แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์สเตชั่น บาย ไซมิส แอสเสท (Landmark At Grand Station By Siamese Asset) เป็นโครงการมิกซ์ยูส บนทำเลศักยภาพ ตรงข้ามแฟชั่นไอส์แลนด์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงแหวนรามอินทรา เพียง 400 เมตร ภายในห้องออกแบบเป็น 2 ชั้น เพดานสูง 4.15 เมตร เน้นความโปร่ง โล่ง พร้อมออกแบบห้องตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องพักสำหรับผู้สูงอายุ คนที่มีสัตว์เลี้ยงหรือห้องพักในรูปแบบ Co-living และห้องพักแบบมาตรฐาน ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งพื้นที่พักอาศัย โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และสำนักงาน ราคาเริ่มต้นเพียง 2.90 ล้านบาท
หากตัดตัวแปรการเกิดขึ้นของอาคารสำนักงานอย่างแน่นหนาแล้วดูเหมือนว่า “เพชรเกษมตอนต้น” อาจจะไม่ได้น้อยหน้าเหมือนพื้นที่ในเมืองอย่างสาทรเลย สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นคือการเกิดขึ้นของโปรเจกต์สถานี Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่จะมาผสานกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวอ่อน (สถานีบางหว้า) พื้นที่รอบๆสถานีบางหว้าได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ได้คว้าพื้นที่ที่ใกล้กับสถานีบางหว้าได้เช่นกัน เกิดขึ้นเป็นโครงการคุณภาพที่ตอบสนองต่อดีมานด์การอยู่อาศัยในย่านฝั่งธนบุรี “ชีวาทัย เพชรเกษม 27” ที่มาพร้อมราคาที่อยู่ในระดับคำว่า “ผ่อนสบาย” ในกลุ่มมนุษย์เงินเดือนระดับกลางและคำว่า “เช่าไหว” สำหรับครอบครัวที่ส่งบุตรหลานมาเรียนยังมหาวิทยาลัยในย่านนี้ และหากจะขับรถไปไหนมาไหนสามารถทำได้อย่างสะดวกเนื่องจากถนนเพชรเกษมด้านหน้าโครงการนั้นถูกล้อมรอบด้วยหลากหลายถนนพร้อมการอยู่อาศัยที่เปรียบเสมือนได้อยู่ในรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม
สำหรับถนนรายล้อมจะประกอบด้วยอะไรบ้าง รวมถึงคำว่าคุณภาพที่โครงการมอบให้ในราคาที่ใม่ถึงสองล้านบาทจะเป็นเช่นไร บทความนี้มีคำตอบ
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: ชีวาทัย เพชรเกษม 27 (Chewathai Phetkasem 27)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน): CHEWA
ทำเลที่ตั้ง: เขตภาษีเจริญ ถนนเพชรเกษม ซอยเพชรเกษม 27 กรุงเทพฯ
เว็บไซต์: www.chewathai.com
โทร: 094-460-4482
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2559)
พื้นที่โครงการ: 4 – 0 – 36 ไร่
ลักษณะโครงการ: คอนโดฯไฮไรส์ สูง 26 ชั้น
กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มคนย่านฝั่งธนบุรีหรือคนที่ชอบการอยู่อาศัยในย่านนี้, กลุ่มคนที่ส่งลูกเข้ามาศึกษาในย่านฝั่งธนฯ, คนที่ต้องใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนอยู่บ่อยครั้ง ขนาดของครอบครัวตั้งแต่ 1 ท่าน 2 ท่าน ไปจนถึงคุณพ่อคุณแม่ลูกหนึ่ง
ที่จอดรถ: 245 คัน หรือ 38% รวมจอดซ้อนคันจะอยู่ที่ 45%
สิ่งอำนวยความสะดวก: ล็อบบี้, สวน, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, เล้าจน์, ห้องอเนกประสงค์
ระบบรักษาความปลอดภัย: CCTV และ รปภ. 24 ชม.
