พาร์ค 168 นพรัตน์ รามอินทรา (Park 168 Nopparat Ramindra) จาก บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) คอนโดมิเนียม High Rise 25 ชั้น 3 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยรวม 1,224 ยูนิต อาคารจอดรถและสระว่ายน้ำ สูง 8 ชั้น 1 อาคาร แต่ละอาคารมีห้องพักอาศัยเพียงอาคารละ 408 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัว ไม่แออัด ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีนพรัตนราชธานี ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
หนึ่งในผู้ประกอบการณ์ที่มีชั่วโมงการบินของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 20 ปี และเน้นผลิตโปรดักส์ที่มีคุณภาพตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปอย่าง บริษัท นารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้แตกแบรนด์ลูกออกมาเป็น บริษัท นารายา เพื่อผลิตโครงการระดับล่าง และจับเอาพื้นที่ติดรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันมาพัฒนาโครงการ เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ด้วยความสดใหม่ของทำเล ประกอบกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินที่เป็น New Location ใหม่สำหรับอาคารสูง จึงทำให้ที่ดินยังคงไม่แพงมาก และสามารถพัฒนาโครงการออกมาไม่ต่างจากคอนโดมิเนียมราคา 3-4 ล้านในตัวเมืองที่มี Facility ขนาดใหญ่ แต่โครงการ เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า กลับมีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาทเท่านั้น โดยกลุ่มคนที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 25,000 – 30,000 บาทก็มีโอกาสที่จะกู้สินเชื่อเพื่อหาที่อยู่อาศัยในระดับราคานี้ได้ไม่ยาก โดยสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่นี่
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: เดอะ พาร์คแลนด์ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า (The Parkland Charan – Pinklao)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท นายารา จำกัด ในเครือบริษัท นารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ถนนจรัญสนิทวงศ์ 42 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700
เว็บไซต์: http://www.naraiproperty.com
โทร: 02-424-1999
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 11-2-75 ไร่
ลักษณะโครงการ: อาคารสูง 22 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 1,784 ยูนิต ร้านค้า 4 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มคนพื้นที่, พนักงานเงินเดือนตั้งแต่ 25,000 – 30,000 บาทขึ้นไป
เริ่มก่อสร้าง: ประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2560
คาดว่าจะแล้วเสร็จ: ประมาณเดือน กรกฎาคม 2562
ลิฟท์: ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ต่อ อาคาร, Service Lift อาคารละ 1 ตัว, ลิฟต์ Double Sky Lounge 1 ตัว ที่อาคาร C
ที่จอดรถ: 925 คัน หรือ 51 % (รวมจอดซ้อนคัน)
ที่จอดรถ 1 คันต่อยูนิต (ไม่ประจำ) สำหรับห้อง 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
ที่จอดรถ 1 คันต่อยูนิต (ประจำ) สำหรับห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
สิ่งอำนวยความสะดวก: Triple Sport Facilities, Sauna แยกชาย-หญิง, Double Yoga Fly Lounge, Boxing Corner, Double Sky Lounge, Jogging Track, Mini-theater Room, Golf Simulator Room, Co-working Space, Meeting Room, Roof Top Garden, สวนหย่อมรอบโครงการ 3.18 ไร่
ระบบรักษาความปลอดภัย: ระบบ CCTV, Access Card, รปภ. รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
เงื่อนไขการชำระเงิน
จอง : 5,000 บาท
ทำสัญญา : 1 ห้องนอน 50,000 บาท และ 2 ห้องนอน 80,000 บาท
ดาวน์ : 10 % ผ่อนดาวน์ 30 งวด
เงินกองทุนสะสม: 450 บาท ต่อ ตารางเมตร (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าส่วนกลาง: 45 บาท ต่อ ตารางเมตร ต่อ เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์) *ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แล้วแต่นิติบุคคลอาคารชุด
ราคาเริ่มต้น: 1.91 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: 90,000 บาท ต่อ ตารางเมตร
รูปแบบห้อง
ห้องสตูดิโอ ขนาด 24 ตร.ม.
1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.00 – 45.00 ตร.ม.
2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 45.00 – 49.50 ตร.ม.
2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 60.00 – 75.00 ตร.ม.
สามารถรับชมห้องตัวอย่างแบบ 360 องศาได้ที่นี่
Type 1C 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม.
Type 1F 1 ห้องนอน ขนาด 34.50 ตร.ม.
