ปัจจุบันการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบ Single Use หรือที่อยู่อาศัยแนวราบ และคอนโดมิเนียม ไม่สามารถตอบโจทย์ความคุ้มค่าในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินที่มีราคาแพงมาก ๆ บนทำเลใจกลางเมืองได้ เหล่าผู้พัฒนาโครงการ จึงต้องคัดสรรโปรเจกต์พัฒนาโครงการที่มีความคุ้มค่า และเหมาะสมกับที่ดินใจกลางเมืองให้มากที่สุด
หนึ่งในโปรเจกต์ที่น่าสนใจที่สุดในเวลานี้ก็คือ โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use) เทรนด์อสังหาฯ ใหม่ที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนเมืองในช่วงเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา และตลอดเวลาโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use) เหล่านี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนกรุงเทพฯ ได้ดีกว่าโครงการแบบ Single Use ทั่วไป
Mixed-Use คืออะไร?
มิกซ์ยูส (Mixed-Use) คือ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างขึ้นเพื่อการอยู่อาศัย และพาณิชกรรมบนพื้นที่เดียวกัน ภายในพื้นที่โครงการจะประกอบไปด้วย คอนโดมิเนียม โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า พื้นที่ Retail ให้เช่า เป็นต้น และส่วนใหญ่โครงการ มิกซ์ยูส (Mixed-Use) มักจะถูกพัฒนาให้เกิดขึ้นในเมือง โซนที่เป็นธุรกิจ หรือบริเวณ CBD ของกรุงเทพมหานคร หรือบริเวณรอบนอกของเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจขนาดใหญ่ของทำเลนั้น ๆ อาทิ บางนา-ศรีนครินทร์ แจ้งวัฒนะ เป็นต้น
5 โครงการ Mixed-Use น่าสนใจในกรุงเทพฯ
โครงการ Mixed-Use
|
ทำเลที่ตั้ง
|
1.สามย่าน มิตรทาวน์ (Samyan Mitrtown)
| |
2.ทรู ดิจิทัล พาร์ค (True Digital Park)
|
ปุณณวิถี
|
3.ไอคอนสยาม (ICONSIAM)
| |
4.วัน แบงค็อก (One Bangkok)
|
พระราม 4
|
5.เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias)
|
1.สามย่าน มิตรทาวน์ (Samyan Mitrtown)

สามย่าน มิตรทาวน์ โครงการ Mixed-Use ใกล้จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย จาก บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ภายในพื้นที่ประกอบไปด้วยโซนอาคารสำนักงาน โซนรีเทล ตลอดจนโซนสิ่งอำนวยความสะดวก ที่สร้างมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์กลุ่มนักศึกษาเป็นหลัก ทั้ง Co-learning space, Fitness และโรงภาพยนตร์

ถือเป็นหนึ่งในโครงการ Mixed-Use ที่ทำออกมาได้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และเหมาะกับดีมานด์ส่วนใหญ่อย่างกลุ่มนักศึกษาบนพื้นที่ โดยมีที่พักอาศัยรูปแบบคอนโดมิเนียมอย่างโครงการ Triple Y Residence ที่เป็นคอนโดมิเนียม Leasehold ในราคาเริ่มต้นประมาณ 5 ล้านบาท
2.ทรู ดิจิทัล พาร์ค (True Digital Park)

โครงการ True Digital Park จาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ตั้งอยู่ติดกับ BTS ปุณณวิถี โดยสามารถเดินเข้าห้างสรรพสินค้าด้วยทางเชื่อมบนสถานีรถไฟฟ้าได้เลย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโครงการ Mixed Use ที่พัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์กลุ่มผูบริโภคระดับกลาง กลุ่มพนักงานออฟฟิศมากที่สุด
ภายในโครงการจะประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้า Whizdom 101 สำนักงานออฟฟิศ และคอนโดมิเนียมถึง 3 โครงการ เป็นแบรนด์คอนโดมิเนียม Whizdom จาก MQDC ประกอบไปด้วย Whizdom Connect , Whizdom Essence และ Whizdom Inspire โดยทั้ง 3 โครงการถือเป็นคอนโดมิเนียมในเซกเมนต์ระดับกลางที่ทุกคนสามารถเอื้อมถึงได้ในราคาเริ่มต้นที่ประมาณไม่เกิน 4-5 ล้านบาท
3.ไอคอนสยาม (ICONSIAM)

