พาร์ค 168 นพรัตน์ รามอินทรา (Park 168 Nopparat Ramindra) จาก บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) คอนโดมิเนียม High Rise 25 ชั้น 3 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยรวม 1,224 ยูนิต อาคารจอดรถและสระว่ายน้ำ สูง 8 ชั้น 1 อาคาร แต่ละอาคารมีห้องพักอาศัยเพียงอาคารละ 408 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัว ไม่แออัด ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีนพรัตนราชธานี ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
ปัจจุบันในแง่ของคอนโดมิเนียมที่ยังมีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 3 ล้าน และใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะเริ่มไปกระจุกตัวอยู่บริเวณ BTS สถานีแบริ่ง หรือ ซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) เนื่องจากเป็นพื้นที่สุดท้ายที่สามารถเชื่อมต่อไปถึงแหล่งงานอย่าง อโศก – สุขุมวิทแบบไม่ต้องไปนั่งรถต่อรถไฟฟ้าสายอื่นเลย โดยคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดถนนใกล้กับแนวรถไฟฟ้าแบริ่งจะมีราคาอยู่ที่ 100,000 – 150,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่แพงพอสมควร โดยในราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ผู้บริโภคจะได้ห้องขนาดไม่เกิน 21- 22 ตารางเมตรเท่านั้น
ทั้งนี้เองหากถัดมาจากแนวรถไฟฟ้า ภายในซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ก็ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากอยู่ อาทิ โครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) ของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งในราคา 1.69 ล้านบาท จะได้รับห้องขนาดห้องเริ่มต้นที่ 1 ห้องนอน ขนาด 25.50 ตารางเมตร พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก Clubhouse 3 ชั้น จัดเต็มทั้งสระว่ายน้ำ 2 สระ Lap Pool และ Relax Pool, Fitness พร้อม Trainer, Co – Working – Space และ Irish Sports Club Corner ที่ประกอบไปด้วย Pool table, Football table, Bar กับ Sky Garden บนชั้นดาดฟ้าของทุกอาคาร โดยทั้งหมดนี้มีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาทเท่านั้น
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) : ORI
ทำเลที่ตั้ง: ซอยสุขุมวิท 105 แขวงบางนา เขตบางนา กทม. ห่างจาก BTS แบริ่ง 400 ม.
เว็บไซต์: http://nottinghill.origin.co.th
โทร: Call Center 020 300 000
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 6 มีนาคม 2560)
พื้นที่โครงการ: 8-0-40 ไร่
ลักษณะโครงการ: อาคาร 8 ชั้น 6 ตึก และอาคารคลับเฮ้าส์ 3 ชั้น 1 ตึก 1,113 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: พนักงานเงินที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 20,000 – 30,000 บาท
สถานะการก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างเดือนมิถุนายน 2560
คาดว่าจะแล้วเสร็จ: ประมาณเดือนมีนาคม 2562
ลิฟท์: ลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว
ที่จอดรถ: 35% (รวมซ้อนคัน)
สิ่งอำนวยความสะดวก
คลับเฮาส์ส่วนตัวแยกส่วนจากอาคารที่พักอาศัย
สวน 3,500 ตรม. แบ่งเป็น สวนสไตล์อังกฤษ ไล่ระดับมองเห็นตลอดโครงการกว่า 2,000 ตร.ม. สวนดาดฟ้าพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ทั้งอาคารรวม 1,500 ตร.ม.