เงื่อนไขการชำระเงิน: จอง + ทำสัญญา ตั้งแต่ 100,000 – 200,000 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง)
เงินกองทุนสะสม: 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าส่วนกลาง: 35 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่นล่าสุดฟรีค่าส่วนกลาง 10 ปี)
ราคาเริ่มต้น: ยูนิตพิเศษเริ่ม 3.5 ล้านบาท
รูปแบบห้อง
–Studio ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24 ตร.ม. (205 ยูนิต)
–1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 31 ตร.ม. (387 ยูนิต)
–2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 43 ตร.ม. (46 ยูนิต)
รายละเอียดโครงการ
แนวคิดโครงการ
ชีวาทัย เพชรเกษม 27 ออกแบบในรูปแบบ รีสอร์ทคอนโดฯ ที่มีหนึ่งอาคารตั้งอยู่บนเนื้อที่ที่มีขนาดกว่า 4 ไร่ อาคารมีความสูง 26 ชั้น ทางชีวาทัยเองต้องการให้โครงการนี้เป็นจุดกลางการอยู่อาศัยเพื่อเชื่อมต่อทั้งชีวิตการทำงาน, การเรียน และการพักผ่อน เซ็กเม้นท์ของโครงการจัดอยู่ในระดับ middle-end (กลุ่มคนระดับกลาง) การออกแบบตัวอาคารเป็นแบบโมเดริ์นที่เน้นการใช้สอยทั้งในพื้นที่ของห้องและพื้นที่ส่วนกลาง
เส้นรถไฟฟ้าที่เห็นในโมเดลคือสายสีน้ำเงินที่คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการประมาณปี ’62 และถนนที่อยู่ด้านล่างแนวรถไฟฟ้าคือถนนเพชรเกษม
พื้นที่รอบโครงการ
หากตั้งทางเข้าเป็นทิศใต้จะติดกับถนนเพชรเกษม, ทิศเหนือจะเป็นถนนเทอดไท, ทิศตะวันตกเป็นถนนราชพฤกษ์ และ ทิศตะวันออกเป็นถนนเพชรเกษมช่วงบางแค
Master Plan
ชั้น G ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียว, ล็อบบี้, mail room และ ห้องอเนกประสงค์
ชั้น 4 เป็นพื้นที่อยู่อาศัย (22 ยูนิต) และพื้นที่ส่วนกลางซึ่งประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, ลานอเนกประสงค์, ฟิตเนสและพื้นที่สีเขียว
ชั้น 5 – 26 เป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่มียูนิตเฉลี่ยต่อชั้นประมาณ 25
ชั้นดาดฟ้ามีลานจอดสำหรับเฮลิคอปเตอร์
พื้นที่ส่วนกลาง
การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางนั้น ชีวาทัย เพชรเกษม 27 ต้องการให้ลูกบ้านได้พักผ่อนในสถานที่ที่เปรียบเสมือนการยกรีสอร์ทเข้ามาไว้บนถนนเพชรเกษม ซึ่งหากออกมาตามโมเดลจำลองจริงๆจะถือว่าค่อนข้างคุ้มกับผู้ที่ซื้อในช่วงพรีเซลในราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึง 2 ล้านบาท
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของโครงการจะตั้งอยู่ ณ ชั้น 1 และ 4
ชั้น G จะเน้นการตกแต่งไปที่สวนสีเขียวที่มีต้นไม้สร้างความร่มรื่นรอบๆ ให้ทางเข้ามีบรรยากาศคล้ายรีสอร์ท
ชั้น G จะมีพื้นที่ส่วนกลางอีกจุดหนึ่งนั่นคือด้านหลังของตัวอาคารซึ่งใกล้กับคลองภาษีเจริญ
ชั้น 4 จะประกอบด้วยส่วนกลางสองส่วน ทิศเหนือของอาคารจะเป็นสวนหย่อมพร้อมลานสำหรับประกอบกิจกรรมต่างๆ
ลานสำหรับประกอบกิจกรรมจะถูกปูเป็นพื้นไม้ยางกันน้ำ สังเกตดีไซน์ด้านหน้าจะมีการเล่นลวดลายนำเส้นโลหะสีทองแดงเข้าตัดกับสีของตัวอาคารที่เป็นสีเทา
พื้นที่ส่วนกลางอีกส่วนของชั้น 5 จะอยู่ที่ฝั่งตะวันตกของตัวอาคาร ซึ่งจะเป็นสระว่ายน้ำดีไซน์สไตล์รีสอร์ทอีกเช่นกันรวมถึงฟิตเนส พร้อมลานกว้างรองรับการใช้งานประดับด้วยต้นไม้ตามมุมต่างๆ
พื้นที่ชั้น 1 – 4 เป็นพื้นที่จอดรถ บริเวณรอบตัวโครงการจะถูกตกแต่งด้วย Facade ระแนงไม้
รีวิวห้องชุดโครงการ
ห้อง Studio Type A1 พื้นที่ใช้สอย 24 ตร.ม.
ห้อง Studio ของโครงการจะมีผนังกั้นส่วนแยกระหว่างห้องครัวกับส่วนที่เป็นพื้นที่ Living และ Bedroom Ceiling Height ที่ได้อยู่ที่ประมาณ 2.45 เมตร
โซน Living ขนาดพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ประมาณ 2 x 2 เมตร ทำให้อาจจะสามารถจัดวางโต๊ะรับแขกได้แค่ขนาดเล็กเพื่อให้ไม่ขวางทางเข้าห้องมากเกินไป
ขนาดความกว้างของโซน 2 x 2 เมตรอาจจะสามารถเลือกได้เป็นไซส์ทีวีที่ไม่เกิน 40 นิ้ว ทั้งนี้ถ้าต้องการให้มีพื้นที่เหลือขึ้นเยอะแนะนำให้เลือกการจัดวางทีวีเป็นแบบแขวนผนัง (งานบิ้ลทฺอินชั้นวางไม่ได้ถูกติดตั้งมาให้)
โซนที่เป็น Bedroom จะมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2 x 2 เมตร แต่ก็สามารถจัดวางเตียงขนาดควีนไซส์ (5 ฟุต) ได้
พื้นที่ปลายเตียงมีลิ้นชักบิ้ลท์อินมาให้แต่ไม่ได้ท็อปด้วยกระจกสีดำ เนื่องจากไม่ใช่งานบิ้ลท์อินแบบตู้จึงอาจต้องหาราวมาติดตั้งเพื่อแขวนเสื้อผ้า ถ้าติดตั้งเป็นตู้อาจจะไม่มีพื้นที่พอสำหรับเปิดออกมา
ห้องครัว
พื้นที่ใช้สอยห้องครัวจะมีประมาณ 2 x 3 เมตร งานบิ้ลท์อินเคาน์เตอร์ครัวติดตั้งมาให้พร้อม sink ล้างจาน แต่จะไม่มีเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้
Props ต่างๆเป็นเพียงไอเดียการตกแต่ง รวมถึงไมโครเวฟไม่ได้ถูกรวมอยู่ด้วย พื้นที่ตรงครัวติดกับระเบียงที่สามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกไปได้ ระเบียงมีขนาดความกว้างประมาณ 1 เมตร
มีธรณ๊ยกขึ้นกั้นโซนเปียกและแห้งพื้นและผนังเป็นเซรามิค 30 x 30 ซม. ผนังเป็นสีน้ำตาลพื้นเป็นสีเทาตามห้องตัวอย่างเลย
1 bedroom Type B2 พื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม.
เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับโซน Kitchen ก่อน เป็นลักษณะแนวตอนลึกเข้าไป ข้างในจะเป็นโซน Living งานบิ้ลท์อินมาตรฐานเช่นเดียวกับของห้องสตูดิโอ (ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและ props) บิ้ลท์อินตู้ชั้นวางด้านบนที่ยิงยาวเข้าไปจะไม่ได้มีมาให้งานบิ้ลท์อินจะสุดแค่ตรงครัวเท่านั้น)
พื้นที่โซน Living จะมีขนาดประมาณ 2 x 3 เมตร มากกว่าของ Studio สามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งได้ ด้วยขนาดที่มากกว่าทำให้สามารถจัดวางทีวีในระยะที่ไกลกว่าซึ่งอาจจะเป็นทีวีขนาด 40 นิ้วขึ้นไปได้
งานบิ้ลท์อินหลังจุดวางโซฟาไม่ได้ถูกติดตั้งมาด้วยเป็นเพียงไอเดียการตกแต่งเฉยๆ ของจริงจะเป็นผนังเรียบสีขาว
ห้องนอน
พื้นที่ห้องนอนจะมีขนาดใหญ่กว่าส่วนของ Studio โดย Type นี้จะให้ขนาดห้องนอนมาที่ 2 x 3 เมตร งานบิ้ลท์อินตู้เสื้อผ้าและชั้นวางด้านข้างไม่ได้ให้มาด้วย จะเป็นพื้นที่โล่งสำหรับยูนิตจริง รวมถึง Headboard กับชั้นวางสีดำตรงหัวเตียงที่เป็นเพียงไอเดียการตกแต่งของโครงการเฉยๆ หน้าต่างข้างเตียงเป็นแบบกระจกบานเลื่อน
2 bedroom Type D1 พื้นที่ใช้สอย 43 ตร.ม.
เลย์เอ้าท์ของห้องประกอบด้วย 2 ห้องนอน, 1 ห้องครัว โซน Dining และ Living 1 ห้องน้ำ และระเบียงส่วนตัวตรงจุด Living
เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับโซน Dining ที่สามารถรองรับโต๊ะทานข้าวได้ถึง 4 – 5 ที่นั่ง ประตูทางเข้าข้างหน้าคือ Master Bedroom
จากจุดประตูทางเข้ายูนิต ฝั่งซ้ายจะมีพื้นที่ที่สามารถจัดวางตู้ชั้นวางรองเท้าหรือร่มได้ (งานบิ้ลท์อินในรูปไม่ได้ให้มาด้วย) ฝั่งขวาจะเป็นห้องน้ำของยูนิต
ห้องน้ำ
โซน Living มีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2 x 3 เมตร ผนังตรงทีวียูนิตที่ลูกค้าจะได้รับจะเป็นสีขาวเรียบและไม่มีชั้นวางให้เหมือนห้องตัวอย่าง สามารถจัดวางโซฟาขนาด 3 – 4 ที่นั่งได้
ห้องนอนเล็กมีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2 x 2 เมตร อาจจะทำให้วางเตียงได้แค่ไซส์ 3 ฟุตเท่านั้น ห้องจริงจะเป็นพื้นที่ห้องสี่เหลี่ยมไม่มีงานบิ้ลท์อินตู้มาให้
พื้นที่ด้านข้างมีขนาดพอจะทำงานบิ้ลท์อินตู้หรือซื้อสำเร็จรูปมาก็ได้ แต่แนะนำให้เป็นแบบตู้บานเลื่อนหากเป็นแบบประตูบานเปิดเวลาเปิดจะทำให้พื้นที่ห้องดูแคบลง
ห้องครัวที่จะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นส่วนแยกจาก Dining zone งานบิ้ลท์อินติดตั้งมาให้พร้อมชุด Standard เหมือนกับสองห้องตัวอย่างก่อนหน้า
พร้อมระเบียงส่วนตัวขนาดความกว้าง 1 เมตรที่สามารถเปิดได้จากห้องครัวนี้ พื้นระเบียงจะเป็นพื้นเดียวกับห้องน้ำนั่นคือเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม.
Master Bedroom
Master Bedroom จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2 x 3 เมตร ทำให้สามารถจัดวางเตียงขนาด ควีน – คิงไซส์ได้ (5 – 6 ฟุต)
ระยะห่างจากผนังมาถึงปลายเตียงมีขนาดประมาณ 0.7 เมตร หากเลือกเป็นทีวีแขวนผนังจะมีพื้นที่เหลือมากกว่า (งานบิ้ลท์อินชั้นวางทีวีในห้องตัวอย่างไม่ได้ถูกแถมมาด้วย) / พื้นที่ด้านข้างเตียงสามารถจัดวางหรือบิ้ลท์อินตู้เสื้อผ้าได้ พร้อมยังเหลือพื้นที่พอให้ทำเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งอีกด้วย
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
-Ceiling Height ประมาณ 2.45 เมตร
-พื้น ลามิเนตหนา 8 มม. (Living Room, Bedroom) พื้นห้องน้ำและระเบียงเป็นเซรามิก 30 x 30 ซม.
