The Shelter โครงการบ้านเดี่ยว และโฮมออฟฟิศตั้งอยู่ในย่านธุรกิจชั้นนำ เพชรเกษม–พุทธมณฑลสาย 5 บนทำเลที่ดีที่สุดติดถนนเพชรเกษม เดินทางเข้าออกโครงการได้ง่าย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่เชื่อมต่อถึงพุทธมณฑลสาย 4 ในอนาคต กับราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท
หลังจากที่รุกพัฒนาสินค้าประเภทคอนโดมิเนียมมาอย่างต่อเนื่อง แอสเสทไวส์ ผู้พัฒนาโครงการคอนโดฯ แบรนด์ “เอชทู” ก็เดินตามเทรนด์ผุดโครงการแนวราบ หลังจากที่คว้าที่ดินขนาดกว่า 3 ไร่ ทำเลใกล้เมือง บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือที่เรียกกันติดปากว่าเลียบด่วนรามอินทราฯ ในชื่อ “ดิ ออเนอร์” (The Honor) ซึ่งมีเพียง 12 ยูนิต และนับเป็นสินค้าที่ถือว่ามีดีมานด์รองรับ ในขณะที่ซัพพลายใหม่ๆ ของโครงการแนวราบโดยเฉพาะบ้านเดี่ยวในทำเลใกล้เมืองนั้น ปัจจุบันค่อนข้างหาได้ยาก ด้วยข้อจำกัดด้านที่ดินที่จะนำมาพัฒนานั้นเริ่มหาได้ยากขึ้น หรือหาได้ ก็มีราคาสูง ซึ่งหมายถึงต้นทุนในการพัฒนาที่สูง และไม่ต้องเดาเลยว่าราคาที่เคาะออกมาตอนเปิดขายนั้นจะสูงขนาดไหน อย่างไรก็ดี สินค้าประเภทนี้ก็ยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งงบประมาณอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สินค้าที่พัฒนาออกมานั้นจะต้องตอบโจทย์ได้มากกว่าการเป็นบ้านสำหรับอยู่อาศัย และนั่นคือสิ่งที่แอสเสทไวส์ ทำการบ้านมา เพราะนอกจากความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยแล้ว ทางโครงการยังชูไฮไลท์ในเรื่องของฟังก์ชั่นเสริมของตัวทาวน์โฮมอย่าง สระว่ายน้ำส่วนตัวภายในยูนิต, สวนส่วนตัวบนชั้นดาดฟ้า, ห้องสำหรับรองรับการติดตั้งโฮมเธียเตอร์ รวมถึง master bedroom ที่มาพร้อมกับพื้นที่ walk-in closet ขนาดใหญ่
สำหรับยูนิตจริงจะเป็นอย่างไรรวมถึงศักยภาพของถนนประดิษฐ์มนูธรรมเชิงลึกจะเป็นอย่างไร รีวิวฉบับนี้ได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณ
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มีนาคม 2559)
ชื่อโครงการ: ดิ ออเนอร์ (The Honor)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แอซเสทไวส์ จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 10 ถนนประดิษฐ์ธรรมนูญ
พื้นที่โครงการ: กว่า 3 ไร่
รูปแบบ: บ้านเดี่ยว 3 ชั้น
เจาะกลุ่มเป้าหมาย: ครอบครัวใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงและมองหาบ้านในทำเลส่วนตัว
ระบบความปลอดภัย: รปภ. 24 ช.ม., digital door lock, panel แจ้งเตือนระบบความปลอดภัยในบ้าน
พื้นที่จอดรถ: 3 คันต่อยูนิต
สถานะการขาย: จองประมาณ 3 ยูนิต (บ้าน type Apex จาก 10 ยูนิต)
ค่าส่วนกลาง: 155 บาท ต่อตารางวา ชำระล่วงหน้า 1 ปี
ราคาเฉลี่ย: เริ่มต้น 25 ล้านบาท (บ้านขนาด 57.1 ตร.ว.) หรือ 440,000 บาท/ ตร.ว.