Type 2B 2 ห้องนอน ขนาด 47 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า
โครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ถือเป็นโครงการใหม่บนแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินที่มีตำแหน่งของโครงการใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันที่ 20 ม. ซึ่งถือเป็นจุดเด่นหลักๆ สำหรับตัวโครงการภายนอก ส่วนภายในโครงการเองด้วยพื้นที่ดิน 11 ไร่กว่า แต่อยู่ในรูปแบบของที่ดินตอนลึก จึงทำดีเวลลอปเปอร์พัฒนาอาคารที่พักอาศัยออกมาด้วยกันถึง 3 Tower ตามแนวที่ดิน โดยมียูนิตรวมทั้งหมดที่ 1,784 ยูนิต และมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ โดยสิ่งอำนวยความสะดวกจะกระจุกตัวอยู่บริเวณชั้น 4 ที่เป็นฐานอาคารยื่นออกมา และเชื่อมต่อทุกอาคารให้สามารถเดินถึงกันได้หมด
จากตัวอาคารไปถึงถนนจะอยู่ห่างกันประมาณ 40 ม. ซึ่งเป็นระยะห่างที่พอจะช่วยลดมลภาวะทางเสียงของการจราจรได้
จากแนวที่ดินด้านหน้าฝั่งที่ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ไปจนถึงที่ดินด้านในสุดของโครงการจะมีความยาวประมาณ 300 ม. ดังนั้นการใช้พื้นที่ส่วนกลางที่อยู่บริเวณชั้น 4 ของลูกบ้านไม่ว่าจะอยู่อาคารไหนจะสามารถเดินไปยังส่วนกลางต่างๆ ได้ไม่เกินระยะ 300 ม. แต่ทั้งนี้ผู้อยู่อาศัยที่อยู่ Tower C ถ้านับระยะเดินจากปากทางเข้าโครงการไปถึงตัว Tower ก็จะอยู่ที่ 300 ม. เช่นกัน ดังนั้นการเข้าออกโครงการที่ระยะรวม 600 ม. ในระยะเดินจึงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็แลกมากับส่วนกลางสระว่ายน้ำขนาด Olympic Size ที่ตั้งอยู่บริเวณ Tower C รวมไปถึง Double Sky Lounge ที่ชั้น 21-22 พร้อม Roof Top Garden ชมวิวเมืองแบบ 360 องศา
ในส่วนของส่วนกลาง Tower B ที่ชั้น 4 จะมี Sunken Seat และมีส่วนกลาง พร้อม Triple Sport Facility ที่ประกอบไปด้วยห้อง Fitness, Yoga Fly และ Sauna แยกหญิงชาย
ส่วน Tower A ที่ใกล้กับทางเข้ามากที่สุดถึงจะมีส่วนกลางเป็นมีสวยสวยขนาดไม่ใหญ่มาก และจำเป็นต้องเชื่อมต่อไปยังส่วนกลางอื่นๆ ไกลกว่า Tower อื่นๆ แต่ก็ยังได้รับข้อดีจากการเป็น Tower ที่ใกล้กับทางเข้าโครงการมากที่สุด รวมไปถึงตำแหน่งของยูนิตร้านค้าทั้งหมดก็อยู่บริเวณ Tower A
ส่วนของที่จอดรถทุกอาคารจะมีลานจอดรถใต้อาคารตั้งแต่ชั้น 1 – 3 โดยทุกชั้นจะมีลิฟท์เชื่อมต่อไปสู่ยูนิตที่พักอาศัยที่ชั้น 5 – 22 ได้เลย โดยในหนึ่ง Tower จะมีลิฟท์ด้วยกัน 3 ตัวต่ออาคาร แต่ละ Tower จะแบ่งอัตราเฉลี่ยของยูนิตต่อลิฟท์ได้ที่อัตราส่วนดังนี้ อัตราส่วนลิฟท์อาคาร A 1 : 181, อัตราส่วนลิฟท์อาคาร B 1 : 186, อัตราส่วนลิฟท์อาคาร C 1 : 228 โดยในหนึ่งชั้นจะมีอัตราเฉลี่ยของยูนิตอยู่ที่ประมาณ 25 – 32 ยูนิต
การวางทิศทางโครงการ
หน้าโครงการหันออกไปทาง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ค่อนไปทางทิศตะวันตก ซึ่งในที่นี้ขอนับบริเวณที่หันออกไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์หรือด้านหน้าโครงการให้หันออกไปทางทิศตะวันตก และด้านหลังโครงการเป็นทิศตะวันออก ซึ่งในตำแหน่งนี้ ถ้าเป็นอาคาร C จะมียูนิตที่ตั้งอยู่ตามแนวทิศตะวันออกที่สามารถเทควิวสะพานพระราม 8 ได้ หากอยู่ชั้นสูงๆ ที่ประมาณชั้น 15 ขึ้นไป อาจจะเห็นวิวแม่น้ำเข้าพระยาเลย หากเป็นอาคาร A และ B อาจจะเห็นวิวพระราม 8 เยื้องๆ แต่ไม่สามารถเทควิวเมืองเต็มๆ ได้ เพราะติด Layout ของอาคาร C ที่อยู่ด้านในสุด
ทิศเหนือ: ติดกับอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 3 ชั้น ถัดไปจะเป็นซอยจรัญสนิทวงศ์ 44 จะมีทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว อยู่บ้าง จากมุมระเบียงของยูนิตทิศนี้จะสามารถเทควิวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้
ทิศตะวันออก: ทิศตะวันออกเป็นพื้นที่ด้านในสุดของโครงการ อยู่ติดกับพื้นที่ดินในซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 และซอยจรัญสนิทวงศ์ 44 ส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยทั้ง 2 ซอยนี้ หรือบริเวณที่ติดกับรั้วโครงการด้านหลังจะเป็นบ้านเดี่ยวและอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 3 ชั้น ยูนิตที่อยู่ฝั่งนี้ของอาคาร C จะสามารถเทควิวสะพานพระราม 8 ได้