-Furniture Package
-เครื่องปรับอากาศ (ตามมาตรฐานโครงการ)
-ชุดครัว (ตามมาตรฐานโครงการ)
ทําเล & การเดินทาง
ศักยภาพทำเลบนถนนเพชรเกษม
การเดินทางในอดีต
ถนนเพชรเกษมเป็นถนนเส้นยาวที่มีเส้นทางตั้งแต่เขตใกล้ใจกลางเมืองในกรุงเทพฯ (นับตั้งแต่ช่วง ท่าพระ – ตากสิน) ไปจนถึงเขตปริมณฑลที่จะออกไปยังจังหวัดต่างๆทางภาคกลางตอนเหนือ โดยตลอดเส้นทางจะผ่านถนนพุทธมณฑลสายต่างๆ ก่อนการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวอ่อน (สะพานตากสิน – บางหว้า) การเดินทางจากสาทรเข้าสู่พื้นที่เพชรเกษมนั้นต้องขับรถข้ามสะพานสาทรหรืออีกชื่อหนึ่งคือสะพานตากสิน เพื่อมาจุดตัดแยกที่ออกไปยังสองถนนนั่นคือ ถนนราชพฤกษ์ และ ถนนกัลปพฤกษ์ หลายคนที่เคยใช้เส้นทางนี้จะพบว่าแต่ก่อนจำนวนความหนาแน่นของจราจรจะค่อนข้างหนาแน่นมาก
แต่ก่อนนั้นปริมาณรถที่วิ่งเข้าสู่ถนนสองเส้นทั้งราชพฤกษ์และกัลปพฤกษ์อาจจะไล่เลี่ยกัน แต่หลังจากที่การเกิดขึ้นของที่อยู่อาศัยประเภทโครงการจัดสรรเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากประกอบกับการที่ผู้ประกอบการค้าปลีกต่างเข้าไปเปิดคอมมูนิตี้มอลล์รวมถึงร้านอาหารต่างๆมากมายประกอบกับการที่ถนนราชพฤกษ์นั้นเป็นเส้นที่สามารถเข้าสู่ถนนเพชรเกษมซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรอยู่อาศัยจำนวนไม่น้อย ส่งผลไปยังจำนวนรถที่ไหลเข้า – ออก จากถนนเส้นนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจนแซงหน้าถนนกัลปพฤกษ์ จากปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยบนถนนเพชรเกษมต้องผจญปัญหารถติดเป็นอย่างมาก กรมทางหลวงชนบทแลเห็นถึงปัญหาการจราจรที่ตอบรับศักยภาพการเติบโตของถนนราชพฤกษ์ จึงได้เกิดขึ้นเป็นสะพานยกระดับเพื่อข้ามไปยังราชพฤกษ์ขึ้น
การเดินทางในปัจจุบัน
จากเดิมที่เคยมีช่องการเดินรถเพียงแค่สองช่องปัจจุบันได้ถูกขยายกลายเป็นสามช่องเพื่อการจราจรที่คล่องตัวมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ที่ต้องขับรถจากฝั่งสาทรเข้าเพชรเกษมใช้เวลาการเดินทางที่น้อยลงทั้งขาเข้าและขาออก
สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเพื่อเข้าสู่โซนเมืองสมัยก่อนที่จะเกิดรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายขึ้น เส้นของการเดินรถประจำทางจะไม่ผ่านเข้าถนนราชพฤกษ์ แต่จะเป็นการวิ่งเข้าสู่ถนนเพชรเกษมช่วงท่าพระแทน ซึ่งปริมาณรถจะค่อนข้างหนาแน่นเช่นกัน
จุดการเดินรถประจำทางเข้าเมืองจะไม่วิ่งเข้าถนนราชพฤกษ์แต่จะผ่าน ถนนเพชรเกษม – ท่าพระแทน
แยกท่าพระเป็นอีกจุดอินเตอร์เชนจ์กันระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีน้ำเงิน จากตำแหน่งของแยกท่าพระนอกจากจะเป็นเส้นที่สามารถเข้าสู่ถนนสาทรได้แล้ว ยังเป็นแยกที่สามารถเข้าสู่ถนนพระราม 3 ได้อีกด้วย
ศักยภาพด้านการอยู่อาศัยบนถนนเพชรเกษม (Living Factors)
-ห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์
ซีคอน บางแค
แต่ก่อนที่จะมีแผนแม่บทของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่จะวิ่งผ่าน ถนนเพชรเกษม – บางแค นั้น ดูเหมือนว่าไม่ค่อยมีผู้ประกอบการด้านค้าปลีกให้ความสนใจในเรื่องการนำคอมมูนิตี้มอลล์หรือพื้นที่ไลฟ์สไตล์มาลงสักเท่าไรนัก นั่นเพราะ ณ ตอนนั้น ถนนเพชรเกษม ยังขาดคุณสมบัติการนำพาคนจากฝั่งในเมืองเข้าสู่พื้นที่เพชรเกษมผ่านระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า
