การจะหาโครงการบ้านเดี่ยวใหม่ๆ ในย่าน รัชดาฯ-ลาดพร้าว ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นั่นเพราะที่ดินว่างที่มีขนาดเพียงพอสำหรับการพัฒนาโครงการในแนวราบนั้นหาได้ยากมาก หรือถ้ามีราคาต่อตารางวาก็แพงลิบลิ่ว โดยปัจจัยหลักที่มีส่วนผลักดันให้ราคาที่ดินและอสังหาฯ ในย่านนี้ขยับตัวขึ้นสูง นั่นคือรถไฟฟ้าใต้ดิน “สถานีลาดพร้าว” ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับคนในพื้นที่และผู้ที่ต้องสัญจรมายังย่านนี้อยู่บ่อยครั้ง และด้วยราคาต้นทุนในการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ๆ สูงขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายจึงเลือกพัฒนาโครงการเป็นคอนโดมิเนียมที่ใช้พื้นที่ในการพัฒนาน้อยกว่า และมีจำนวนยูนิตมากกว่า ในขณะที่หากเลือกพัฒนาเป็นโครงการแนวราบจะต้องใช้เนื้อที่สำหรับการพัฒนามากกว่า จำนวนยูนิตที่พัฒนาได้ก็น้อยกว่าบนพื้นที่ขนาดเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เซเลบฯ ตระกูลดังอย่าง “วิระเทพสุภรณ์” เลือกที่จะพัฒนาโครงการแนวราบที่เจาะดีมานด์ของผู้ที่มีกำลังซื้อบ้านเดี่ยว “ในราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเท่ากับคอนโดฯ” ซึ่งหากเป็นบ้านเราจะได้ฉโนดความเป็นเจ้าของที่ดินมาด้วย และไม่น่าแปลกใจที่เมื่อสินค้าในลักษณะนี้ออกมาสู่ตลาด ก็ได้รับการตอบรับที่ดี มีผู้ให้ความสนใจเข้ามาซื้อตั้งแต่ยังไม่เปิดขายอย่างเป็นทางการ (ยอดจอง 2 ยูนิตก่อนวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ 6 ก.ค. 2559) ความน่าสนใจของโครงการบ้านในทำเลเมืองอย่าง “ชาร์ม รัชดา 42” คืออะไร หาคำตอบได้ในรีวิวฉบับนี้
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2559)
ชื่อโครงการ: ชาร์ม รัชดา 42 (Charm Ratchada 42)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ชาร์ม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ที่ตั้งโครงการ: ซอยรัชดาภิเษก 42 (ตำแหน่งของซอยอยู่ก่อนถึงแยกรัชโยธิน)
กลุ่มเป้าหมาย: เจ้าของธุรกิจหรือครอบครัวที่ต้องการขยายพื้นที่ส่วนตัว
รูปแบบโครงการ:
บ้านแฝด สูง 3 ชั้นครึ่ง 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องอเนกประสงค์ ห้องแม่บ้าน ที่จอดรถ 2-3 คัน ราคา 14-18 ล้านบาท จำนวน 6 ยูนิต ขนาดพื้นที่ดิน 33.6 – 45 ตร.ว.
บ้านเดี่ยว สูง 3 ชั้นครึ่ง 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องอเนกประสงค์ ห้องแม่บ้าน ที่จอดรถ 2-3 คัน ราคา 20-22 ล้านบาท จำนวน 2 ยูนิต ขนาดพื้นที่ดิน 50.7 – 52 ตร.ว.
ระบบรักษาความปลอดภัย: รปภ. 24 ชม., Sensor Motion ภายในบ้าน 3 จุด
สิ่งอำนวยความสะดวก: เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนเป็นหมู่บ้านจัดสรรทำให้ไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง ดังนั้นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าส่วนกลางและค่ากองทุน (sinking fund) จึงไม่มี
ราคาขายเริ่มต้น: 14 ล้านบาท
ราคาขายเฉลี่ย: ประมาณ 56,000 – 88,000 บาท/ ตารางเมตร
สถานะการก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างเมื่อพฤศจิกายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ กันยายน 2560
เงื่อนไขการชำระเงิน: จองตั้งแต่ 2 – 3 แสนบาท, ทำสัญญา 4 – 5 แสนบาท, ผ่อนดาวน์ 12 งวด รวมยอดก่อนโอนกรรมสิทธิ์ 20%
เว็บไซต์โครงการ: www.charm42.com