ทิศใต้: อยู่ติดกับซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 ด้านในซอยเงียบสงบไม่พลุกพล่าน ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 2 ชั้น และบ้านเดี่ยว ถัดออกมาจะเป็นโครงการที่พักอาศัยใหม่ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ห่างจากรั้วโครงการพอสมควร
ทิศตะวันตก: ถนนจรัญสนิทวงศ์ ก่อนปากทางเข้าโครงการจะมีทางกลับรถ ฝั่งตรงข้ามเป็นปั้มน้ำมัน และอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 3 ชั้น จากพื้นที่ของปั้มในอนาคตมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวดิ่งสูง เนื่องจากอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า
Master Plan
ที่ดินของโครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า เป็นที่ดินแนวลึก Layout ของอาคารจึงตั้งอยู่ตามแนวที่ดินยาวตั้งแต่บริเวณปากทางเข้าไปจรดที่ดินด้านหลัง ดังนั้นหากปากทางเข้าโครงการเป็นทิศตะวันตก ยูนิตส่วนใหญ่ก็จะหันไปทางทิศเหนือและทิศใต้ โดยที่ทิศตะวันออกด้านหลังของโครงการจะหันไปทางสะพานพระราม 8 ซึ่งส่วนใหญ่ทิศนี้จะเป็นที่ตั้งของยูนิตขนาดตั้งแต่ 30 ตร.ม. ขึ้นไปจนไปถึงห้องขนาดใหญ่ที่สุด ส่วนที่ชั้น 4 จะเป็น Podium ของอาคารที่เป็นตำแหน่งของส่วนกลางต่างๆ โดยอาคารทั้ง 3 อาคาร Tower A B C จะสามารถเดินเชื่อมต่อถึงกันได้ที่ชั้นนี้ มาที่ด้านบนสุดของอาคาร C จะมี Garden Roof Top ที่สามารถชมวิวแบบ 360 องศา พร้อม Double Sky Lounge ที่ยูนิตที่พักอาศัยทุกยูนิตสามารถมาใช้บริการได้โดยใช้ ลิฟท์แยกของ Double Sky Lounge ที่ชั้น 4 เป็นทางเชื่อมมาสู่ส่วนกลางด้านบน
Floor Plan Tower B
ยูนิตที่พักอาศัยของอาคาร B เริ่มที่ชั้น 5 แบบแปลนของอาคาร B ที่ชั้น 4-6 จะคล้ายคลึงกัน คือมีแต่ยูนิตที่หันหน้าไปทางทิศเหนือและทิศใต้ โดยจะมีส่วนกลาง Triple Sport Facility เป็นอาคาร 3 ชั้นเชื่อมต่อกับ Tower B ประกอบไปด้วยห้อง Fitness, Yoga Fly และห้อง Sauna แยกหญิงชาย
มาที่ชั้น 7 จะเริ่มมียูนิตที่หันออกไปทางทิศตะวันออกที่เป็นวิวพระราม 8 จนไปถึงบริเวณที่ชั้น 15 หลังจากนั้นจะเริ่มลดหลั่นตาม Layout ตัวอาคารจนไปถึงชั้น 18
Floor Plan Tower C
Tower C เป็นอาคารที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งริมสุดของ Layout ที่ดิน ดังนั้นโครงสร้างอาคารจึงออกมาเป็นรูปแบบตัว L และมียูนิตที่พักอาศัยที่หันไปทางทิศตะวันออกตั้งแต่ชั้น 5 – 19 เลย โดยที่ชั้น 20 จากยูนิตที่หันออกไปชมวิวพระราม 8 ที่ 7 ยูนิต จะลดเหลือ 5 ยูนิต
มาที่ชั้น 21 และชั้น 22 จะเหลือยูนิตที่หันออกไปทางฝั่งตะวันออก เพียง 2 ยูนิตเท่านั้น คือห้องแบบ 2 ห้องนอนขนาด 47.50 ตร.ม. และห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม. โดย Layout ของยูนิตที่หายไปจะกลายเป็นพื้นที่ของส่วนกลาง Double Sky Lounge ที่กินพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 21 และ 22 โดยมี Roof Top Garden อยู่ด้านบน
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
ร้านค้า
สนามเด็กเล่น
ห้องประชุม
Co Working Space
Golf Simulator Room
Mini Theater Room
Social Club
Sky Lounge 2 ชั้น
Triple Sport Facility
สระว่ายน้ำขนาดใหญ่กว่า Half Olympic ความยาว 50 เมตร
Jogging track คอนเซ็ปท์ Night park
Roof Top Garden
รีวิวภายในห้องตัวอย่าง
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
พื้น: พื้นห้องเป็นลามิเนตลายไม้สำเร็จรูป พร้อมบัวเชิงผนัง, พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.
ผนัง: ผนังห้องฉาบเรียบทาสี, ผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.
ฝ้าเพดาน: ยิปซั่มบอร์ด ผิวฉาบเรียบ ทาสี โคร่งเคร่าชุบสังกะสี
หน้าต่าง: กรอบบานอลูมิเนียม กระจกเขียวตัดแสง
พื้นจรดเพดานความสูง: ห้องสูง 2.5 ม., ห้องน้ำสูง 2.35 ม.
เฟอร์นิเจอร์: ตู้เสื้อผ้า Designed by Narai
เครื่องปรับอากาศ: ประเภทติดผนัง Spilt Type ห้องสตูดิโอ 1 เครื่อง, ห้องชุด 1 ห้องนอน 2 เครื่อง, ห้องชุด 2 ห้องนอน 3 เครื่อง
สุขภัณฑ์: American Standard หรือ เทียบเท่า
ชุดครัว: เคาท์เตอร์ครัว Designed by Narai, อ่างล้างจาน ก็อกน้ำ เตาไฟฟ้า และที่ดูดควัน เป็นของ Mex หรือ เทียบเท่า
เครื่องทำน้ำอุ่น: Hafele หรือ เทียบเท่า
ฉากกั้นอาบน้ำ: โครงการมอบให้แต่ห้องน้ำ Master เท่านั้น
ห้องตัวอย่าง Type 1C 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม.