อย่างไรก็ตามเมื่อแผนรถไฟฟ้าถูกอนุมัติจนนำมาถึงกระบวนการการก่อสร้างพื้นที่นี้ก็ถูกเติมสีสันขึ้นมา เริ่มกันที่ ฟิวเจอร์พาร์ค บางแค ที่อยู่ในสภาพที่เกือบจะไปต่อไม่ไหว ถูกปรับปรุงเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ทันสมัยดึงดูดประชากรที่กำลังย้ายเข้าสู่เพชรเกษมมากขึ้นเกิดขึ้นเป็น ซีคอน บางแค ซึ่งถือว่าเป็นการปรับปรุงที่นำมาสู่ผลตอบรับและความสำเร็จที่ดีเป็นอย่างมาก
ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค ที่ถูกฟิวเจอร์สแควร์ทุ่มงบกว่า 2 พันล้านเข้าซื้อเกิดขึ้นเป็น ซีคอน บางแค ที่ดูทันสมัยและน่าเดินยิ่งขึ้น (รูป ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค via: prachachart.com, รูป ซีคอน บางแค via: painaidii.com)
จากโครงการ ชีวาทัย เพชรเกษม 27 มายัง ซีคอน บางแค ใช้เวลาขับรถประมาณ 5 – 10 นาที
และหากลองดูการเปลี่ยนแปลงบนพื้นที่เพชรเกษมช่วงตั้งแต่เลยเดอะมอลล์ บางแคไปจนถึงช่วงเพชรเกษม 69 จะเห็นว่ามีการเกิดขึ้นของบิ๊กซี เพชรเกษม ที่แต่ละวันสามารถดึงดูดกลุ่มคนชั้นกลางได้หลายหมื่นรายเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกัน สาเหตุที่ทำให้ผู้คนต่างเข้ามาที่บิ๊กซีไม่ว่าจะเป็นช่วงยามเย็นวันธรรมดาหรือช่วงเสาร์อาทิตย์นั่นเพราะนอกจากจะเป็นแหล่งค้าปลีกแล้ว ยังมีโฮมโปรตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน รวมถึงโรงหนังอย่างเมเจอร์ฯก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห้างบิ๊กซีนี้เนื่องจากแลเห็นว่าดีมานด์ด้านการดูหนังยังคงมีอยู่มากจากประชากรในช่วงถนนซอยเพชรเกษม 69 ซึ่งเป็นถนนเส้นใหญ่และยาวทะลุไปถึงถนนเอกชัย ประกอบไปด้วยชุมชนตลาดคลองขวาง และเนื่องจากขนาดที่ใหญ่ของซอย ส่งผลให้มีประชากรอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งพวกเขามองว่าการไปจับจ่ายใช้สอยหรือดูหนังที่เดอะมอลล์ค่อนข้างใช้ระยะเวลาการเดินทาง บิ๊กซีจึงเป็นอีกตัวเลือกที่ตอบสนองดีมานด์การดูหนังและช้อปปิ้งเช่นกัน พร้อมระยะทางที่ใกล้กว่า นอกจากนี้ยังมีการเกิดขึ้นของคอมมูนิตี้มอลล์ที่มาพร้อมการตกแต่งในสไตล์ยุโรปหน่อยๆอย่าง Victoria Gardens
จากโครงการ ชีวาทัย เพชรเกษม 27 มายัง เดอะมอลล์ บางแค มีระยะทางประมาณ 6 กม., บิ๊กซี เพชรเกษม 8 กม., Victoria Gardens 9 กม.
สถานศึกษาและโรงพยาบาล
มหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ มหาวิทยาลัยสยาม ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ชีวาทัย เพชรเกษม 27 นอกจากนี้ถนนเพชรเกษมยังมีจุดเชื่อมต่อไปยังแยกวงเวียนใหญ่ซึ่งสามารถเลี้ยวเข้าถนนประชาธิปกได้ ซึ่งถนนนี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนศึกษานารี และ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และหากบุตรหลานต้องเดินทางไปเรียนที่ย่านฝั่งพระนครสามารถข้ามโดยใช้สะพานพุทธได้เช่นกันจากถนนประชาธิปกนี้ โดยฝั่งพระนครเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาอย่าง โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, วิทยาลัยเพาะช่าง, มหาวิทยาลัยศิลปกร และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สำหรับโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุดคือ โรงพยาบาลพญาไท ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กม.