โครงการ ชาร์ม รัชดา 42 มีจุดเด่นคือการใช้คอนเซ็ปต์ “วิลล่า” ที่มอบความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อาศัยเป็นอย่างมาก (exclusive living) เนื่องจากมีจำนวนยูนิตรวมเพียงแค่ 8 ยูนิตเท่านั้น การดีไซน์ตัวบ้านเป็นแบบ vertical ที่เน้นรูปทรงเรขาคณิตใส่เป็นลูกเล่นให้กับตัวบ้านทำให้บ้านดูทันสมัยพร้อมการออกแบบห้องนอนแบบ Duplex ที่มีความสูงจากพื้นจรดเพดานถึง 4.5 เมตร แบบฉบับที่เราสามารถเห็นได้ในอพาร์ทเม้นท์ขนาดใหญ่ในนิวยอร์ก
การจัดวางบ้านในโครงการจะนำส่วนที่เป็นบ้านเดี่ยวที่มีอยู่ 2 ยูนิตหันหลังชน ส่วนที่เป็นบ้านแฝด ผนังที่กั้นยูนิตจะใช้กันคนละส่วน ส่วน feature พิเศษที่มีมาให้ทุกยูนิตนั่นคือ “สระว่ายน้ำ” ที่ตั้งส่วนตัวอยู่หลังบ้าน โดยขนาดของสระว่ายน้ำ หากเป็นบ้านเดี่ยวจะมีขนาด 2×14 เมตร ส่วนบ้านแฝดสระว่ายน้ำมีขนาด 2×7 เมตร ความลึกของสระจะเท่ากันทั้งสองแบบบ้านนั่นคือ 1.2 เมตร เพิ่มเติมลูกเล่นของสระด้วยผนังม่านน้ำตกซึ่งสามารถควบคุมการเปิด-ปิดได้จากห้องควบคุมด้านหลัง
ยูนิตหมายเลข 6 ของแปลงจะมีลักษณะพิเศษเพิ่มขึ้นมานั่นคือพื้นที่สวนด้านข้างตรงมุมในขณะเดียวกันจะปรับลดพื้นที่จอดรถจากเดิมสามคันเหลือสองคัน แต่ราคาก็จะขยับขึ้นสูงตามเนื้อที่ที่ถูกเพิ่มเติมมาด้วยเช่นกัน
รีวิวบ้านตัวอย่าง
บ้านตัวอย่างของโครงการจะเป็นแบบของบ้านเดี่ยวซึ่งมีเพียง 2 ยูนิต ยูนิตตัวอย่างนี้จะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ละงานตกแต่งภายในทั้งหมดรวมถึงเครื่องปรับอากาศที่ให้มาพร้อมถึง 9 เครื่อง (concealed type 5 เครื่อง, wall type 4 เครื่อง แบรนด์ Daikin) ราคาที่มาพร้อมกับการตกแต่งทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 23 ล้านบาท
ภายในบ้านตัวอย่างประกอบด้วย 3 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 1 ห้องอาหาร, 1 ห้องนั่งเล่น บริเวณชั้นลอย, 1 ห้องครัว, , 1 ห้องนอนแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว, สวนหลังบ้าน, พื้นที่จอดรถ 3 คัน,
ลักษณะการออกแบบสไตล์ Vertical Living ที่ดึงรูปทรงเรขาคณิตมาใช้เป็นองค์ประกอบ, พื้นที่จอดรถหน้าบ้านเป็นคอนกรีตแสตมป์สามารถจอดรถคันเล็กๆ ได้ 3 คันสำหรับรถคันใหญ่จะได้ 2 คัน, ความสูงเพดานของแต่ละชั้นจะไม่เท่ากัน ความสูงที่เป็นจุดเด่นจะอยู่ที่ชั้น 1 (4.8 เมตร) และชั้น 3 (4.5 เมตร) สำหรับชั้นสองที่เป็นตำแหน่งของ master bedroom จะมีความสูงเพดานอยู่ที่ 2.7 เมตร
ประตูทางเข้าบ้านเป็นไม้สัก, ระบบความปลอดภัยเป็นสัญญาณกันขโมยระบบ Motion Sensor ของ Secom, ที่เปิด-ปิดตรงบานประตูเป็นประเภทลูกบิด
ชั้น 1
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับ living room ที่มีขนาดของพื้นที่ประมาณ 5×4 เมตร, จุดเด่นของห้องนี้อยู่ที่ความสูงพื้นจรดเพดานที่มีมาให้ถึง 4.8 เมตร ดังนั้นสิ่งที่ถูกเพิ่มเติมมาจะมีชั้นลอย (mezzanine) มาให้ด้วย, กระจกริมขวามือของห้องเป็นชนิดบานฟิกซ์ความสูงพื้นจรดเพดาน เนื้อกระจกเป็นแบบ tempered glass ช่วยกันความร้อนได้ดี
เนื่องจากระดับเพดานที่สูงโปร่งทางโครงการเลือกนำ chandelier หรือโคมไฟแขวนเพดานเข้ามาตกแต่ง พื้นที่ด้านล่างกว้างขวางพอสำหรับจัดฟังก์ชั่นการใช้งานสองส่วนนั่นคือ living และ dining โดยทั้งสองส่วนสามารถรองรับการใช้งานผู้อยู่อาศัย 6-8 ท่านไปพร้อมๆกัน เหมาะกับครอบครัวใหญ่ กระจกบริเวณแนวบันไดในชั้น 1 จะมีความหนาแตกต่างจากชั้นอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยในการเดินขึ้น-ลงบันได, พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต้ขนาด 60×60 ซม.