สะว่ายน้ำ Lap Pool ที่คลับเฮาส์ และสระว่ายน้ำ Relax Pool พร้อมสระเด็กในโครงการ
Library Room
Co-Working space พร้อม Wifi ตลอด 24 ชั่วโมง
Fitness พร้อม Trainer
Irish sport club corner
ระบบรักษาความปลอดภัย: ทางเข้าออกใช้ Key Card Access ไม้กั้นกระดก CCTV รอบโครงการ และป้อมยามหน้าโครงการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
สถานะการขาย: Presale วันที่ 25 มีนาคม 2560
เงื่อนไขการชำระเงิน
จอง: 10,000 บาท
ทำสัญญา: 20,000 บาท
ดาวน์ : 10% ผ่อนดาวน์ 20 งวด (เริ่มต้นที่ 3,900 บาทต่อเดือน)
ค่ากองทุนสะสม: 500 บาท ต่อ ตารางเมตร (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าส่วนกลาง: 45 บาท ต่อ ตารางเมตร ต่อ เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
ราคาเริ่มต้น: 1.69-1.89 ล้านบาท (เฉพาะวัน Presale วันที่ 25 มีนาคม 2560 ณ ไบเทค บางนา)
ราคาเฉลี่ย: 75,000 บาทต่อตารางเมตร
*โปรโมชั่น : Pantry, Hob & Hood, ตู้เสื้อผ้า, Air Conditioner (ห้องนั่งเล่น และห้องนอน), เฟอร์นิเจอร์ที่โครงการมอบให้ (ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง)
สามารถรับชมห้องตัวอย่างของโครงการแบบ 360 องศา ได้ที่นี่
Type A ขนาด 25.50 ตารางเมตร (ห้องขนาดเริ่มต้น แปลนห้องแบบลึก)
Type B ขนาด 25.50 ตารางเมตร (ห้องขนาดเริ่มต้น แปลนห้องแบบหน้ากว้าง)
Type C ขนาด 29.50 ตารางเมตร (ห้อง 1 ห้องนอน + 1 ห้องอเนกประสงค์)
รูปแบบห้อง
Type A (25.50 ตารางเมตร) ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
Type B (25.50 ตารางเมตร) ราคาเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท
Type C (29.50 ตารางเมตร) ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท
Type D1 (33.00 ตารางเมตร) ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท
Type E (34.00 ตารางเมตร) ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
Type F (40.50 ตารางเมตร) ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
Type G (43.50 ตารางเมตร) ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
สำนักงานขายออกแบบภายนอกให้เป็นอิฐสีขาวตามสไตล์อาคารในประเทศอังกฤษ คาดว่าตัวอาคารจริงจะถูกออกแบบภายนอกในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน
โปรดักส์ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับคนใช้รถไฟฟ้ามากกว่ารถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากที่ยูนิตกว่า 1,113 ยูนิต จะมีที่จอดรถที่ 35% รวมจอดซ้อนคันเท่านั้น โดยจุดเด่นภายในหลักๆ ก็คือส่วนกลางที่จัดเต็มให้ไม่ต่างจากคอนโดมิเนียมไฮไรส์ ไม่ว่าจะเป็น คลับเฮาส์ 3 ชั้น แยกส่วนจากอาคารที่พักอาศัย, สวน 3,500 ตรม. แบ่งเป็น สวนสไตล์อังกฤษ ไล่ระดับมองเห็นตลอดโครงการกว่า 2,000 ตร.ม. สวนดาดฟ้าพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ทั้งอาคารรวม 1,500 ตร.ม. และสระว่ายน้ำ 2 สระด้วยกัน คือ Lap Pool ที่คลับเฮ้าส์ และสระว่ายน้ำ Relax Pool พร้อมสระเด็กในโครงการ นอกจากนั้นในคลับเฮ้าส์ยังประกอบไปด้วย Co-Working space พร้อม Wifi ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อม Irish Sport Club Corner ที่มีเครื่องเล่น และ Bar ส่วนตัว และสิ่งที่แตกต่างจากโครงการคอนโดทั่วไปเลยก็คือ Fitness ที่มาพร้อมกับ Personal Trainer ที่จะมาให้คำแนะนำด้านการใช้เครื่องเล่น และการออกกำลังกาย รวมไปถึง Serviced condo บริการทำความสะอาดห้องที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยทั้งหมดนี้ต้องบอกเลยว่าโครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105 จัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบอยู่ติดกับอะไรเดิมๆ ได้อย่างตอบโจทย์ และกระจายอัตราความหนาแน่นของผู้อยู่อาศัยเป็นสัดส่วนตามอาคารต่างๆ ได้เหมาะสม โดยภายในหนึ่งอาคารจะมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว แบ่งเป็นอัตราเฉลี่ยลิฟท์สำหรับอาคาร A และ B ที่ 105 : 1 อัตราส่วนลิฟท์ที่อาคาร C และ D ที่ 77 : 1 อัตราส่วนลิฟท์ที่อาคาร E 98 : 1 และอัตราส่วนลิฟท์ที่อาคาร F 95 : 1 ซึ่งรวมอัตราส่วนยูนิตเฉลี่ยต่อลิฟท์ 1 ตัวจะอยู่ที่ประมาณ 98 ยูนิตต่อลิฟท์หนึ้งตัวเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่เยอะมาก และสามารถกระจายความหนาแน่นของผู้ใช้ลิฟท์ได้