จำนวนยูนิต: 12 ยูนิต
แบบบ้าน:
Apex ขนาดที่ดินตั้งแต่ 57.6 – 67.3 ตร.ว. (พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 438 ตร.ม.)
Zenith จะมีเนื้อที่ดิน 2 ขนาดคือ 86.2 และ 87.7 ตร.ว.
สิ่งอำนวยความสะดวก:
-ฟิตเนส
-เลาจน์ บริเวณคลับเฮ้าส์
-ห้องสมุด
เว็บไซต์โครงการ: www.thehonor.com
รายละเอียดโครงการ
โครงการถูกออกแบบมาเพื่อครอบครัวที่กำลังขยาย และต้องการความเป็นส่วนตัว และด้วยจำนวนยูนิตทั้งโครงการที่มีเพียง 12 ยูนิตจึงตอบโจทย์ผู้ซื้อที่กำลังมองหาความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดี
สำหรับพื้นที่ดินของบ้านเริ่มต้นที่ขนาด 55.7 ตร.ว. โครงสร้างสถาปัตยกรรมและการจัดวางตัวแปลนบ้านทำออกมาได้ดีทำให้รู้สึกค่อนข้างกว้างเมื่อเข้ามายังตัวบ้าน ตัวบ้านมีรูปแบบการดีไซน์สไตล์ modern luxury ที่ผสมงานสถาปัตยกรรมแบบ ทรอปิคอล โมเดิร์น เพื่อรองรับการอยู่อาศัยในเมืองร้อน ทั้งนี้เพื่อลดอุณหภูมิภายในตัวบ้าน โดยการออกแบบในส่วนพื้นที่สระว่ายน้ำให้เกิด ventilation flow ส่งไปยังชั้นต่างๆของบ้าน
อีกหนึ่งจุดเด่นและถือเป็นไฮไลท์ที่ทางโครงการภูมิใจเสนอคือการที่ทุกยูนิตจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัวและสวนบนชั้นดาดฟ้าทำให้เหมือนได้พื้นที่ส่วนกลางที่เป็นส่วนตัวมาไว้ในบ้าน รวมถึง layout ของบ้านแต่ละหลังออกแบบมาเพื่อการใช้ชีวิตของครอบครัวขนาดใหญ่โดยได้จัดสรรห้องภายในยูนิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่ส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยแต่ละคน และในชั้น 1 layout ของห้องนั่งเล่นถูกออกแบบมาในแบบ double volume นั่นคือเพิ่มความสูงจากพื้นจรดเพดานของชั้นเป็นอีกหนึ่งเท่าตัวเมื่อเทียบกับชั้นอื่นๆ (ความสูงของชั้น 1 จะอยู่ที่ประมาณ 5 เมตร ส่วนชั้นอื่นจะอยู่ที่ประมาณ 2.7 เมตร)
สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง โครงการได้เก็บรักษาต้นจามจุรีที่มีอายุกว่า 50 ปี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการ เพื่อคงเป็นเอกลักษณ์และสร้างความร่มรื่นให้แก่ตัวโครงการ โดยต้นจามจุรีใหญ่นี้จะอยู่บริเวณคลับเฮ้าส์ ซึ่งประกอบด้วยฟิตเนสและห้องสมุด
โครงการมีบ้าน 2 รูปแบบ ได้แก่ Apex จำนวน 10 ยูนิต และ Zenith จำนวน 2 ยูนิต
แบบบ้าน Apex
Layout ชั้น 1
-พื้นที่หน้าบ้านกว้างประมาณ 6 เมตร สามารถจอดรถได้ 3 คัน
-ห้องนั่งเล่น
-ห้องครัวและรับประทานอาหาร
-สระว่ายน้ำขนาด 8×2 เมตร ลึกประมาณ 1.3 เมตร
-พื้นที่นั่งเล่นตรงสระ
-ห้องเก็บของ
-ห้องแม่บ้าน
ภายในบ้าน
พื้นที่ใต้บันไดผู้อยู่อาศัยสามารถทำเป็นชั้นบิ้ลท์อินวางทีวีได้ (สามารถวางได้ตั้งแต่ 40 นิ้วขึ้นไปเนื่องจากขนาดความกว้างของโซนห้องนั่งเล่น)