แปลนห้องนี้เป็นแปลนห้องของห้องตัวอย่าง Type 1C เป็นห้อง 1 ห้องนอนขนาด 30 ตร.ม. Layout ของห้องจะเป็นห้องหน้ากว้างมีการแบ่งสัดส่วนของห้องด้วยผนังและบานกั้นต่างๆ แบ่งออกเป็นพื้นที่ใช้สอยของห้องครัว และห้องนั่งเล่น ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องนอน
อีกฝั่งหนึ่งจะมีชั้นเก็บรองเท้าหน้าห้อง ถัดเข้าไปจะเป็นห้องน้ำกลางของห้อง และห้องนอนที่มีบานกั้นแบบเลื่อนสองตอน
รัศมีการใช้งานของโถสุขภัณฑ์มีระยะกว้างประมาณ 1 ม. โถสุขภัณฑ์เป็นของ American Standard มีระบบกดน้ำ 2 ระดับ ด้านข้างเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าโครงการติดตั้งที่วางกระดาษชำระมาให้ด้วยเรียบร้อย พร้อมสายฉีดชำระที่ติดตั้งสำหรับใช้งานด้วยมือขวา
จากภาพจะเห็นรัศมีการเปิด – ปิดของบานกั้นส่วน ด้วยขนาดของพื้นที่อาบน้ำที่ไม่ใหญ่มาก อาจจะใช้งานลำบากในการเปิด – ปิด สำหรับคนตัวใหญ่ เพราะบานกั้นเป็นแบบผลักเข้าด้านในอย่างเดียว
เมื่อออกมาจากห้องน้ำจะเห็นตำแหน่งที่ตั้งของเคาท์เตอร์ครัว โครงการดีไซน์ให้เคาท์เตอร์มีขนาดยาวพอเหมาะ เพื่อเหลือพื้นที่ให้วางตู้เย็นประตูเดียวขนาดไม่เกิน 9 คิวได้
โครงการมอบเคาท์เตอร์ครัว ชั้นด้านบน เตาไฟฟ้า 2 หัว เครื่องดูดควัน ซิงค์น้ำ ของ Mex พร้อมติดตั้งปลั๊กไฟให้ผนังเคาท์เตอร์ครัวเรียบร้อย
ถัดมาจากเคาท์เตอร์ครัว จะเป็นพื้นที่ที่โครงการจัดสรรไอเดียให้เป็นโต๊ะรับประทานอาหาร จากภาพจะเห็นว่าหากใช้งานจริงจะสามารถใช้งานเก้าอี้ได้ตัวเดียว ถ้าจะจัดฟังก์ชั่นเป็นโต๊ะอาหารสำหรับสองคนตามตำแหน่งเก้าอี้ในภาพ ต้องลดขนาดความยาวของโซฟาลง
พื้นที่ด้านในสุดเป็นตำแหน่งที่โครงการจัดสรรให้เป็นห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียงของห้อง จากภาพผนังของห้องจริงจะเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว โครงการไม่ได้มอบผ้าม่านให้แบบในภาพ
ระเบียงมีความยาวเท่ากับความกว้างพื้นที่ใช้สอยของห้องในส่วนแรก พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.
ที่ด้านข้างระเบียงโครงการมอบที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ให้สองตัว พร้อมกริลล์สำหรับปกปิดคอมพ์แอร์จากสายตาภายนอก
ถัดมาจากห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนที่โครงการมอบบานเลื่อนกั้นส่วนให้ เป็นแบบฝังลงกับพื้นห้องป้องกันการสะดุดหกล้ม
ภายในพื้นที่ใช้สอยของห้องนอนที่โครงการจัดสรรไอเดียให้จะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ คือ เตียงนอน โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า
หากจัดสรรห้องนอนด้วยการวางเตียงขนาดประมาณ 5 ฟุต จะสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งขนาดเท่าในภาพได้ แต่หากเปลี่ยนเป็นเตียงขนาด 6 ฟุตที่กว้างกว่าประมาณ 30 ซม. อาจจะเลือกเปลี่ยนพื้นที่ข้างเตียงเป็นการวางชั้นข้างเตียง หรือโต๊ะเครื่องแป้งที่มีขนาดเล็กลง
ตู้เสื้อผ้าที่โครงการมอบให้เป็นแบบบิวท์อินกับผนังของห้อง พร้อมบานเลื่อนกระจก 2 ตอน จากภาพจะเห็นว่าตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่มาก แต่ยังคง Layout พื้นที่ใช้สอยในส่วนของการพักผ่อนรอบเตียงไว้ได้จากการดีไซน์ตู้เสื้อผ้าแบบดร็อบผนังห้องลงไป
ห้องตัวอย่าง Type 2B 2 ห้องนอนขนาด 47 ตร.ม.
แปลนห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 47.50 ตร.ม. ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือห้องครัวที่เป็นแปลนแบบครัวเปิด ถัดมาจะเป็นห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียงห้อง โดยแยกส่วนของห้องนอนเล็ก และ Master Bedroom ด้วยพื้นที่ใช้สอยห้องนั่งเล่น ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำกลาง ทุกห้องนอนจะไม่มีห้องน้ำในตัว
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นในส่วนของพื้นที่ใช้สอยบริเวณห้องรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่น ซึ่งพื้นที่ใช้ซอยส่วนนี้จะมี Layout เป็นรูปตัว L
พื้นที่หน้าห้องมีขนาดกว้างมากสามารถวางโต๊ะอาหารแบบ 4 ที่นั่งตามภาพได้สบาย ถัดไปจะเป็นในส่วนของห้องครัวปิด ที่โครงการออกแบบฟังก์ชั่นของบานกระจกกั้นให้มีทางเข้า – ออกได้ 2 ทาง
บานกั้นส่วนที่โครงการมอบให้เป็นแบบ 2 ตอนเปิดไปทางด้านซ้าย และด้านขวาเท่านั้น ส่วนตรงกลางจะเป็นผนังกั้นส่วนที่โครงการออกแบบมาให้เป็นบานกระจกไม่สามารถขยับเลื่อนได้
ด้วยความกว้างของพื้นที่ครัวปิด บริเวณพื้นที่เตรียมครัวจึงกว้างเป็นพิเศษ โครงการมอบให้ทั้งเคาท์เตอร์ครัว และชั้นวางของด้านบน ส่วนอุปกรณ์อุปกรณ์อื่นๆ ที่โครงการมอบให้จะมี Hob & Hood ซิงค์ล้างจาน แต่ไม่ได้มอบไมโครเวฟและตู้เย็นให้
ถัดมาจากห้องรับประทานอาหารจะเป็นห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียงห้อง โครงการมอบแอร์ติดผนังให้จำนวน 3 เครื่อง สำหรับ Type ห้อง 2 ห้องนอน
ระเบียงมีขนาดพอๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน โครงการเน้นฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอยในห้องมากกว่า จึงดีไซน์ในส่วนนี้ให้เป็นพื้นที่ใช้สอยขนาดพอเหมาะสำหรับยืนชมวิวสบายๆ ประมาณ 2 คน และวางคอมเพรสเซอร์แอร์ได้
ขนาดของห้องนอนที่ 2 ไม่ใหญ่มาก จากภาพจะเป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุต ทำให้มีพื้นที่เหลือในการวางโต๊ะทำงาน หากเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์น่าจะทำได้อยู่ โดยยังเหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า แต่จะไม่ได้รับฟังก์ชันของโต๊ะทำงานเท่านั้นเอง