ภายในโครงการประกอบไปด้วยอาคารที่อยู่อาศัย 6 อาคาร พร้อมคลับเฮ้าส์ 3 ชั้นแยกส่วนจากอาคาร อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ (จากภาพอีก 2 อาคารจะอยู่ในตำแหน่งของพื้นที่ว่างฝั่งตรงข้ามอาคารที่อยู่ด้านในโครงการ 2 อาคาร)
โมเดลจำลองคลับเฮ้าส์ตัวอย่าง ชั้นแรกจะเป็น Lobby พร้อม Co – Working – Space ชั้นสองจะเป็น Fitness และด้านบนสุดจะเป็นสระว่ายน้ำ
ยูนิตส่วนใหญ่จะหันออกไปทางทิศตะวันตก และทิศตะวันออก การออกแบบภายนอกของตัวอาคารจะเป็นสีขาวผสมกับสีเทา เน้นสีโทนอ่อน และพื้นที่สีเขียวในโครงการ
การวางทิศทางโครงการ
ทิศเหนือ
จากรูปเป็นพื้นที่โครงการจริง ตำแหน่งของทิศเหนือคือด้านในสุดของโครงการ รั้วด้านในจะอยู่ติดที่ดินเปล่า และบ้านเดี่ยวไม่เกิน 2 ชั้น
ทิศใต้
ทิศตะวันออก
ทางด้านทิศตะวันออกชิดกับรั้วโครงการจะเป็นหอพักสูงประมาณ 7 ชั้น บริเวณอาคาร B ยูนิตที่หันไปทางฝั่งนี้จะโดนบล็อควิวเต็มๆ ส่วนอาคาร D และอาคาร F ที่อยู่ถัดไปอีก 2 อาคารน่าจะมีตำแหน่งของอาคารพ้นออกมาจากหอพักดังกล่าว
ทิศตะวันตก
ส่วนทางทิศตะวันตกนับจากด้านในสุดอาคารสีฟ้าจะเป็นหอพักสูง 5 ชั้น ถัดมาจะเป็นที่ดินเปล่า ซึ่งเป็นที่ตาบอด
Master Plan
แปลนของที่ดินโครงการเป็นแบบแนวยาว ตัวอาคารจะแบ่งออกเป็น อาคาร A (ตำแหน่งหน้าสุดด้านบนของแปลน), B (ฝั่งตรงข้ามกับอาคาร A), C (ตำแหน่งข้างๆ กับอาคาร A), D (ฝั่งตรงข้ามอาคาร C), E (ตำแหน่งข้างๆ อาคาร C) และ F (อาคารด้านในที่มีสระว่ายน้ำส่วนกลาง) ตามภาพ โดย Facility ของโครงการจะถูกจัดวางในตำแหน่งที่ครอบคลุมทั้งโครงการ มี Club House 3 ชั้น อยู่ด้านหน้าสุดของโครงการ และพื้นที่สีเขียวยาวตลอดแนวโครงการไปจรดกับสระน้ำ Ralax Pool ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสระว่ายน้ำนอกจาก Lap Pool บน Club House ที่เข้ามาอำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยที่อยู่อาคารด้านใน หรืออาคาร F
Floor Plan
แปลนชั้น 2 – 8 ของอาคาร A และอาคาร B เป็นแปลนอาคารแบบเดียวกัน ยูนิตต่างๆ ถูดจัดวางในตำแหน่งเดียวกัน ทางเดินของอาคารเป็นแบบ Double Corridor ยูนิต เฉลี่ยอยู่ที่ 30 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งเยอะพอสมควรสำหรับคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ โดยหนึ่งอาคารจะมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ในระยะขึ้น – ลง ที่ 8 ชั้น กับอัตราความหนาแน่นต่อลิฟท์หนึ่งตัวที่ประมาณ 1 : 105 ยูนิต ซึ่งถือว่ายังไม่เยอะและไม่น้อยเกินไป
เขยิบเข้ามาที่อาคาร C และอาคาร D จะเป็นอาคารที่มียูนิตที่พักอาศัยใหญ่ขึ้น จำนวนยูนิตต่อชั้นจึงลดน้อยลงเหลือประมาณ 22 ยูนิตต่อชั้น อัตราเฉลี่ยการโดยสารลิฟท์จึงน้อยลงไปด้วย ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้น โครงการจึงเน้นการพักอาศัยโดยไม่มีส่วนกลางอยู่ภายในอาคารส่วนนี้เลย แต่ทั้งนี้ตำแหน่งของอาคารก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากคลับเฮ้าส์ และยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปถึงได้สบายๆ ในส่วนของอาคาร E และอาคาร F จะเป็นส่วนของอาคารที่อยู่ด้านในสุดของโครงการ ดังนั้นความเป็นส่วนตัวจะสูงที่สุด และมี Facility ของสระว่ายน้ำที่มีซาวน่าแยกหญิงชายออกมาอีกหนึ่งสระ เนื่องจากอาคารตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ไกลคลับเฮ้าส์มากที่สุด
Unit Layout
Type A ขนาด 25.50 ตร.ม.