ความคึกคักทางอสังหาฯบนถนนเพชรเกษม (เขตภาษีเจริญ)
ผู้บุกเบิกเจ้าแรกที่เริ่มเข้าไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯบนถนนเพชรเกษม (พื้นที่ไฮไลท์สีแดงคือเขตภาษีเจริญ) ใกล้บีทีเอสบางหว้ามากที่สุดคือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กับโครงการ ศุภาลัย พาร์ค ราชพฤกษ์ – เพชรเกษม ต่อมาคือ บริษัท เจ้าพระยา จำกัด (มหาชน) ที่มาพร้อมโครงการ แบงค์คอก ฮอไรซอน และต่อมาคือ บริษัท ชัยพัฒนาที่ดิน จำกัด ที่มองว่าศักยภาพบนทำเลนี้ยังสามารถไปได้ต่อโดยส่งโครงการ เดอะเพรสซิเดนท์ คอนโดมิเนียม และ เดอะเพรสซิเดนท์ คอนโดมิเนียม 2 – 3 เข้าประกวด
ภาคอาคารสำนักงานที่กำลังเข้ามา
ไม่เพียงแค่ภาคอสังหาฯด้านการอยู่อาศัยเท่านั้นที่ได้รับความสนใจ ในภาคส่วนของอาคารสำนักงานก็ “เริ่ม” ได้รับความสนใจเช่นกัน โดยในช่วง ซอยเพชรเกษม 33/5 ก่อนถึงห้าง ซีคอน สแควร์ กำลังมีการก่อสร้างโครงการ อาคารสำนักเพชรเกษม ที่จะประกอบด้วยอาคารสำนักงาน 3 อาคารด้วยกัน ซึ่งจุดนี้แสดงให้เห็นถึงจำนวนประชากรกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่จะไหลเข้ามามากขึ้น นำไปสู่ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยที่คาดว่าจะมากขึ้นตาม ประกอบกับการเดินทางมายังสำนักงานที่จะสามารถทำได้อย่างสะดวกขึ้นในอนาคตหลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดให้บริการ
ศักยภาพทำเลเพชรเกษมซอย 27
-ศักยภาพด้านคมนาคม (Commuting Factors)
เพชรเกษมซอย 27 ตั้งอยู่ตรงข้ามหาวิทยาลัยสยามซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถเรียกได้ว่าอยู่ในพื้นที่ที่เป็นถนนรายล้อม (Grid Road System) ความหมายของคำว่าถนนรายล้อมคือการที่เป็นจุดที่สามารถเข้าออกได้จากถนนหลายสายด้วยกัน สร้างความสะดวกสบายด้านการเดินทางเป็นอย่างมาก ประกอบกับการที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ซึ่งจากสถานีดังกล่าวการเข้าถึงโซนซีบีดีสาทรจะใช้เวลาการเดินทางประมาณ 15 นาที ด้วยศักภาพที่เกิดขึ้นดีเวลลอปเปอร์รายบิ๊กที่เข้าไปปักหมุดขึ้นโครงการเป็นลำดับแรกๆคือ ศุภาลัย กับโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์ – เพชรเกษม
-ถนนที่สามารถเข้าออกได้จากที่ตั้งโครงการ (เพชรเกษม 27) มีถนนราชพฤกษ์ ซึ่งต้องกลับรถเพื่อข้ามมาอีกฝั่ง ณ ตรง แยกสถานีบางหว้า จะมีทางเลี้ยวซ้ายซึ่งจะต้องสังเกตป้ายให้ดีเพราะสามารถไปยังถนนราชพฤกษ์ (ไม่ต้องขึ้นสะพานกลับรถ) หรือจะขึ้นสะพานเพื่อกลับรถไปยังถนนรัชดาภิเษก (ท่าพระ) ซึ่งหากต้องการไปยังถนนกัลปพฤกษ์จะต้องใช้สะพานเดียวกันนี้เพื่อไปลงตรงแยกสะพานยกระดับราชพฤกษ์นั่นเอง
หลายคนอาจจะบ่นปัญหารถติดโดยเฉพาะในช่วงเย็นที่เกิดจากการที่ถนนเพชรเกษมกำลังดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่จะวิ่งไปสิ้นสุดที่เดอะมอลล์บางแค (ตามแนวก่อสร้างปัจจุบัน) แต่อดทนไม่นานเกินรอเพราะการก่อสร้างคาดว่าจะเสร็จสิ้นประมาณปี ’61 พร้อมทดลองระบบและสามารถเปิดใช้บริการได้ประมาณปี ‘62
นอกจากจะเป็นจุดอินเตอร์เชนจ์สถานีบางหว้าระหว่างสายสีน้ำเงินและเขียวแล้ว ภายในอนาคตจะมีส่วนต่อขยายของสายสีเขียวที่จะวิ่งผ่านถนนบางแวกไปลงยังถนนกาญจนาภิเษกได้
นอกจากนี้ถนนเพชรเกษมหากยิงยาวตรงไปขึ้นไปทางฝั่งบางแคเรื่อยๆจะเป็นการมุ่งหน้าเข้าสู่ปริมณฑล (หนองแขมและสามพราน) ซึ่งสามารถออกไปยังนครปฐมได้ หรือจะเป็นการไปยังถนนกาญจนาภิเษกที่เป็นพื้นที่ใหญ่ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายรถมือสองก็ได้เช่นกัน (การเข้าถนนกาญจนาสามารถทำได้โดยการขึ้นสะพานยกระดับฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์บางแค) หรือจะเป็นการข้ามไปยังฝั่งพระราม 2 ก็สามารถขึ้นสะพานต่างระดับบริเวณเดอะมอลล์บางแคก็ได้เช่นกัน (สะพานต่างระดับฝั่งเดียวกับเดอะมอลล์)
แยกตรงเดอะมอลล์ บางแค สามารถไปยังถนนกาญจนาภิเษก – ถนนบรมราชชนนี – บางบัวทอง (เส้นประสีเขียว), ออกไปยังนครปฐม (เส้นประสีน้ำเงิน), หรือจะวกกลับไปยังถนนกัลปพฤกษ์หรือข้ามไปพระราม 2 – ดาวคะนอง ก็ยังได้ (เส้นประสีส้ม)
การเดินทางมายังโครงการ
จากสะพานสาทร (หรือสะพานตากสิน) ให้ตรงตามแนวรถไฟฟ้ามาเรื่อยๆ ขึ้นสะพานข้ามแยก รัชดาภิเษก (ท่าพระ) จนผ่านสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศ หลังจากเลยมาจะเป็นแยกที่ต้องเลือกระหว่างไป ถนนเทอดไทกัลปพฤกษ์ หรือ เพชรเกษม (บรมราชชนนี) ให้เลือกไปอันหลัง