Layout ของห้อง Master Bedroom เป็นสี่เหลี่ยมพื้นผ้า มีขนาดใหญ่พอสมควร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ชั้นข้างเตียง และโต๊ะทำงานได้
มุมด้านในสุดจะเป็นบานหน้าต่างกระจกเลื่อน 2 ตอน พร้อมบานฟิกซ์ด้านล่าง โครงการติดตั้งสัญญาณทีวีและปลั๊กไฟไว้ให้เรียบร้อยที่มุมห้อง
ภายในตู้เสื้อผ้าที่โครงการดีไซน์ด้วยการดร็อบผนังเข้าไป และใช้บานกั้นส่วนเป็นประตูปิด ทำให้ตู้เสื้อผ้ามีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างมาก
จากภาพพื้นที่ที่เหลือสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยการติดตั้งผนังเบา หรือ ผนังโครงเคร่า เพื่อทำเป็น Walk in Closet ได้เลย
ทําเล & การเดินทาง
ศักยภาพทำเลโครงการ The Park Land จรัญฯ – ปิ่นเกล้า
ปัจจุบันนอกจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็น Mass Transit หลักของคนในกรุงเทพฯ ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย และส่งผลให้เกิดการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์บริเวณแนวรถไฟฟ้าทั่วเมืองจากแผนงานการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ทำให้ดีมานด์ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเริ่มมีการตื่นตัว และมองหาคอนโดใหม่ที่อยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ด้วยปัจจัยในเรื่องของราคาอสังหาริมทรัพย์แนวรถไฟฟ้าที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ทั้งซัพพลายและดีมานด์เริ่มมองหาพื้นที่ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์การเดินทางจากรถไฟฟ้า และราคาที่เหมาะสมได้ ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงทำให้พื้นที่บริเวณที่เป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าน่าสนใจ โดยเฉพาะส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เนื่องจากเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าตามแผนงาน หากสร้างเสร็จรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะวิ่งวนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสล้อมรอบตัวเมืองชั้นในเอาไว้ และนั่นก็หมายความว่ารถไฟฟ้าสายใหม่ทุกสายที่มีการวิ่งผ่านเข้าเมือง รวมถึงสายสีเขียวอย่างสุขุมวิท และสีลม จำเป็นจะต้องมีจุดตัด (Interchange) กับโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้งหมด และจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินไปสู่สถานที่สำคัญได้ไม่ยากอย่างแน่นอนในอนาคต
ข้อดีจากข้อมูลดังกล่าว และเป็นผลกระทบที่ดีในภาคอสังหาริมทรัพย์ก็คือส่วนต่อขยายส่วนใหญ่จะมีตำแหน่งของสถานีอยู่บริเวณฝั่งธนฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดใหม่ทำให้ราคาที่ดินส่วนใหญ่ยังมีราคาไม่สูงมาก จากราคาการประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์พื้นที่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการจะมีราคาประเมินอยู่ที่ 150,000 – 200,000 บาท ซึ่งการซื้อขายจริงอาจมีราคาแพงกว่าแต่ก็ยังอยู่ในราคาที่สามารถนำที่ดินนั้นๆ มาพัฒนาโครงการในราคาจับต้องได้ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบนฐานราคาที่ไม่เกิน 3 ล้านบาทได้ www.ddproperty.com/รวมโครงการใหม่/รีวิวโครงการใหม่/ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า-3-ล้าน
ทำเลที่ตั้งโครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า
โครงการเดอะ พาร์คแลนด์ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ตั้งอยู่ติดกับรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขัน จากปากทางเข้า – ออก โครงการ อยู่ห่างจากทาง ขึ้น – ลง รถไฟฟ้าเพียง 20 ม. ในแง่ของการเดินทางจากสถานีบางยี่ขัน 1 สถานีจะไปเชื่อมต่อกับสถานีสิรินธรที่เป็น Interchange กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ – รังสิต) และสถานีบางขุนนนท์ ที่เป็นจุด Interchange ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรม) และที่ 5 สถานีก็จะเชื่อมต่อไปถึงจุด Interchange ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีเตาปูน หรือจะเชื่อมต่อไปสู่บริเวณแหล่งงานอย่างสีลม – สาธรที่เป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวก็สามารถทำได้ โดยจากสถานีบางยี่ขันไปสู่สถานีสีลม สามารถเดินทางไปได้แบบเที่ยวเดียวโดยไม่ต้องต่อรถเลย ระยะทางอยู่ที่ประมาณ 10 สถานี หรือ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น
ทั้งนี้เองด้วยส่วนกลางของที่จอดรถที่ 51% หรือ 925 คัน ก็ถือเป็นอัตราส่วนที่สามารถดึงดีมานด์ของผู้ที่ใช้รถยนต์เข้ามาได้ด้วยจากศักยภาพทำเลในเรื่องของเส้นทางคมนาคมที่อยู่ไม่ไกลจากแยกบางพลัด ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน ศรีรัช – วงแหวนรอบนอก และพร้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสาธารณูประโภค ทั้งแหล่งชอปปิ้งชั้นนำ และศูนย์บริการทางการแพทย์ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เมเจอร์ปิ่นเกล้า โรงพยาบาลศิริราช และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นอกจากการคมนาคมทางรถไฟฟ้า และรถยนต์ส่วนตัว ด้วยความที่ตำแหน่งของที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา จึงสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทางน้ำได้ด้วย โดยจะมีท่าเรือปิ่นเกล้าเป็นท่าเรือที่ใกล้กับโครงการที่สุด โดยจากโครงการมายังท่าเรือจะมีอัตราค่าบริการของวินมอเตอร์ไซค์ประมาณ 30 บาท เชื่อมต่อไปยังโรงพยาบาลศิริราชได้ง่ายและใช้เวลารวดเร็วกว่าการเดินทางบนบก หรือ จะนั่งยาวออกไปบริเวณท่าสาทร ท่าเรือที่เป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าสถานี สะพานตากสิน ก็สามารถไปถึงได้โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการนอกจากร้านค้าในตัวโครงการแล้ว ด้วยความที่เป็นแหล่งชุมชนดั้งเดิมจึงมีอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดตลอดแนว ห่างออกจากโครงการไปที่ประมาณ 2 – 3 กม. จะมีตลาดสดบางขุนนนท์ Makro จรัญฯ โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาลอยู่บริเวณปิ่นเกล้าในระยะทางจากโครงการสามารถเชื่อมต่อไปถึงได้ไม่เกิน 2 กม. เท่านั้น