ห้อง Type A เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการมีขนาด 25.50 ตร.ม. เป็นห้องหน้าแคบ เน้นพื้นที่ใช้ซอยแนวลึก แต่ก็มีส่วนกั้นห้องเป็นสัดส่วนมีห้องครัวและห้องน้ำแยกออกจากพื้นที่พักผ่อนชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่ชอบห้องที่เป็นสัดส่วน และต้องการห้องครัวที่อยู่ติดกับระเบียงเพื่อป้องกันกลิ่นอาหารเข้ามาในห้อง
Type B ขนาด 25.50 ตร.ม.
ห้อง Type B มีขนาดเท่ากับห้อง Type A แตกต่างกันที่ Layout ของห้องเป็นแบบหน้ากว้าง และได้รับฟังก์ชั่นห้องน้ำในตัวในห้องนอน ระเบียงของห้องจะอยู่บริเวณติดกับพื้นที่นั่งเล่น แต่ห้องแบบนี้จะได้รับครัวแบบเปิด ซึ่งต้องประกอบอาหารภายในห้อง
Type C ขนาด 29.50 ตร.ม.
Type C เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน + 1 ห้องอเนกประสงค์ จาก Layout ถึงแม้จะได้รับครัวแบบเปิด แต่ก็สามารถต่อเติมบานกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวได้ ในส่วนของระเบียงจะเชื่อมต่อกับห้องอเนกประสงค์ที่จะปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนหรือห้องทำงานก็ได้ โดยหากจัดสรรดีๆ ห้องแบบนี้สามารถจัดสรรเฟอร์ต่างๆ ให้อยู่ได้ 2 คน
Type D ขนาด 33.00 ตร.ม.
ห้อง Type D มี Layout ของห้องเหมือนห้อง Type C เลย เพียงแต่เพิ่มในส่วนของพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ให้มีขนาดเพิ่มขึ้น
Type E ขนาด 34.00 ตร.ม.
Type E เป็นขนาดห้องเริ่มต้นของห้อง 2 ห้องนอน มีห้องน้ำกลางเชื่อมต่อกับห้องนั้งเล่น และมีส่วนกั้นห้องทุกส่วน ห้องครัวเชื่อมต่อกับระเบียงหลักของห้องเป็นห้องครัวแบบปิด ห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะยังไม่มีห้องน้ำในตัว แต่ Master Bedroom จะได้รับส่วนของระเบียงห้องเล็กๆ มาแทน
Type F ขนาด 40.50 ตร.ม.
Type F เป็นห้องที่มี Layout เหมือน Type E ที่มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ แต่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมจาก 34 ตร.ม. มาที่ 40.50 ตร.ม. โดยทุกส่วนของห้องมีขนาดเพิ่มขึ้น รวมไปถึงระเบียงที่อยู่ใน Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเท่าตัว
Type G ขนาด 43.50 ตร.ม.
ห้อง Type G เป็นห้อง 2 ห้องนอน ขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการ ตัวห้องตั้งอยู่ในตำแหน่งที่หันไปทางทิศใต้ เฉลี่ยยูนิตต่อชั้นของห้อง Type G จะอยู่ที่ 1 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น ซึ่งระเบียงของห้องนอน Master Bedroom จะหันออกไปรับวิวส่วนกลาง หน้าโครงการ และวิวด้านหลังโครงการที่เป็นวิวเคลียร์ โดยวิวที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับแต่ละตำแหน่งของยูนิตที่ตั้งอยู่ในแต่ละอาคาร
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
ด้านในโครงการตกแต่งสวนกว่า 3,500 ตรม. แบ่งเป็น สวนสไตล์อังกฤษ ไล่ระดับมองเห็นตลอดโครงการกว่า 2,000 ตร.ม. และสวนดาดฟ้าพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ทั้งอาคารรวม 1,500 ตร.ม.
