ในยามที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนต้อง Work from Home เรามักหลงลืมไปว่าตารางชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะกิจกรรมบางอย่างที่เคยทำก่อนหน้านี้ก็ถูกตัดออกไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย การหาร้านอาหารอร่อย ๆ กินหลังเลิกงาน การเล่นกับลูก ๆ หรือสัตว์เลี้ยงเมื่อกลับถึงบ้าน หรือการคลายเครียดด้วยการดูหนัง แต่หลายคนใช้เวลาทั้งหมดนี้มาทุ่มเทกับการทำงานที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเกือบถึงเข้านอน เรียกได้ว่านาฬิกาชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปส่งผลให้เกิดความเครียดสะสมและทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพกายและใจตามมา ดังนั้นเราต้องสร้างสมดุลให้ชีวิตในยามที่ต้อง Work From Home ด้วยเช่นกัน โดยการจัดสรรเวลาเพื่อ Work-Life Balance หรือจัดการตารางชีวิตให้สมดุล ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. กำหนด To do list ของวันให้ชัด และอย่าลืมช่วงพักเบรก
ในการ Work From Home ควรทำ To do list หรือสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันเพื่อวางแผนและทำให้มั่นใจว่าเราสามารถทำงานได้ครบและเสร็จทันตามกำหนด เป็นการสร้างวินัยในการทำงานและอำนวยความสะดวกให้หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานที่ต้องรับงานจากเราไปทำต่อ
อีกเรื่องที่สำคัญคือ อย่าลืมการจัดนาฬิการชีวิตให้เหมาะสม โดยจัดเวลาพักในแต่ละช่วงวัน เนื่องจากการ Work From home ส่วนใหญ่ เรามักจะวุ่นอยู่กับงานตรงหน้าจนลืมมื้ออาหารเที่ยง การกำหนดช่วงเวลาพักในตารางเวลาของวันจะช่วยให้เราได้หยุดพักทั้งร่างกายและสมองจนสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง อาจจะลองกำหนดเวลาพักกินข้าวเป็นช่วงเที่ยงตรง และพักเบรกเล็ก ๆ ช่วงบ่ายสามโมงของวันดูก็ได้
2. ตัดสิ่งรบกวนรอบตัว
แม้รอบตัวจะมีเสียงรบกวนต่าง ๆ อย่างเสียงเพื่อนบ้าน รถวิ่ง โทรทัศน์ที่พ่อแม่ดูอยู่ เสียงลูก ๆ กำลังเล่นกัน การใส่หูฟังเพลงเบา ๆ ก็ช่วยให้เราสามารถเพ่งสมาธิกับงานตรงหน้าได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ควรสื่อสารกับคนในครอบครัวให้เข้าใจว่าเรากำลังทำงาน ต้องใช้สมาธิสูง เพื่อให้เข้าใจว่าไม่ควรเข้ามารบกวนในบริเวณที่เราทำงาน พร้อมทั้งบอกเวลาทำงานและเลิกงานให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในครอบครัว
จัดบ้าน-จัดห้องคอนโด ให้เหมาะกับ Work from Home
มาดูวิธีการจัดบ้าน-จัดห้องคอนโด ให้เหมาะกับ Work from Home ได้ที่นี่

3. เตรียมพร้อมสื่อสารกับทีม
การทำงานที่บ้านคนเดียวอาจทำให้รู้สึกถูกตัดขาด เกิดความเหงาและเครียดได้ การใช้โปรแกรมประชุมออนไลน์ ไลน์แชทกลุ่ม จะช่วยให้เราไม่รู้สึกอยู่คนเดียวแต่ยังมีเพื่อนร่วมงานคอยสนับสนุนและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องงาน การมีบัดดี้ไว้คอยแชทส่งข้อความปรึกษางานก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
โปรแกรมประชุมออนไลน์แนะนำ
โปรแกรม | รายละเอียด |
Google Meet | ต้องมี Gmail เข้าร่วมได้สูงสุด 100 คน พร้อมฟีเจอร์แชร์หน้าต่าง รูปภาพ และเอกสาร |
Microsoft Team | ต้องมี Hotmail หรือ Outlook จุคนได้ถึง 250 คน จุดเด่นคือไม่จำกัดเวลาประชุม และถอดเสียงเป็นคำบรรยายหรือ Live Caption ได้ด้วย |
Zoom | จุดเด่นคือปรับแต่งภาพพื้นหลังให้ดูสนุกขึ้นได้ แชร์ไฟล์ รูปภาพ หรือเอกสารจาก Google Drive ได้ จุคนได้สูงสุด 100 คน ประชุมได้นาน 40 นาทีหากเป็นเวอร์ชั่นฟรี และมี Whiteboard ให้เขียนได้ |
Discord | สามารถสร้างห้องประชุมได้หลาย ๆ ห้อง และเข้าร่วมได้สะดวก แชร์หน้าจอในขณะที่คนอื่นแชร์ได้ด้วย |
Line Meeting | จุคนได้ 200 คน รองรับคนดู Live ได้ถึง 500 คน ใช้รูปภาพพื้นหลัง เอฟเฟกต์ และฟิลเตอร์ ได้เหมือน Video call และไม่ต้องสร้างกลุ่มเพื่อใช้ในการประชุม |
4. แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว วางทุกอย่างเมื่องานเสร็จ
ข้อเสียของการ Work from Home คือ พื้นที่ทำงานกับพื้นที่ส่วนตัวมักอยู่รวมกัน ซึ่งทำให้บางคนเกิดความเครียดจากที่ไม่สามารถปล่อยวางเรื่องงานได้ สิ่งที่ควรทำคือ หลังจากจบชั่วโมงการทำงานแล้วให้เก็บเครื่องมือการทำงาน รวมทั้งสิ่งที่ทำให้นึกถึงงานให้พ้นจากสายตาทั้งหมด แล้วไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ออกกำลังกาย รดน้ำต้นไม้ ดูหนัง ทำกับข้าว ฯลฯ เพื่อลดความเครียดและฟื้นฟูพลังงานในร่างกายเตรียมพร้อมกับการทำงานในวันต่อไป

5. หาโอกาสพัฒนาตัวเองจากความเปลี่ยนแปลง
การทำงานที่บ้านอาจเกิดความขลุกขลักจากการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อดีไม่น้อย ทั้งการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่คุ้นเคย หลายคนมีโอกาสหันมาจัดบ้านใหม่ให้เหมาะสมกับที่ต้องอยู่ทั้งวันมากขึ้น
การไม่ต้องเดินทางเองก็ทำให้เรามีเวลามากขึ้น เราสามารถเอาเวลาไปอ่านหนังสือ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือแม้แต่สิ่งง่าย ๆ ในบ้านที่เมื่อก่อนอาจไม่มีโอกาสได้ทำหากต้องเดินทาง เช่น ทำอาหารกินเอง ใช้เวลาพูดคุยกับคนที่บ้านมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ เราจะสามารถมองเห็นได้จากการคิดในแง่บวก ไม่แน่ว่าการ Work from Home อาจจะเป็นแรงบันดาลใจใหม่ให้ชีวิตเจอเป้าหมายใหม่ที่สำคัญก็เป็นได้
ความจริงแล้วการ Work from Home ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป ตราบใดที่เรายังสามารถสร้างจุดสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้ ไม่ว่าทำงานที่ไหน เราก็ Work-Life Balance พร้อมสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพได้เสมอ
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า