หลังจากลงสะพานยกระดับที่เพิ่งสร้างเสร็จให้ชิดซ้ายเพื่อเข้าถนนเพชรเกษม
เมื่อลงสะพานมาจะเป็นทางบังคับเลี้ยวซ้ายตรงสถานีบางหว้าเพื่อเข้าสู่ถนนเพชรเกษม
เมื่อตรงจากสถานีบางหว้ามาประมาณ 500 เมตร โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ
บรรยากาศในและรอบๆพื้นที่โครงการ
พื้นที่ขึ้นของโครงการ
พื้นที่ด้านขวาติดกับอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น
ฝั่งซ้ายมองเห็นเป็นเพื่อนบ้าน ศุภาลัย พาร์ค ราชพฤกษ์ – เพชรเกษม
ถนนเพชรเกษมด้านหน้าโครงการ และแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่กำลังก่อสร้าง
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นมหาวิทยาลัยสยาม
สถานที่ Lifestyle
นอกจากห้าง ซีคอน สแควร์ ในข้างต้นแล้วเรายังมีร้านอาหารแนะนำบนถนนราชพฤกษ์ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกจากตัวโครงการ ชีวาทัย เพชรเกษม 27 ประกอบด้วย ร้าน Villa De Bear, จับแพะชลแกะ และ The Most Bar & Bistro
Villa De Bear
วิลล่า เดอ แบร์ คือร้านอาหารประเภทฟิวชั่นซึ่งมีทั้งไทยและเทศ รวมถึงร้านเบเกอรี่ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้า การตกแต่งเน้นไปสไตล์บ้านในฝั่งยุโรปเหนือแบบสวิตเซอร์แลนด์และไอร์แลนด์ที่มาในโทนสีขาว จุดเด่นคือการที่มี mascot ประจำร้านเป็นพี่หมีที่จะคอยต้อนรับแขกและจะแวะเล่นกับบรรดาคุณหนูๆ
จับแพะชลแกะ
ร้านนี้อยู่บนถนนราชพฤกษ์เช่นเดียวกัน (ไม่ไกลจาก Villa De Bear) โดยร้านนี้จะมี theme อยู่ที่การจัดในสไตล์ Retro หรือแนวย้อนยุค เน้นไปที่การนำหุ่นจำลองขนาดเท่าตัวจริงของบรรดาซุปเปอร์ฮีโร่ต่างๆทั้งอดีตและปัจจุบันมาจัดวางให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปเก๋ๆกัน
The Most Bar & Bistro
มากันที่ร้านแนะนำสุดท้าย The Most Bar & Bistro เป็นร้านอาหารฟิวชั่นเช่นเดียวกันแต่จะเน้นไปทางฝั่งอิตาลีเล็กน้อย การตกแต่งร้านจะเป็นสไตล์โมเดริ์นแสงสี จุดเด่นคือการมีสระน้ำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศร้าน ในทุกเดือนจะมีศิลปินดังมาเล่นในบรรยากาศสด ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้ที่ facebook.com/The Most Bar&Bistro
แผนที่การเข้าถึงทั้งสามร้านโดยใช้เวลาการเดินทางประมาณ 10 – 15 นาทีเท่านั้น
บทวิเคราะห์
หากพูดถึงเรื่องผลตอบแทนด้านการลงทุนอาจจะไม่ได้อยู่ในระดับที่ก้าวกระโดดมากนักเหมือนดั่งโครงการที่อยู่ในโซนเมือง หากอิงตามโครงการ ศุภาลัย พาร์ค ราชพฤกษ์ – เพชรเกษม ที่เป็นเพื่อนบ้านของ ชิวาทัย เพชรเกษม 27 จะพบว่าโครงการมีมาตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2553 โดยราคาเปิดนั้นอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 2.7 ล้านบาท (ห้องขนาดที่ 46 ตร.ม.) หากนับช่วงเวลา 6 ปี (รวมปี 2559 ปัจจุบัน) จะพบว่าราคา resale ที่ซื้อขายกันในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 3.3 ล้านบาท หมายความว่า capital gain (ส่วนต่างระหว่างราคาที่ได้มากับราคาปัจจุบัน) 6 ปีจะอยู่ที่ 600,000 บาท หารด้วยจำนวนปี 6 ปีจะได้กำไรปีละ 100,000 บาท เมื่อนำไปคิดจากราคาเปิดที่ 2.7 ล้านจะได้ capital gain ปีละประมาณ 3.7% หรือคิดเป็นสูตรดังนี้:
(3,300,000 – 2,700,000) หารด้วยจำนวนปี (6) = 100,000 บาท จำนวนนี้คือ 3.7% ของราคา 2,700,000 บาท
*ตอน ศุภาลัย พาร์ค ราชพฤกษ์ – เพชรเกษม เปิดตัวเป็นช่วงที่ช่วงต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วง สะพานตากสิน – บางหว้า เปิดใช้บริการแล้ว
อย่างไรก็ตามต้องติดตามดูการเปลี่ยนแปลงในเรื่องราคาที่ดินที่ซื้อขายกันจริงๆด้วย ซึ่งคาดว่าจะขยับขึ้นอีกทีหลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนั้นก่อสร้างเสร็จ เรามีตัวเลขการขยับขึ้นของราคาที่ดินบนถนนเพชรเกษมจากการประเมินของกรมธนารักษ์ดังนี้:
รอบปีประเมิน 2555 – 2558 อยู่ที่ 110,000 บาท/ ตร.วา
รอบปีประเมินล่าสุด 2559 – 2562 อยู่ที่ 120,000 – 175,000 บาท/ ตร.วา