จากท่าเรือปิ่นเกล้าสามารถใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาธงส้ม 14-15 บาท (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) และเรือด่วนเจ้าพระยาธงเหลือง (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) มาลงที่ท่าเรือสะพานสาทรได้
ท่าเรือสาทรจะเป็นตำแหน่งที่มีจุดเชื่อมต่อเดียวกับ BTS สะพานตากสิน จากสถานีนี้ถัดไปอีก 2 สถานีจะเป็นสถานีช่องนนทรี และสถานีศาลาแดง ที่เป็นแหล่งกระจุกตัวของแหล่งงาน
การเดินทาง
จากสะพานพระปิ่นเกล้า
หากมาจากสะพานพระปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อเข้าสู่เมืองที่ง่ายที่สุด นับจากถนนราชดำเนินหรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จากนั้นจะเจอแยกปิ่นเกล้าให้ขับตรงต่อมาเรื่อยๆ ก่อนจนเจอป้ายแยกบรมราชชนนี ให้เบี่ยงขวา แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์
เมื่อเลี้ยวเข้ามาจะเจอโครงสร้างของรางรถไฟฟ้าสีน้ำเงินที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ ให้ขับตรงมาเรื่อยๆ เลียบกับรางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน
ขับตรงมาเรื่อยๆ จนถึงปั้มน้ำมัน SUSCO จะเห็นสำนักงานขายและไซต์โครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามทางขวามือ ให้เตรียมตัวกลับรถ
บริเวณหน้าโครงการจะมีช่องทางการกลับรถอยู่ หากมาจากทางปิ่นเกล้าจะสามารถกลับรถ แล้วเบี่ยงซ้ายเข้าสู่โครงการได้เลย
จากสะพานกรุงธน (ซังฮี้)
เมื่อลงจากสะพานมาให้เตรียมตัวเบี่ยงซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์หรือขับไปตามป้ายพระปิ่นกล้าที่แยกบางพลัด
เมื่อเลี้ยวเข้ามาจะเห็นว่าบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์กำลังมีการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตลอดแนว
หน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ สามารถใช้บริการรถเมล์สาย 28, 56 ,66, 103, 108, 203, ปอ.10 ไปยังสถานที่สำคัญอื่นๆ ได้
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
สถานที่ไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ในรัศมีของโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 จุดด้วยกัน คือ ทางฝั่ง ปิ่นเกล้า และ ฝั่งสิรินธร โดยมีสะพานพระปิ่นเกล้าเป็นประตูเชื่อมต่อไปสู่ฝั่งพระนครในระยะไม่ไกลมาก ประกอบไปด้วยไลฟ์สไตล์ความบันเทิงยามราตรีชื่อดังอย่างถนนข้าวสาร และถนนพระอาทิตย์ที่เต็มไปด้วย ร้านอาหาร คอฟฟี่ช็อป คาเฟ่ ไปจนร้านนั่งชิล และภัตตาคาร เพียงแค่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาออกไปเท่านั่น โดยทางฝั่งปิ่นเกล้าจะเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่ใกล้ที่สุดจะมี เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เมเจอร์ ปิ่นเกล้า, The Sense ที่คอยรองรับดีมานด์ในย่านนี้
ไลฟ์สไตล์บนปิ่นเกล้า
เมเจอร์ ปิ่นเกล้า (1.5 กม. จากโครงการ)
เซ็นทรัล พลาซ่า ปิ่นเกล้า (1.5 กม. จากโครงการ)
The Sense (1.7 กม. จากโครงการ)
ถนนข้าวสาร (3.0 กม. จากโครงการ)
ถนนพระอาทิตย์ (3.0 กม. จากโครงการ)
ไลฟ์สไตล์บนถนนสิรินธร
ส่วนทางฝั่งถนนสิรินธรจะมี ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี เป็นห้างสรรพสินค้าหลัก ด้วยความเป็นห้างดั้งเดิมที่คนพื้นที่มีความผูกพัน ที่นี่จึงเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยที่สะดวกครบครัน ตั้งแต่เรื่องอาหาร ไลฟ์สไตล์ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงร้านอาหารชื่อดังดั้งเดิมที่กระจุกตัวอยู่บนถนนเส้นนี้
ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี (2.6 กม. จากโครงการ)
นอกจากจุดศูนย์กลางในการช้อปปิ้งแล้ว บริเวณถนนสิรินธรยังเป็นย่านที่มีร้านอาหารริมทางที่มีดีทางรสชาติไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นปลาโบราณ ข้าวหมูแดงร้านอร่อยชื่อดังที่มีทั้งข้าวและบะหมี่เฉโปยอดฮิต ก๋วยจั๊บน้ำใสและโจ๊กดินแดง ที่มีทีเด็ดอยู่ที่หมูกรอบ ต้องบอกว่าไม่เคยเจอหมูกรอบที่ไหน ที่มีความเป็นหมูกรอบขนาดนี้จริงๆ นอกจากนั้น ยังมีร้านเนื้อกระทะปิ้งย่างชื่อวัวหัวเราะที่ใช้เนยสดแทนน้ำมัน เนื้อย่างกลิ่นหอมที่มีความมันของเนยสดแทรกเข้าไปตามเนื้อมันแทบละลายในปากไปตามกลิ่นของเนยได้เลย
ลูกชิ้นปลาโบราณ (อยู่ติดกับ ตั้ง ฮั่ว เส็ง ธนบุรี)
ข้าวหมูแดงอร่อย (ถนนสิรินธร จากห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี มาประมาณ 1 กก. เป็นตึกแถว 1 คูหา)
ก๋วยจั๊บน้ำใสและโจ๊กดินแดง (อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.8 กม. ร้านอยู่ฝั่งเดียวกับตั้ง ฮั่ว เส็ง ธนบุรี เลยมาทางฝั่งไปถนนพระปิ่นเกล้าประมาณ 200 ม.)