ชั้น 2
layout ชั้น 2
-master bedroom พร้อมพื้นที่สำหรับ walk-in closet และระเบียงส่วนตัว
-ห้องสำหรับดูหนังหรือพื้นที่อเนกประสงค์
-family room
-ห้องซักรีด
Grand Master Bedroom
ตรงกลางห้องสามารถทำเป็น walk-in closet ได้ (งานบิลท์อินที่เห็นเป็นเพียงไอเดียที่โครงการดีไซน์ไว้สำหรับบ้านตัวอย่าง)
ชั้น 3
Layout ชั้น 3
-ห้องนอนเล็ก 2 ห้อง
-ห้องพระ
-roof terrace
ห้องนอนฝั่งขวาของชั้น
เมื่อตรงเข้ามาจะเจอกับโซนสำหรับจัดวางเป็น walk-in closet สำหรับฝั่งซ้ายของห้องจะเป็นจุดวางเตียงนอน สำหรับขนาด 5-6 ฟุต
รูปบรรยากาศภายในโครงการ
พื้นที่รอบโครงการ
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
-พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ณ ชั้น 1 และห้องน้ำทุกห้อง (พื้นห้องน้ำจะเป็นแกรนิตโต้ชนิดหยาบ)
-พื้นลามิเนตหนา 8 มม. ณ ชั้น 2 – 3
– roof terrace
-สุขภัณฑ์รวมถึงอ่างอาบน้ำรุ่นท็อป แบรนด์ Toto
-สระว่ายน้ำขนาด 8×2 เมตร
-แอร์ฝังฝ้าแถมให้บริเวณชั้น 1
-ชุดโปรโมชั่นงานบิลท์อิน ในห้องครัว และแอร์ซ่อนใต้ผนัง ณ ชั้น 1 และแอร์ติดผนังชั้นอื่น ติดตั้งทุกห้อง (เพิ่มเติม 1 ล้านบาท)
ทําเล & การเดินทาง
โครงการตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมซึ่งเป็นถนนเส้นยาวที่มีระยะทางกว่า 12 กิโลเมตร โดยนับจุดเริ่มต้นของถนนจากปลายซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ถนนเส้นนี้เป็นถนนที่ตัดเลียบทางพิเศษฉลองรัช (ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์) ที่เชื่อมระหว่างชานเมืองด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ เข้าสู่กรุงเทพฯชั้นใน ซึ่ง ทางด่วนเส้นนี้ยังเชื่อมกับทางด่วนเฉลิมมหานครเพื่อเข้าสู่โซนพระราม 3 (บางโคล่-ดาวคะนอง) และข้ามไปยังถนนสุขสวัสดิ์หรือพระราม 2 หรือไปยังฝั่งบางนา-ตราดได้ เนื่องด้วยทำเลเลียบทางด่วนไม่ใช่โซนที่แออัดไปด้วยอาคารสำนักงานออฟฟิศประกอบกับการสำรวจดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัยประชากรในย่านนี้มีกำลังซื้อที่ค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ประกอบการเลือกพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านเดี่ยวไฮเอนด์เพื่อตอบสนองความต้องการประเภทนี้
อีกหนึ่งความสะดวกของถนนประดิษฐ์มนูธรรมคือการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ โดยขึ้นทางด่วนฉลองรัชแล้วเปลี่ยนเส้นไปยังทางด่วนศรีรัชเพื่อเข้ามอเตอร์เวย์มุ่งหน้าสู่สนามบินโดยใช้เวลาเพียง 25-30 นาที
หากไม่ใช้ทางด่วนฉลองรัช เส้นทางการเข้าถึงเมืองชั้นในจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมจะวิ่งผ่านแยกสำคัญๆ นับจากตัวโครงการ ได้แก่:
–ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม-ลาดพร้าว ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเลี้ยวขวาออกไปยังโซนโชคชัย 4 (ลาดพร้าวช่วงต้นเพื่อเข้าสู่เส้นรัชโยธินมายัง 5 แยกลาดพร้าว) อีกทั้งถนนเส้นรัชโยธินที่สามารถเข้าถึงได้จากโครงการยังเป็นจุดที่สามารถต่อไปยังฝั่งดินแดงรวมถึงเส้นพหลโยธินได้เช่นกัน
-จากโครงการตรงมาแล้วข้ามแยก (จุดเลือกไปยังลาดพร้าวช่วงต้นหรือปลาย) ในส่วนต่อมาจะเป็นแยกถนนพระราม 9 ที่สามารถเลือกว่าจะออกขวาไปยัง ดินแดง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเข้าสู่ถนนราชวิถี โดยจุดตรงแยกอนุสาวรีย์ชัยฯ นี้เองยังเป็นจุดเชื่อมไปยังถนนเส้นสำคัญต่างๆ อาทิเช่น ราชเทวี-ราชปรารภ-ประตูน้ำ เพื่อเข้ามายังบริเวณแยกราชประสงค์หนึ่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) สำคัญของกรุงเทพฯ และราชประสงค์เองก็ยังเป็นถนนที่หากตรงต่อไปก็จะเข้าสู่อีกหนึ่ง CBD นั่นคือ สีลม-สาทร หากเลือกออกซ้ายก็จะสามารถวิ่งไปยังถนนรามคำแหงได้
-หากเลยแยกพระราม 9 เข้ามาอีกตรงมาจะเป็นแยกเพชรบุรีซึ่งเป็นแยกที่สามารถเลี้ยวขวาเพื่อเข้าไปยังถนนเพชรบุรี ที่เป็นโซนที่ตั้งของศูนย์ค้าปลีก-ค้าส่งเสื้อผ้า แฟชั่น และสินค้าไอทีอย่างแพลตทินั่ม ประตูน้ำ และพันธุ์ทิพย์ พลาซ่าได้ หรือหากเลือกเลี้ยวซ้าย ณ แยกเพชรบุรีเดียวกันนี้ จะเป็นเส้นที่สามารถออกไปถนนพัฒนาการ-รามคำแหง-บางกะปิได้เช่นกัน
-สุดท้ายหากตรงข้ามแยกเพชรบุรีมาก็จะเป็นในส่วนของแยกถนน สุขุมวิท-อโศก อีกหนึ่ง CBD สำคัญ โดยมีห้าง Terminal 21 เป็นแลนด์มารค์ของแยกนี้ และจากแยกอโศก-สุขุมวิทนี้เอง หากตรงเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเป็นในส่วนของเส้น คลองเตยมุ่งหน้าไปยังพระราม 3 เพื่อเข้าสู่พื้นที่ริมน้ำ
ถนนเส้นต่างๆที่มาจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมได้
การเดินทางจาก MRT สถานีลาดพร้าวให้วิ่งเข้าถนนโชคชัยสี่หลังจากนั้นเลี้ยวซ้าย ณ แยกถนนประดิษฐ์มนูธรรม เมื่อเลี้ยวเข้ามาให้หาทางกลับรถ เมื่อมายังฝั่งตรงข้ามให้เลี้ยวเข้าซอยประดิษฐ์มนูธรรม 10 ดังรูป
เมื่อเลี้ยวเข้ามาจากแยกประดิษฐมนูญธรรมให้มองหาทางกลับรถเพื่อข้ามมายังฝั่งตรงข้าม
สถานที่ lifestyle
เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์ วิลล์ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ซ.ประดิษฐมนูญธรรม 10 สามารถเข้าถึงด้วยการกลับรถก่อนถึงแยกประดิษฐมนูญธรรม
คริสตัล พาร์ค จะอยู่เลย เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์ วิลล์ มาประมาณ 1.4 ก.ม.