บริเวณชั้นลอยด้วยขนาดของพื้นที่ที่ดูกะทัดรัด (ประมาณ 4×3 เมตร) เหมาะสำหรับจัดวางเป็น living room ขนาดเล็กอีกห้อง, ผู้ที่ซื้อบ้านตัวอย่างจะได้ชุดเฟอร์ฯ ตาม spec ในรูปพร้อมฉากด้านหลังตกแต่งเป็นระแนงไม้ สำหรับความสูงพื้นจรดเพดานในชั้นลอยอยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร, ขนาดของโซฟาที่จัดวางสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานได้ 3-4 คนพร้อมกัน
พื้นที่ชั้นวางทีวีบ้านตัวอย่างทำการบิลท์อินชั้นหินอ่อนขนาดเหมาะสำหรับจัดวางทีวีขนาด 32-40 นิ้วได้, ทีวีไม่ได้แถมมาให้
พื้นบริเวณ ชั้นลอยปูด้วย engineered wood, แนวกระจกกั้นเสริมความหนาพิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย
บ้านตัวอย่างได้ทำการบิลท์อินเคาน์เตอร์ครัวมาให้ตาม spec ในภาพ แต่สำหรับบ้านเปล่าจะให้มาเพียงพื้นที่เปล่า, เครื่องใช้ไฟฟ้าผู้อยู่อาศัยต้องทำการซื้อต่างหาก, ฝั่งตรงข้ามครัวจะเป็นห้องน้ำของชั้น 1 ซึ่งสุขภัณฑ์ที่ให้จะเป็น แบรนด์ Cristina จากเยอรมัน
เมื่อเปิดประตูออกมาบริเวณหลังบ้านจะพบกับสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาด 2×14 เมตร ที่มีลูกเล่นเป็นม่านน้ำตกขนาดเล็กที่ปล่อยมาจากผนังอิฐโดยการควบคุมสามารถทำได้ที่ pump room ด้านหลังตัวน้ำตก, รั้วกั้นระหว่างยูนิตจะมีความสูงที่ประมาณ 2.5 เมตร
นอกจากสระว่ายน้ำบริเวณหลังบ้านยังมีพื้นที่ศาลาพักผ่อนหย่อนใจรองรับการใช้งานอีกด้วย
พื้นที่สวนหลังบ้านของยูนิตเปล่าจะให้เป็นพื้นที่ปูหญ้าไม่มีไม้ประดับต่างๆให้ แต่บ้านจริงจัดเต็มมาให้ดั่งในรูป
ชั้น 2
ชั้น 2 เป็นพื้นที่ของ master bedroom ทั้งชั้น ขนาด 4×6 เมตร แม้ว่าจะวางเตียงคิงไซส์ (6 ฟุต) ก็ยังมีพื้นที่เหลืออีกมากมาย ความสูงเพดานของห้องนอนชั้นสองจะแตกต่างจากชั้น 1 คืออยู่ที่ประมาณ 2.7 เมตร, พื้นห้องนอนใหญ่ปูด้วย engineered wood เช่นเดียวกัน
เนื่องจากระยะห่างจากปลายเตียงมาจนถึงตำแหน่งวางทีวีค่อนข้างกว้างจึงทำให้สามารถนำโซฟามาจัดวางตรงที่ปลายเตียงได้, สำหรับงานบิลท์อินทั้งหมดภายในห้องนอนในบ้านตัวอย่างนี้จะถูกให้มาทั้งหมด สำหรับบ้านเปล่าจะมาเป็นห้องเปล่า ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ที่ให้มาใน master bedroom เป็นชนิด concealed เช่นเดียวกันกับของด้านล่าง
ตรงส่วนผนัง headboard หรือหัวเตียงจะตกแต่งเป็นผนังฟูก พร้อม backdrop ด้านหลังเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง, วอลเปเปอร์เป็นสีขาวเรียบ
ด้านข้างเตียงมีพื้นที่เหลือพอที่จะจัดวางชุดโซฟา เผื่อกรณีดูทีวีแล้วอยากจะจิบเครื่องดื่มชิลๆ พร้อมกับของว่างแสนอร่อยไปด้วย
ระเบียงส่วนตัว ในห้องนอน Master Bedroom มีดความกว้างประมาณ 3 เมตร มีประตูกระจกบานเลื่อนสามารถเปิด-ปิดได้ กระจกที่ติดตั้งมาให้เป็นชนิด tempered glass ที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสีความร้อนเข้าสู่ห้องนอน ข้อดีของกระจกชนิดนี้คือ เมื่อแตกจะไม่กระจายเป็นเศษแก้วมีคมแต่จะเป็นในลักษณะชื้นส่วนละเอียดป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้, วิวที่ได้จากห้องนอนนี้คือบ้านของคนในพื้นที่