ร้านวัวหัวเราะ (ซอย สิรินธร1 เลยแยกบางพัด มาประมาณ 600 ม. อยู่ฝั่งเดียวกับตั้งฮั่วเส็ง)
สถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
พาต้า 1 กม.
เทสโก้ โลตัส ปิ่นเกล้า 1.3 กม.
ฟู้ดแลนด์ 3 กม.
แมคโคร จรัญสนิทวงศ์ 3.4 กม.
สถานพยาบาล
โรงงพยาบาล เจ้าพระยา 2.9 กม.
โรงพยาบาล ศิริราช 3 กม.
โรงพยาบาล ตา หู คอ จมูก 3.6 กม.
โรงพยาบาล ธนบุรี 4 กม.
สถานศึกษา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 4.9 กม.
สถานที่สำคัญอื่นๆ
สวนหลวงพระราม 8 1.9 กม.
ตลาดบางขุนนนท์ 2.1 กม.
ตลาดบางขุนศรี 3.2 กม.
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ
ด้วยความที่ถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นพื้นที่เกิดใหม่ที่ได้รับอานิสงส์จากรถไฟฟ้าตลอดแนวถนน แต่กลับอยู่บนตัวเมืองชั้นนอก ดังนั้นการเดินทางเข้าออกพื้นที่บริเวณนี้ก็ยังคงต้องใช้เวลาพอสมควร ถึงจะมีแนวโน้มในอนาคตที่ดี ราคาค่าที่ดินปรับขึ้นมาบางส่วน แต่ซัพพลายส่วนใหญ่ก็ยังไม่มั่นใจและกล้าพอที่จะลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยบนพื้นที่ที่ห่างไกลจากรถไฟฟ้าเกิน 500 ม. โดยโครงการส่วนใหญ่ที่เข้ามาปักหมุดบริเวณนี้จาก 2-3 ปีที่ผ่านมามักเลือกทำเลที่ติดกับรถไฟฟ้าเลย โดยโครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่โครงการที่เข้ามาแย่งส่วนตลาดคอนโดติดรถไฟฟ้าบริเวณนี้ได้
ในแง่ของการอยู่อาศัยถึงแม้จะต้องเชื่อมต่อไปสู่ตัวเมืองจากสถานีบางยี่ขันถึงประมาณ 10-12 สถานีไปสู่สาทร แต่ก็ใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น และยังไม่ต้องแย่งชิงตำแหน่งพื้นที่ว่างบนรถไฟฟ้าจากดีมานด์ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ที่เป็นคนพื้นที่และไม่ได้ใช้รถไฟฟ้าเป็นทุนเดิม ดังนั้นสำหรับคนที่กำลังหาที่อยู่อาศัยติดกับสถานีรถไฟฟ้าแต่ไม่มีกำลังซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองคงจะต้องยอมแลกส่วนต่างของระยะทางและเวลาในการเดินทางที่มากกว่า ขยับออกมาบริเวณที่ยังมีที่อยู่อาศัยราคาถูก แต่ยังตอบโจทย์การใช้รถไฟฟ้าได้อยู่
หากเปรียบเทียบโซนนี้กับรถไฟฟ้าสายใหม่อื่นๆ บริเวณเมืองชั้นนอกอย่างสีม่วง ต้องยอมรับว่าพื้นที่แนวรถไฟฟ้าสีน้ำเงินที่วิ่งวนรอบเมืองมีความได้เปรียบกว่าอยู่ แต่ถ้าหากนำไปเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ ในบริเวณเดียวกันต้องบอกว่าโครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ถือว่าเป็นโครงการที่มียูนิตเยอะที่สุดแต่ด้วยส่วนกลางที่เรียกว่าครบครันกว่าโครงการอื่นเช่นกันก็น่าจะช่วยคลายความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัยได้
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น (Plum Condo Pinklao Station)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน): PS
ทำเลที่ตั้ง: ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ
พื้นที่โครงการ: 4-0-38 ไร่
รูปแบบ: คอนโด High Rise 22 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ห้องชุดพักอาศัย 964 ร้านค้า 4 ยูนิต)
รูปแบบห้อง
1 Bedroom ขนาด 24.5 – 26.5 ตร.ม.
2 Bedroom ขนาด 49.5 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 1.95 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม.
ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า (Thana Astoria Pinklao)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ธนาแลนด์ จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 44 และ ซอย 46 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. 10700
พื้นที่โครงการ: 2-2-73.5 ไร่
รูปแบบ: คอนโด High Rise 23 ชั้น 1 อาคาร 497 ยูนิต
รูปแบบห้อง:
Studio 22-24.5 ตร.ม.