รูป Perspective โครงการ
บทวิเคราะห์
ถ้ามองในแง่ของการลงทุน ดีมานด์บ้านหรูยังคงมีไม่มากนักประกอบกับจำนวนยูนิตที่น้อยทำให้ผู้ซื้อโครงการในลักษณะนี้เป็นเรียลดีมานด์ คือซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเสียมากกว่า แต่ถ้ามองดูราคาประเมินที่ดินต่อตารางวาขั้นต่ำในย่านถนนประดิษฐ์มนูธรรมจะเห็นได้ว่าราคาจากช่วงปี ’51 จนถึงปัจจุบัน ขยับขึ้นมาถึง 25-30% โดยในปี ’51 ราคาที่ดินต่อตารางวาถูกประเมินไว้ที่ประมาณ 70,000 บาท เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่มีราคาต่อตารางวาประเมินเริ่มต้นที่ 90,000 – 100,000 บาท แต่ราคาซื้อขายจริง (actual price) อาจจะสูงกว่าราคาที่ประเมินประมาณ 20-30% หรืออยู่ที่ 130,000-150,000 บาท
เปรียบเทียบโครงการ
1. Soul Ekamai-Ladprao
ชื่อโครงการ: โซล เอกมัย-ลาดพร้าว (Soul Ekamai-Ladprao)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: รามคำแหง 53
พื้นที่โครงการ: 26-01-6.9 ไร่
ประเภทโครงการ: บ้านเดี่ยว 3 ชั้นและบ้านแฝด 3 ชั้น
จำนวนยูนิต: บ้านเดี่ยว 82 ยูนิต และ บ้านแฝด 10 ยูนิต รวม 92 ยูนิต
ขนาดที่ดินบ้านเดี่ยว: 54 ตร.ว. และ 62 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอยบ้านเดี่ยว: 331 ตร.ม. และ 409 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 19 ล้านบาท
2. 15 Gates
ชื่อโครงการ: ฟิฟท์ทีน เกตส์ (Fifteen Gates)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด
ที่ตั้ง: เอกมัย-ลาดพร้าว
เนื้อที่โครงการ: 3-1-74.2 ไร่
ประเภทโครงการ: บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 52-71 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 350 ตร.ม.
จำนวนยูนิต: 15 ยูนิต
ราคาเริ่มต้น: 20 ล้านบาท
สรุป
หากจะเทียบกันในเรื่องของราคาต่อตารางวานั้นจะอยู่ที่ประมาณ 440,000 บาท (บ้านขนาดเริ่มต้นที่ 55.1 ตร.ว.) ข้อดีสำหรับโครงการที่มียูนิตน้อยคือวัสดและคุณภาพงานก่อสร้างที่จะได้รับนั้นจะถูกเน้นไปที่รายละเอียดทุกตารางนิ้ว อีกทั้งการที่มีสระว่ายน้ำรวมถึง rooftop garden ส่วนตัวเป็นฟังก์ชั่นที่ทำให้สามารถกำหนดราคาในระดับนี้ได้ ในเรื่องความเป็นส่วนตัวสำหรับการใช้ชีวิตครอบครัวถือว่าโครงการตอบโจทย์นี้ได้ ส่วนเรื่องของการเดินทาง แม้จะเป็นทำเลที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนต่างๆ ได้หลายสาย แต่ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนอาจจะต้องเผชิญกับการจราจรที่หนาแน่นได้ หากไม่เลือกใช้ทางด่วนฉลองรัชที่อยู่ใกล้กับตัวโครงการ สำหรับการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีลาดพร้าว (ห่างจากโครงการประมาณ 7 กม.) หรือใช้เวลาขับรถประมาณ 20 นาที ก็อาจเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากขับรถเข้าไปฝ่าฟันกับรถติดในใจกลางเมือง (สถานีลาดพร้าวมีอาคารบริการรับฝากรถ – มีค่าใช้จ่าย)