ด้วยขนาดห้องที่กว้าง และมาพร้อมกับงานบิลท์อิน walk-in closet (อาจจะแยกฝั่งระหว่าง His & Hers) ซึ่งบ้านตัวอย่างจะบิลท์มาให้แต่ถ้าเป็นยูนิตอื่นจะเป็นพื้นที่เปล่า, พื้นบริเวณนี้ปูด้วย engineered wood เช่นเดียวกัน
ห้องน้ำใน master bedroom มีจุดเด่นคือการที่ผนังจะทำจากหินอ่อนแตกต่างจากห้องน้ำส่วนอื่นภายในบ้านที่ผนังจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้, สุขภัณฑ์ใช้แบรนด์หรูจากเยอรมัน “Cristina ” (สุขภัณฑ์, อ่างอาบน้ำ+งานบิลท์อิน, ตู้กระจกนิรภัย, อุปกรณ์ shower ทั้งหมดรวมถึงอ่างอาบน้ำและกระจกเงาถูกแถมให้ทั้งในส่วนของบ้านตัวอย่างและบ้านเปล่า), ตัวเครื่องทำน้ำร้อนจะถูกติดตั้งในลิ้นชักงานบิลท์อินใต้อ่างล้างหน้า
สุขภัณฑ์ชักโครกใน master bedroom จะเป็นแบบญี่ปุ่น (อัตโนมัติ), ตรงพื้นที่อาบน้ำมีขอบหินอ่อนตกแต่งเป็นจุดสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ
แผงควบคุมระบบชักโครกสไตล์ญี่ปุ่นถูกติดไว้ที่ผนัง จะฉีดหนักหรือเบาเลือกได้ตามใจชอบ
บันไดทางขึ้น-ลง ระหว่างชั้นทำจากไม้แท้พร้อมราวจับและแนวกั้นสแตนเลส
พื้นที่ที่เห็นบริเวณด้านหลังบ้านตัวอย่างคือพื้นที่ของบ้านเดี่ยว (ยูนิตเปล่า) อีกหลังที่จะหันหลังชนกับกำแพงหลังบ้านตัวอย่างนี้
ชั้น 3
ห้องนอนชั้น 3 ทั้งสองห้องมีจุดเด่นตรงที่จะมีลักษณะแบบ duplex นั่นคือความสูงพื้นจรดเพดานจะมากกว่าชั้นของ master bedroom โดยความสูงเพดานรวมของห้องอยู่ที่ประมาณ 4.5 เมตร สัดส่วนของห้องนอนนี้ข้างล่างจะเป็นโซน living & study โดยผู้อาศัยสามารถเลือกจัดห้องได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง, ผนังห้องที่ให้มาคือวอลล์เปเปอร์สีขาว, เครื่องปรับอากาศที่ให้มาในห้องนี้เป็นแบบ wall type หรือติดผนัง
บันไดทางเดินขึ้นมายังส่วนที่เป็นห้องนอน ทำจากไม้แท้พร้อมกระจก tempered glass เสริมความปลอดภัย , นอกจากใช้เป็นส่วนสำหรับนอนพักผ่อนแล้วยังสามารถทำเป็นโต๊ะทำงานหรือ study ได้เช่นกัน, กระจกที่ถูกติดตั้งมาให้เป็นแบบ tempered glass พร้อมคุณสมบัติกรองแสง UV และม่าน façade ตกแต่งเพื่อผสมผสานความคลาสสิกกับโมเดิร์นเข้าไว้ด้วยกัน (façade จะติดตั้งให้เฉพาะห้องนอนที่หันมาทางฝั่งหน้าบ้านเท่านั้น)
พื้นที่ข้างบนสามารถจัดวางเตียงขนาด ควีน-คิงไซส์ ได้ ผนังที่ให้มาเป็นพื้นผิวลามิเนตลายไม้พร้อมแอร์แบบติดผนัง, พื้นในห้องนอนนี้ปูด้วย engineered wood, สำหรับความสูงเพดานของชั้นบนของห้อง Duplex นี้ อยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร, ชุดเฟอร์ฯ ที่เห็น หากซื้อบ้านตัวอย่างจะได้ตามที่เห็นทั้งหมด
ห้องนอนบน ชั้น 3 แต่ละห้องมีห้องน้ำส่วนตัวผนังที่ใช้จะแตกต่างจากของ master bedroom นั่นคือจะเปลี่ยนจากผนังหินอ่อนเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้แทน สุขภัณฑ์ยังคงใช้แบรนด์เดียวกับ master นั่นคือ Cristina, พื้นห้องน้ำปูด้วยแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม., ชักโครกจะเป็นแบบกดน้ำและชุดสายชำระไม่ใช่แบบอัตโนมัติเหมือนกับในห้อง master bedroom ข้างล่าง, ประตูห้องน้ำคงทนเพราะทำจากไม้แท้หนาประมาณ 15 มม.
ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำภายในห้องนอนนี้ ในบ้านตัวอย่างจะนำตู้เสื้อผ้ามาวาง หากเป็นบ้านเปล่าจะเป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งอาจจะนำ props อื่นๆ มาตกแต่งเพื่อไม่ให้พื้นที่ดูโล่งจนเกินไป, ผนังตรงส่วนนี้จะเป็นปูนเปลือย สไตล์ Industrial Loft เล็กๆ
ห้องนอนฝั่งซ้ายมือ ชั้น 3
ห้องนอนฝั่งซ้ายมือชั้น 3 จะมีการออกแบบคล้ายกับห้องนอนอีกห้องที่อยู่ชั้นเดียวกัน แต่พื้นที่ใช้สอยของห้องอาจจะน้อยกว่าเล็กน้อย โดยพื้นที่ชั้นล่างจะอยู่ที่ประมาณ 2×4 เมตร, ผนังฉาบเรียบ ทาสีขาว, เครื่องปรับอากาศแถมให้ 2 ตัว ติดตั้งไว้ที่บริเวณ living และ bedroom ชั้นบน (duplex), พื้นเป็น engineered wood เช่นเดียวกัน, พื้นบันไดและราวกันตกเป็นแบบเดียวกันกับห้องนอนก่อนหน้านั่นคือ พื้นไม้แท้, กระจกเป็นชนิด tempered glass, เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยด้านล่างน้อยกว่าอีกห้องหนึ่งทำให้จุดวางทีวีอาจจะจัดวางได้เพียงชั้นวางขนาดเล็กเพื่อสร้างช่องให้สามารถเดินผ่านไปมาได้อย่างสะดวก, หากเป็นบ้านตัวอย่างตู้บริเวณด้านหน้าห้องน้ำจะถูกให้มาด้วย แต่สำหรับบ้านเปล่าจะเป็นเพียงพื้นที่เปล่าพร้อมแอร์ที่ติดตั้งมาให้
ลักษณะการตกแต่งจะคล้ายกันกับห้องนอนก่อนหน้านี้แต่พื้นที่น้อยกว่า แต่ยังคงมี ฟังก์ชั่นการใช้งานได้เหมือนกันนั่นคือสามารถเพิ่มโต๊ะทำงาน, study เข้าไปภายในห้องนอน ที่อยู่ชั้นสองได้ ซึ่งหากเป็นบ้านตัวอย่าง เฟอร์ฯในส่วนนี้จะถูกแถมมาให้
เตียงนอน บ้านตัวอย่างเลือกแต่งเป็นตู้หัวเตียงที่มีหลอดไฟอ่านหนังสืออยู่ข้างใต้, พื้นในห้องนอนปูด้วย engineered wood เช่นเดียวกันกับพื้นชั้นล่าง, ขนาดของพื้นที่กว้างพอสามารถจัดวางเตียงขนาด ควีน-คิง ไซส์ได้อย่างสบาย, เครื่องปรับอากาศติดตั้งมาให้พร้อม
รูปแบบการจัดวางภายในห้องน้ำจะคล้ายกับห้องน้ำในห้องนอนก่อนหน้า พื้นและผนัง ใช้วัสดุเดียวกันนั่นคือแกรนิตโต้, งานบิลท์อินตู้ใต้อ่างล้างหน้าถูกติดตั้งมาให้เช่นเดียวกันรวมทั้งกระจกเงาและกระจกนิรภัย กั้นระหว่างโซนเปียก-แห้ง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเล
โครงการตั้งอยู่ใน ซอยรัชดาภิเษก 42 โดยอยู่ห่างจากปากซอยประมาณ 600 เมตร สำหรับตำแหน่งของซอยรัชดาฯ 42 ตั้งอยู่ใกล้กับแยก รัชดาฯ-ลาดพร้าว และ รัชดาฯ-รัชโยธิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีลาดพร้าว (ประมาณ 2.8 กิโลเมตร) จุดเด่นของสถานีลาดพร้าวคือมีอาคารที่จอดรถ เดอะ คอนเนคชั่น ไว้คอยบริการ (มีค่าใช้จ่าย)
ถนน รัชดาฯ-รัชโยธิน เป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการสำคัญๆ อย่าง สำนักงานอัยการสูงสุด, สโมสรศาลยุติธรรม, ศาลอุทธรณ์, ศาลพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในขณะที่ถนน รัชดาฯ-ลาดพร้าว (ฝั่งตรงข้ามสถานีลาดพร้าว) จะเป็นแหล่งรวมของแหล่งช้อปปิ้งและย่านบันเทิงอย่างสวนลุมไนท์บาซาร์ จุดเด่นของแยกนี้คือสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ถนนเส้นสำคัญต่างๆได้ ประกอบด้วย:
ลาดพร้าว-ดินแดง
เมื่อขึ้นมาจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีลาดพร้าวทางออกที่ 4 จะพบว่ามาโผล่ที่แยกลาดพร้าว ซึ่งมีจุดสังเกตคือสวนลุมไนท์บาซาร์ (ไม่ใช่ห้าแยกลาดพร้าว) ทางทิศตะวันออกจะเป็นถนนเส้นลาดพร้าว-ดินแดง ที่สามารถมุ่งหน้าไปยังห้าแยกลาดพร้าวหรือตำแหน่งของรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีพหลโยธินได้ ซึ่งห้าแยกลาดพร้าวจะเป็นที่ตั้งของศูนย์เสื้อผ้าค้าปลีกและศูนย์รวมร้านอาหารชื่อดังอย่าง ยูเนี่ยนมอลล์ และห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลฯ ลาดพร้าว รวมไปถึงไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่าง บิ๊กซี ลาดพร้าว อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมห้าดาว เซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว และสถานศึกษาชื่อดังอย่างโรงเรียนหอวัง และมหาวิทยาลัยเซนต์จอหน์ และจากห้าแยกลาดพร้าวสามารถเชื่อมต่อไปยัง พหลโยธิน, ดอนเมือง (เลี้ยวขวาตรงห้าแยกลาดพร้าว ) และดินแดง (เลี้ยวซ้ายตรงห้าแยกลาดพร้าว)