1 Bedroom 29-35 ตร.ม.
2 Bedroom 43-58 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: เริ่มต้น 1.88 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 84,532 บาท/ตร.ม.
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางยี่ขัน 40 ม.
พื้นที่โครงการ: 4-3-86.3 ไร่
รูปแบบ: คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น ห้องชุดพักอาศัย 803 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
รูปแบบห้อง
1 Bedroom ขนาด 26 และ 30 ตร.ม.
1 Bedroom (+1 ห้องอเนกประสงค์) ขนาด 35 ตร.ม.
2 Bedroom ขนาด 50 – 60.5 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 3 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: 115,000 บาท/ตร.ม.
สรุป
โครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ถือเป็นหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียมที่เข้ามาจับกลุ่มตลาดดีมานด์ที่ต้องการอยู่อาศัยทางฝั่งธนฯ และมีแหล่งงานอยู่บริเวณปิ่นเกล้า หรือ โรงพยาบาลศิริราชเป็นหลัก โดยกลุ่มที่สองที่สามารถเข้ามาอยู่อาศัยได้ก็คือคนที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยติดกับรถไฟฟ้า แต่ยังต้องการทางเลือกในการเชื่อมต่อไปถึงแหล่งงานย่านสีลม สาทร โดยมีเงื่อนไขของราคาที่ไม่แพงมากเป็นที่ตั้ง ถึงแม้จะต้องแลกมาด้วยระยะเวลาในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นมาในการเชื่อมต่อไปสู่ตัวเมืองก็ตาม
โดยดีมานด์ที่เข้ามาอยู่อาศัยในโครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า จะมีตัวเลือกการเดินทางหลายช่องทางจากศักยภาพที่ตั้งโครงการ ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า รถยนต์ และเรือ โดยในแง่ของผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวจะมี ทางด่วน ศรีรัช – วงแหวนรอบนอก คอยให้ความสะดวก แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนใช้รถยนต์ก็คือที่ยูนิตกว่า 1,784 ยูนิต โครงการมอบที่จอดรถให้ถึง 51 % เป็นจำนวนเกือบๆ 1000 คัน รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควรกับทางเข้า – ออก โครงการเพียงประตูเดียวจากหน้าโครงการที่ติดอยู่กับถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งหากปริมาณผู้ใช้รถในโครงการมีอัตราหนาแน่นเต็มที่จอดรถ ในชั่วโมงเร่งด่วนการ เข้า – ออก โครงการจะทำได้ลำบากอย่างแน่นอน เพราะด้วยปัจจัยด้านถนนจรัญสนิทวงศ์ภ ที่ปัจจุบันถูกลดทอนจากฝั่งละ 3 เลนให้เป็นถนนฝั่งละ 2 เลน จากการดำเนินการสร้างรถไฟฟ้า แต่หากโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสร้างเสร็จก็อาจจะมีการขยายถนนกลับมาที่ฝั่งละ 3 เลนและจะช่วยเพิ่มศักยภาพโครงการในแง่ของการใช้รถยนต์ให้ดีขึ้นก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปในอนาคตข้างหน้า
ส่วนในเรื่องต่อไปก็คือจุดเด่นของโครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า กับส่วนกลางที่จัดมาให้เยอะมากกับค่าส่วนกลางงที่โครงการกำหนดไว้ที่ 45 บาทต่อตร.ม. เท่านั้น หากนำราคาค่าส่วนกลางไปเปรียบเทียบกับโครงการในเซกเมนต์เดียวกันที่ราคา 45 บาทต่อตร.ม. ถือว่าเป็นราคาที่ถูกพอสมควร เนื่องจากโครงการทั่วไปที่มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสวย ก็จะมีอัตราค่าส่วนกลางพอๆ กันในปัจจุบัน แต่สำหรับ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นที่มีส่วนกลางเยอะกว่าโครงการอื่น อาจทำให้หลายคนมีความกังวลในเรื่องของการจัดการนิติบุคคลว่าจะสามารถดูแลส่วนกลางเหล่านี้ไหวหรือไม่ ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าด้วยยูนิตกว่า 1, 784 ยูนิต ถือเป็นอัตราหนาแน่นที่สามารถจ่ายค่าส่วนกลางในราคา 45 บาทเพื่อนำไปจัดการดูแลค่าส่วนกลางที่เยอะมากๆ ของโครงการได้สบายในแง่ที่มีผู้อยู่อาศัยทุกห้อง แต่เรื่องจริงเมื่อโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่อาจจะมีดีมานด์เข้ามาอยู่อาศัยเพียงบางส่วนทำเงินค่าส่วนกลางที่จะนำไปบริหารจัดการน้อยลงตามปริมาณผู้อยู่อาศัย แต่ส่วนกลางไม่ได้ลดลงตาม ดังนั้นในอนาคตโครงการอาจจะมีการปรับเปลี่ยนค่าส่วนกลางให้เพิ่มขึ้นเพื่อนำงบประมาณมาดูแลส่วนกลางดังกล่าว
หากถามว่าถ้าจะต้องจ่ายค่าส่วนกลางเพิ่มยังจะคุ้มค่าอยู่ไหมสำหรับโครงการ The Parkland จรัญฯ – ปิ่นเกล้า คงต้องดูว่าการจ่ายเพิ่มนั้นนอกจากส่วนกลางจะสามารถใช้งานได้ปกติ ไร้ความเสื่อมโทรมแล้ว อัตราของผู้อยู่อาศัยต่อส่วนกลางยังหนาแน่นอยู่ไหม ซึ่งหากยังมีอัตราการใช้งานที่หนาแน่นมากๆ ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลแล้วว่ามีการใช้งานส่วนกลางบ่อยเพียงใด และรับได้ไหมกับอัตราความหนาแน่นของพื้นที่ส่วนกลางภายในพื้นโครงการที่รองรับที่อยู่อาศัยกว่า 1,784 ยูนิต
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