สาเหตุที่กรอบราคาประเมินล่าสุดนั้นค่อนข้างกว้างเพราะถนนเพชรเกษมเป็นถนนเส้นยาว ซึ่งโซนที่ราคาที่ดินปรับตัวขึ้นสูงสุดคือช่วง รัชดา – ท่าพระ สาเหตุนั่นเพราะเป็นจุดอินเตอร์เชนจ์ระหว่างสายสีเขียวและน้ำเงินที่ใกล้โซนเมืองที่สุด (ตลาดพลู) ส่งผลให้ราคาขายของโครงการเปิดใหม่ที่ขึ้นใกล้สถานีตลาดพลูอย่าง วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา – ท่าพระ นั้นขยับขึ้นอย่างรวดเร็วและเกือบจะ sold out ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน
ด้านผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (อิงจากราคาโพสต์ประกาศปล่อยเช่าบนหน้าเว็บไซต์ listing ต่างๆ) จะอยู่ที่ประมาณ 4 – 6% ต่อปี
ทั้งนี้ต้องคอยติดตามว่าอาคารสำนักงานที่เข้ามาเปิดใหม่อย่าง “อาคารสำนักเพชรเกษม” นั้นจะดึงดูดภาคแรงงานเข้าสู่ย่านเพชรเกษมได้มากน้อยเพียงใดซึ่งตัวเลขประชากรสามารถสร้างดีมานด์ด้านการอยู่อาศัยบนพื้นที่ได้ผ่านการซื้อหรือเช่า หรือจะเป็นทางฝั่งด้านนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยสยามซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีกลุ่มของนักศึกษาต่างชาติอยู่ กลุ่มผู้บริหารมองว่าดีมานด์การเช่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากนักศึกษาในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
เปรียบเทียบโครงการ
Supalai Park Ratchapruek – Phetkasem
ชื่อโครงการ: ศุภาลัย พาร์ค ราชพฤกษ์ – เพชรเกษม (Supalai Park Ratchapruek – Phetkasem)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: เขตภาษีเจริญ, ถนนเพชรเกษม (ตรงบีทีเอสบางหว้า)
ประเภทโครงการ: คอนโดฯไฮไรส์ สูง 35 ชั้น
พื้นที่โครงการ: 6 – 2 – 32 ไร่
จำนวนยูนิต: 835 ยูนิต
ประเภทยูนิต: 1 ห้องนอน 45 – 46.5 ตร.ม., 2 ห้องนอน 58.5 ตร.ม.
The President
ชื่อโครงการ: เดอะ เพรสซิเดนท์ (The President)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ชัยพัฒนาที่ดิน จำกัด
ที่ตั้งโครงการ: ถนนเพชรเกษม แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
ประเภทโครงการ: คอนโดฯไฮไรส์ สูง 30 ชั้น
พื้นที่โครงการ: 4 ไร่กว่า
จำนวนยูนิต: 793
ประเภทยูนิต: 1 ห้องนอน 30 – 35 ตร.ม., 2 ห้องนอน 50 – 62 ตร.ม.
Bangkok Horizon
ชื่อโครงการ: บางกอก ฮอไรซอน เพชรเกษม (Bangkok Horizon Phetkasem)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เจ้าพระยา จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: ถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
ประเภทโครงการ: คอนโดฯไฮไรส์ สูง 28 ชั้น
พื้นที่โครงการ: 2 – 3 – 39.5 ไร่
จำนวนยูนิต: 418
ประเภทยูนิต: 1 และ 2 bedroom ขนาด 30 – 47 ตร.ม.
สรุป
โครงการชีวาทัย เพชรเกษม 27 คาดว่าน่าจะดึงดูดความสนใจทั้งด้านการเช่าและการซื้อเพื่ออยู่อาศัยได้ในระดับค่อยเป็นค่อยไป หากดูจากแนวคิดโครงการค่อนข้างน่าสนใจเพราะเสมือนได้พักผ่อนในพื้นที่รีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า ทางด้านการจัดสรรประเภทของยูนิต (Unit Provision) นั้นค่อนข้างรองรับดีมานด์ที่หลากหลายในหมู่ผู้บริโภคที่มีตั้งแต่การอยู่อาศัยแบบคนเดียวไปจนถึงแบบครอบครัว โดยห้องมีตั้งแต่ประเภท studio, 1 bedroom และ 2 bedrooms พื้นที่ใช้สอยของยูนิตเริ่มตั้งแต่ 24 – 43 ตร.ม.
สำหรับความสะดวกสบายด้านการเดินทาง ศักยภาพจะถูกเค้นจนถึงสุดเมื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนั้นเปิดให้บริการซึ่งจะมีจุดเริ่มตั้งแต่จุดอินเตอร์เชนจ์ บางหว้า – เดอะมอลล์บางแค และต้องคอยดูว่าหลังจากระบบสาธารณูปโภคเข้าถึงพื้นที่แล้ว จะเกิดพื้นที่คอมมูลนิตี้มอลล์หรือแหล่งค้าปลีกเพิ่มขึ้นหรือไม่เพื่อรองรับจำนวนการจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้นจากจำนวนประชากรที่ไหลเข้ามาในย่านเพชรเกษมช่วงต้นนี้
ด้านกลุ่มลูกค้าที่สนใจคาดว่าจะเป็นกลุ่ม middle income หรือกลุ่มผู้มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 30,000 – 60,000 บาท ราคาผ่อนต่อเดือนระยะเวลาสินเชื่อ 30 ปีจะอยู่ตั้งแต่ 12,000 – 23,000 บาทต่องวด
(อัปเดตล่าสุดวันที่ 16/7/2563)
เพิ่มเติมความรู้ คู่มือซื้อ ขาย เช่าบ้าน-คอนโดฯ พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ และสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน