มันก็จะทำงานหนักและไม่สามารถลดฝุ่นลงถึงระดับที่ปลอดภัยได้ ในทางกลับกัน ถ้าห้องเล็ก แต่ซื้อเครื่องใหญ่ ก็จะทำให้เปลืองไฟ
2. ดูชนิดของแผ่นกรองที่ให้มากับเครื่อง
เครื่องฟอกอากาศมีหลายรุ่น กรองฝุ่นได้หลายระดับ ดังนั้นก่อนซื้อควรเช็กดูว่าชนิดของแผ่นกรองที่ให้มากับเครื่องมีความละเอียดเพียงพอจะกรองฝุ่น PM 2.5 หรือไม่ โดยแผ่นกรองระดับที่เหมาะสมที่สุดนั้นเรียกว่า เฮปป้า ฟิลเตอร์ (HEPA filter) จะดักจับฝุ่นละเอียดได้ในปริมาณมาก ในราคาที่ไม่แพงเกินไป
ขณะที่บางยี่ห้อ อาจจะเป็นแผ่นกรองที่ความละเอียดต่ำกว่า อย่างระดับ EPA (เช่น รุ่น E10 E11 E12 ซึ่งไม่ดีเท่ากับเฮปป้า H13 H14) เพราะมีราคาถูกกว่าสามารถใช้การได้ แต่ต้องใช้เวลานานกว่าในการกำจัดฝุ่นจากในห้องนั้น เมื่อเทียบกับแผ่นกรองระดับเฮปป้า
5 ปัจจัยเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้มค่า
3. สำรวจสเปกของเครื่อง