พูดถึงโครงการ Mixed Use ในกรุงเทพมหานคร คงไม่พูดถึงที่นี่ไม่ได้ ICONSIAM โครงการ Mixed-Use ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบนถนนเจริญนคร อีกหนึ่งโครงการระดับ Luxury จากการลงทุนของ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศไทย คือ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) โดยมีจุดเด่นหลักของโครงการ ก็คือห้างสรรพสินค้าที่มีความหรูหรา ไฮโซ รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมไว้มากมายอย่าง ICONSIAM

ส่วนโครงการที่เป็น Residence บนพื้นที่ก็ไม่น้อยหน้าโครงการ Mixed Use ที่ไหน เรียกได้ว่าเป็นที่อยู่อาศัยแนวคอนโดมิเนียมระดับ Top ของประเทศไทยก็ได้กับโครงการ The Residences at Mandarin Oriental โครงการที่พักอาศัยระดับ Ultra Luxury แบรนด์ “แมนดาริน โอเรียนเต็ล” โครงการแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยกรรมสิทธิ์ Freehold ของทำเลริมโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา กับราคาเริ่มต้น ณ วันเปิดตัวที่ 50 ล้านบาท และไม่แน่ใจว่าปัจจุบันพุ่งทะยานไปที่ราคาเท่าไหร่แล้ว
4.วัน แบงค็อก (One Bangkok)

One Bangkok อีกหนึ่งโครงการ Mixed-Use ใจกลางเมืองที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ เมกะโปรเจกต์จาก บริษัทในเครือของเจ้าสัวเจริญ ที่เรียกได้ว่ารวบรวมเอาความเป็นที่สุดของระดับประเทศมาไว้ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อต้องการชูให้โครงการ One Bangkok กลายเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก บนทำเลที่ตั้งใจกลางเมืองอย่างแยกถนนพระราม 4 กับถนนวิทยุ

สำหรับตัวโครงการ One Bangkok ถูกพัฒนาบนพื้นที่โครงการขนาดกว่า 104 ไร่ ประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียวภายในโครงการกว่า 50 ไร่ และอาคารสูงกว่า 10 อาคาร อาทิ อาคารสำนักงาน โรงแรมระดับ 6 ดาว อาคารหอประชุม และยูนิตที่พักอาศัยระดับ Ultra Luxury ที่มีการเผยราคาออกมาราว ๆ ไม่เกิน 700,000 บาทต่อตารางเมตร
5.เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias)

เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) โครงการ มิกซ์ยูส (Mixed Use) ขนาดใหญ่บน ทำเลบางนา จากผู้พัฒนา MQDC บริษัทในเครือกลุ่มซีพี ด้วยการเฟ้นหาที่ตั้งโครงการที่อยู่นอกเมืองอย่างโซนบางนา รูปลักษณ์ของโครงการนี้จึงค่อนข้างจะแตกต่างจากโครงการอื่น ๆ ที่อยู่ในเมืองพอสมควร โดย Concept ของโครงการจะเป็นเมืองผสมป่า ทำให้ในโครงการมีพื้นที่สีเขียวพื้นที่ป่าส่วนกลางกว่า 30 ไร่

ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 หากใครที่ผ่านโซนนั้นบ่อย ๆ จะเห็นป้ายรั้วโครงการทอดยาวบนถนนบางนา-ตราด ด้วยพื้นที่กว่า 300 ไร่ ภายในโครงการจึงประกอบไปด้วยยูนิตที่พักอาศัยทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ รวมไปถึง Residence สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งมีสัดส่วนที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่ 55% ส่วนอีก 45% จะเป็นพื้นที่ของอาคารสำนักงาน โรงแรม โซนร้านค้า Medical Center และโรงเรียนอนุบาล
ทำไม Mixed-Use ถึงน่าลงทุน?
ความน่าสนใจของโครงการ มิกซ์ยูส (Mixed-Use) คือ ทำเล ซึ่งส่วนใหญ่จะมีที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง ถือเป็นจุดเด่นหลัก ๆ สำหรับการดึงดูดนักลงทุน และนอกจากนั้นแต่ละโครงการยังมีการชูจุดเด่นอื่น ๆ นอกจากทำเลด้วย ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการว่าต้องการชูจุดเด่นด้านใด อาทิ ไอคอนสยาม ก็จะชูจุดเด่นของพื้นที่ Retail สรรพสินค้าบนทำเลริมน้ำ หรืออย่างสิงห์ คอมเพล็กซ์ ที่ตั้งอยู่บนโซน CBD อย่างอโศก ก็ชูจุดเด่นของพื้นที่พาณิชยกรรม อาคารสำนักงานให้เช่า
หรืออย่าง The Forestias ซึ่งถึงแม้จะอยู่บริเวณชานเมืองอย่าง บางนา แต่ก็มีความน่าสนใจ และน่าลงทุนมาก จากจุดเด่นในเรื่องของการอยู่อาศัย มีความร่มรื่น ถือเป็นป่าในเมืองขนาดใหญ่ และมีการจัดสรรพื้นที่ให้สามารถทำกิจกรรมได้หลายรูปแบบ ตลอดจนโครงการ มิกซ์ยูส (Mixed-Use) อื่น ๆ ก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะนักลงทุน เจ้าของบริษัท ที่ต้องการมีออฟฟิศ สำนักงาน ใกล้ที่อยู่อาศัยของตนเอง ตลอดจนนักลงทุนที่ต้องการปล่อยเช่านักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาติดต่อธุระในประเทศไทย
Mixed-Use เหมาะกับใคร?
อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use) แต่ละแห่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป และในปัจจุบันโครงการเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาบนทำเลใจกลางเมืองอย่างเดียวแล้ว แต่มีการคัดสรรทำเลชานเมืองที่มีดีมานด์ที่อยู่อาศัยสูง อาทิ พระราม 3 พระราม 9 บางนา เป็นต้น มาพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use) ที่เน้นด้านการอยู่อาศัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายในโครงการมีทั้งที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และมีพื้นที่ในการทำกิจกรรมอื่น ๆ นอกจากห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงาน ซึ่งก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป และส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยในโครงการอีกด้วย
ดังนั้นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ให้ความสนใจโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use) จึงมักเป็นกลุ่มผู้บริโภคระดับบน นักลงทุน เพราะราคาเริ่มต้นของคอนโดมิเนียม หรือที่อยู่อาศัยในโครงการจะค่อนข้างแพง หรือมีราคาต่อตารางเมตรมากกว่าที่อยู่อาศัยแบบ Single Use บนทำเลเดียวกัน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความครบครันสะดวกสบาย ถึงแม้ตัวโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use) เองจะไม่ได้ตั้งอยู่บนทำเลที่มีความสะดวกสบายเท่าในตัวเมือง แต่หากภาพรวมของโครงการมีความหรูหรา ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตการเป็นอยู่อาศัยที่ดีได้ ตลอดจนการดีไซน์ออกแบบ การตั้งราคาขายก็ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงกับราคาอสังหาฯ ในโซนนั้น ๆ เลย ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาจะพัฒนาออกมาในรูปแบบใด เจาะกลุ่มเป้าหมายประเภทใดมากกว่า
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า