ลาดพร้าว-พระราม 9
จากจุดตั้งหลักเดิม (MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 4 ) เมื่อมองมาทางทิศเหนือจะเห็นว่าฝั่งตรงข้ามคือสวนลุมไนท์บาซาร์ ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้า รวมถึงเอนเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆ หากเราย้อนกลับไปยังถนนเส้นก่อนจะถึงสวนลุมไนท์ฯ ซึ่งก็คือ ถนนลาดพร้าว-พระราม 9 โดยแยกที่สำคัญบนถนนเส้นนี้คือ แยกตลาดห้วยขวาง ตลาดที่ขึ้นชื่อว่าเปิดขายกันทั้งวันทั้งคืน ทั้งอาหารการกิน, ข้าวของเครื่องใช้, เสื้อผ้า หรือแม้แต่แหล่งเสริมความงามต่างๆ สถานที่ขึ้นชื่อของแยกนี้คือ ศาลพระพิฆเนศ ซึ่งในแต่ละวันมีผู้คนเข้ามาสักการะ ขอพรกันมากมาย สำหรับถนนภายในซอยตลาดห้วยขวางเป็นเส้นทางที่สามารถเข้าสู่มหาวิทยาลัยหอการค้าได้รวมถึงถนนประชาสงเคราะห์ที่สามารถเข้าสู่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้
ต่อจากแยกตลาดห้วยขวางจะเป็นโซนเอนเตอร์เทนเมนต์สำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งหากไม่แวะเยี่ยมชมแล้วขับรถต่อมาเรื่อยๆ จะเข้าสู่โซนที่กำลังถูกเรียกว่า New CBD ของกรุงเทพฯ นั่นคือ “พระราม 9” บริเวณแยกพระราม 9 นั้นเป็นแหล่งรวมสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะศูนย์การค้า อาทิ เซ็นทรัลฯ พระราม 9, ฟอร์จูน ทาวน์, ห้างเอสพลานาด อีกทั้งแยกนี้ยังมีอาคารสำนักงานที่พัฒนาโดยดีเวลลอปเปอร์ชื่อดังอย่าง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค นั่นคือ “อาคารวรสมบัติ” ซึ่งหากจะเดินทางมาแยกนี้สามารถใช้บริการ MRT ลงยังสถานีพระราม 9 ได้ หากนับกันจริงๆแล้วจากปากซอยที่ตั้งโครงการ (รัชดาฯ 42) มายังแยกนิวซีบีดีนี้ จะใช้เวลาขับรถในช่วงเวลาปกติ (ที่จราจรไม่หนาแน่น) ประมาณ 15-20 นาที
ทางด่วนศรีรัช และทางด่วนฉลองรัช
โครงการอยู่ใกล้กับจุดขึ้น-ลงทางด่วนสำคัญ นั่นคือ “ทางด่วนศรีรัช” ซึ่งมีจุดขึ้น-ลงบริเวณแยกพระราม 9 ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังย่านสำคัญ ได้แก่ พระราม 4, สุขุมวิท, สีลม และดาวคะนอง-บางโคล่ อีกหนึ่งทางด่วนสำคัญที่อยู่ไม่ไกลจากปากซอยรัชดาฯ 42 คือ ทางด่วนฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) ที่ใช้เวลาการเดินทางจากปากซอยประมาณ 10-15 นาที กรณีการจราจรติดขัดไม่มาก ทางด่วนเส้นนี้สามารถเชื่อมไปยังพื้นที่ชานเมืองอย่าง รังสิต-ธัญบุรี ได้
ตำแหน่งที่ตั้งของทางด่วนศรีรัช (ดินแดง-บางนา, บางโคล่-ดางคะนอง) และทางด่วนฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) ตรงแยกประดิษฐ์มนูญธรรม ซึ่งทางด่วนเส้นหลังนี้ยังเป็นเส้นที่สามารถออกไปยังโซนรามคำแหง (เดอะมอลล์ บางกะปิ) ได้อีกด้วย
การเดินทาง
ลาดพร้าว-รัชโยธิน
จากทางออก 4 สถานี MRT ลาดพร้าว ทิศใต้ของคุณจะเป็น ถนนลาดพร้าว-รัชโยธิน ซึ่งเป็นเส้นที่มายังโครงการชาร์ม รัชดา 42 ได้ ถนนเส้นนี้จะผ่านสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ รวมถึงมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม (ราชภัฏจันทรเกษม) ซอยของโครงการคือ รัชดาภิเษก 42 นั่นหมายความว่าต้องกลับรถเพื่อข้ามมายังฝั่งถนนรัชดาฯ ซอยคู่ โดยจุดกลับรถจะอยู่ก่อนถึงแยกรัชโยธิน โดยก่อนถึงแยกให้เตรียมตัวชิดขวาเพื่อทำการกลับรถ และเมื่อมากลับรถแล้วให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อเข้าสู่ซอย รัชดาฯ 42
ถนน ลาดพร้าว-รัชโยธิน จากตำแหน่ง MRT สถานีลาดพร้าว
ปัจจุบันต้องสังเกตลักษณะของซอยให้ดีเนื่องจากป้ายปากซอยตอนนี้ได้หายไป โดยความกว้างของถนนในซอยอยู่ที่ประมาณ 6 เมตรเป็นถนน 2 เลน รถวิ่งสวนกัน
เมื่อเลี้ยวเข้ามาให้ตรงเข้ามาเรื่อยๆ เมื่อมาสุดทางจะเจอกับทางบังคับเลี้ยวขวา
หลังจากนั้นจะพบว่ามีทางแยกอีกหนึ่งแยกให้เลี้ยวซ้าย
เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้ามาจะมีป้ายโครงการติดตามสองฝั่งถนนให้ขับรถตามป้ายเข้ามาเรื่อยๆโครงการจะตั้งอยู่ทางฝั่งขวามือ
บรรยากาศภายในซอยรัชดาฯ 42
บรรยากาศโดยรวมภายในซอยรัชดาฯ 42 จะเป็นที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวของคนในพื้นที่ซึ่งอยู่อาศัยมานานและส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังใหญ่ของคนมีฐานะ
ทิศตะวันออกจากด้านหน้าโครงการ เป็นบ้านเดี่ยวหลังต่างๆที่ไม่ใช่โครงการจัดสรร
ทิศตะวันตกจากด้านหน้าโครงการซึ่งในอนาคตจะใช้เป็นจุดทาง เข้า-ออก โครงการ
ทิศเหนือทางด้านหน้าโครงการจะเป็นถนนสองเลนซึ่งหากเป็นช่วงเลิกงานจะมีปริมาณรถหนาแน่นกว่าช่วงปกติ
รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้ม
ในอนาคตโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้มที่ถูกต่อมาจากสถานีหมอชิต จะมีเส้นทางที่ผ่านมายังแยกรัชโยธิน ซึ่งอยู่ใกล้กับปากซอยรัชดาฯ 42 ปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2563 โดยรถไฟฟ้าสายดังกล่าวจะมุ่งหน้าไปถึงย่านสะพานใหม่ และสิ้นสุดที่สถานีคูคตในย่านลำลูกกา ซึ่งการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าสายนี้ส่งผลให้การเดินทางมายังโครงการชาร์ม รัชดา 42 ในอนาคตจะสะดวกสบายขึ้นเป็นอย่างมาก
รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้มสถานีรัชโยธิน
สถานที่ Lifestyle
1. ตลาดนัดรถไฟ รัชดา
ตลาดนัดรถไฟ รัชดา คือสถานที่รวมตัวกันของวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้านำเสื้อผ้าแฟชั่นมาขายรวมถึงไอเท็มตกแต่งหลากหลายแนวมาให้เลือกชมกัน อีกทั้งยังมีร้านอาหารและร้านนั่งชิลต่างๆมากมายให้เลือกนั่ง
ภาพ via: Facebook ตลาดนัดรถไฟ รัชดา : Train Night Market Ratchada
จากปากซอย 42 ให้ผ่านมาแยกรัชดาฯ – ลาดพร้าว เพื่อเข้ามายัง ถนนรัชดาฯ – พระราม 9 หลังจากนั้นให้หาทางกลับรถตรงแยกพระราม 9 เพื่อมายังฝั่งตรงข้าม ตลาดรถไฟจะอยู่ทางซ้ายมือ
2. ตักสุรา RCA
ร้านตักสุราคือร้านที่ใครๆก็ยอมรับว่า“ราคาถูกและบรรยากาศดี” ตั้งอยู่ที่ซอย RCA
ภาพ via: Faceboom Taksura RCA
จากแยกพระราม 9 ให้เลี้ยวซ้ายเข้ามา หลังจากนั้นตรงมาจะมีแยกให้เลี้ยวขวาเพื่อเข้าถนนเพชรอุทัยที่สามารถใช้เป็นเส้นตัดเข้ามา RCA ได้
ชาร์ม รัชดา 42 เป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองมากกว่าซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือลงทุน เนื่องจากราคาจองกับทำสัญญาค่อนข้างสูงคือประมาณ 600,000 – 800,000 บาท ประกอบกับการที่มียูนิตจำกัดเพียงแค่ 8 ยูนิตเท่านั้น จึงทำให้กำลังซื้อที่เข้ามาคือ “เรียลดีมานด์” อย่างแท้จริงหรือการที่ผู้ซื้อ “ซื้อ” เพื่ออยู่อาศัย แต่ถ้าพูดถึงความ “คุ้มค่า” ถือว่าค่อนข้างอยู่ในราคาที่ไม่สูงลิ่วเหมือนกับผู้พัฒนาโครงการอื่นๆที่มีขนาดโครงการที่ใหญ่กว่าส่งผลไปถึงต้นทุนที่สูงกว่า แต่ชาร์ม รัชดา 42 สามารถสร้างราคาขายได้อย่างน่าสนใจ (ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร ที่ 70,000 บาท) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาคอนโดฯ แล้ว ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. อยู่ในระดับที่สูสี แต่ คำว่า บ้าน และ คอนโดฯ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้นเมื่ออยู่ในราคาเฉลี่ยที่เท่ากัน หลายคนก็ย่อมที่จะเลือกอยู่บ้านมากกว่า
เปรียบเทียบโครงการ
เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ที่ตั้งอยู่บนถนนรัชดาฯ จะเป็นโครงการประเภทคอนโดฯ เสียมากกว่า เราจึงขอเขยิบไปอีกหนึ่งเส้นถนนที่อยู่ไม่ไกลมากนัก นั่นคือ “ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม” หรือที่หลายๆ คนนิยมเรียกว่า เลียบทางด่วน เอกมัย – รามอินทรา ซึ่งโครงการที่จัดอยู่ในเซ็กเมนต์ ใกล้เคียงกัน ได้แก่
1. Siritavara Ekamai – Ramintra
ภาพจาก listing DDproperty.com
ชื่อโครงการ: สิริทาวารา เอกมัย – รามอินทรา (Siritavara Ekamai – Ramintra)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน): PRIN
ที่ตั้งโครงการ: ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม (เลียบทางด่วน เอกมัย – รามอินทรา)
เนื้อที่โครงการ: ประมาณ 31 ไร่
ประเภทโครงการ: บ้านเดี่ยว
รูปแบบบ้าน: บ้านเดี่ยวขนาดพื้นที่ดิน 83 – 255 ตร.ว., พื้นที่ใช้สอย 295 – 520 ตร.ม. หรือ บ้านประเภท 3 – 4 ห้องนอน
ราคา: 13 – 50 ล้านบาท
สถานะการก่อสร้าง: สร้างเสร็จพร้อมอยู่
2. 15 Gates
ชื่อโครงการ: 15 เกตส์ (15 Gates)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: เลียบทางด่วน เอกมัย – รามอินทรา ถนนประดิษฐมนูญธรรม (ใกล้ The Crystal Design)
เนื้อที่โครงการ: 3-1-74.2 ไร่
ประเภทโครงการ: ทาวน์โฮม 3 ชั้น
จำนวน: 15 ยูนิต
ราคา: เริ่มต้นที่ประมาณ 20 ล้านบาท
โครงการ ชาร์ม รัชดา 42 มีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่แตกต่างจากโครงการบ้านจัดสรรทั่วไป โดยดึงความโมเดริน์โดยอาศัยจุดเด่นของรูปทรงเรขาคณิตและการออกแบบภายในโดยเฉพาะในชั้น 1 และ 3 ให้เป็นคอนโดฯ หรูใน New York ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้หาได้ค่อนข้างยากในสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด
ในเรื่องของการเดินทางเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนถือว่ายังคงอยู่ในรัศมีที่ไม่ไกล จาก MRT ลาดพร้าว และจะ สะดวกยิ่งขึ้นเมื่อรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวก่อสร้างแล้วเสร็จโดยสถานีที่จะใกล้โครงการมากที่สุดคือ สถานีรัชโยธิน รวมถึงความสะดวกที่สามารถเข้าถึงทางด่วนสองสาย (ศรีรัช และ ฉลองรัช) ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่นาที
โครงการไม่ได้จดทะเบียนเป็นหมู่บ้านจัดสรรทำให้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายตลอดช่วงอยู่อาศัยทั้งในส่วนของส่วนกลางและกองทุน sinking fund แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวในเรื่องการดูแลรักษาสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ตั้งอยู่หลังบ้าน
The Shelter โครงการบ้านเดี่ยว และโฮมออฟฟิศตั้งอยู่ในย่านธุรกิจชั้นนำ เพชรเกษม–พุทธมณฑลสาย 5 บนทำเลที่ดีที่สุดติดถนนเพชรเกษม เดินทางเข้าออกโครงการได้ง่าย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่เชื่อมต่อถึงพุทธมณฑลสาย 4 ในอนาคต กับราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท
บริทาเนีย เทพารักษ์-ศรีนครินทร์ (Britania Thepharak-Srinakarin) โครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดสไตล์อังกฤษ ขนาด 2 ชั้น บนพื้นที่โครงการกว่า 35 ไร่ จำนวน 190 ยูนิต มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางบนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ ราคาเริ่มต้น 5.99-11 ล้านบาท
อนาบูกิ ธนาฮาบิแทต ราชพฤกษ์ โครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ L-Home (ทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่) บนพื้นที่โครงการกว่า 30 ไร่ สไตล์ Modern Japanese Style ครบครันด้วยระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ราคาเริ่มต้น 9.7 ล้านบาท