ลึกสุดของพื้นที่โครงการ หรือ บริเวณอาคาร E จะมีสระว่ายน้ำอีกหนึ่งตำแหน่ง เป็นสระว่ายน้ำ Relax Pool ขนาด 6 x 20 ม. ลึก 1.2 ม. พร้อมห้อง Suana และห้อง Steam แยกชาย – หญิง
Serviced Condo บริการทำความสะอาดห้อง (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
รปภ. รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อม CCTV รอบโครงการ
เข้า-ออก โครงการด้วย Access Card
รีวิวภายในห้องตัวอย่างทั้งหมด
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
พื้น: ลามิเนต
ผนัง: ฉาบเรียบสีขาว
พื้นจรดเพดานความสูง: ฝ้าเพดาน 2.6 เมตร
เฟอร์นิเจอร์: Fully Fitted เฉพาะเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน อาทิ ตู้เสื้อผ้า สุขภัณฑ์ ครัว
เครื่องปรับอากาศ: Daikin Inverter (แล้วแต่โปรโมชั่น)
สุขภัณฑ์: สุขภัณฑ์ เป็นของ American Standard, อ่างล้างหน้าเป็นของ Mogen
ชุดครัว: Hob & Hood และ Sink เป็นของ Teka
ห้องตัวอย่าง Type A ขนาด 25.50 ตร.ม.
ห้อง Type A จะเป็นห้องขนาดเริ่มต้น Layout Plan จะเป็นห้องแบบเน้นพื้นที่ใช้สอยแนวลึก โดยมีการกั้นส่วนของครัวแยกออกจากพื้นที่พักผ่อนเรียบร้อย
ภายในห้องจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน สำหรับฝั่งนี้จะเป็นส่วนของพื้นที่ใช้สอยของห้องนั่งเล่น และห้องนอน ที่โครงการมอบบานกั้น 3 ตอนให้
โครงการจัดสรรไอเดียห้องนั่งเล่นด้วยโซฟา 2 ที่ นั่ง เพื่อให้เหลือพื้นที่ในการวางโต๊ะรับประทานอาหาร หากอยากจัดสรรให้พื้นที่นั่งเล่นสามารถรับประทานอาหารร่วมได้ ก็สามารถวางโต๊ะกลางที่ใหญ่ขึ้น และขยายโซฟานั่งเล่นให้เป็นแบบเข้ามุมรูปตัว L ล้อมโต๊ะกลางไว้ก็สามารถทำได้
มุมโต๊ะอาหารที่โครงการจัดสรรไว้ให้เป็นไอเดีย เป็นโต๊ะขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะอาหารมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถวางจานชามได้กว่า 4-5 ใบ ที่เป็นมื้ออาหารสำหรับ 2 คนได้พอดิบพอดี
จากมุมนี้จะเห็นว่าโครงการมอบบานกั้นห้องให้ทั้งห้องนอน และห้องครัว Layout ของห้องจึงแบ่งออกเป็นสัดส่วน โดยจากในภาพโครงการจะมอบเฟอร์นิเจอร์ให้แบบ Fully Furnished ดังนั้นผู้อยู่อาศัยจะได้รับทั้งชั้นวางที่วี ตู้เสื้อผ้า เคาท์เตอร์ครัว บานกั้น สุขภัณฑ์ต่างๆ
ห้องนอนจัดพื้นที่ใช้สอยให้เป็นแนวยาว โดยเหลือพื้นที่ปลายเตียงไว้สำหรับเดินเข้าออกได้ ดังนั้นหากจะเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ ก็สามารถทำได้ แต่อาจจะต้องวางเตียงในตำแหน่งเข้ามุมชิดกับผนังที่มีหน้าต่าง
เนื่องจากห้อง Type นี้ เป็นห้องขนาดเริ่มต้น มีพื้นที่ใช้สอยจำกัด แต่โครงการก็จัดสรรไอเดียพื้นที่ใช้สอยบริเวณทางเดินเชื่อมไปสู่ห้องต่างๆ ให้เป็นชั้นวางของ และพื้นที่วางตู้เย็นที่อยู่ด้านข้างห้องครัว
สเปคของเคาท์เตอร์ครัวบริเวณตรงกลางท็อปด้านบนจะเป็นซิงค์ล้างจาน ด้านในจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัว ของ Teka ส่วนด้านล่างจะมีชั้นเก็บของ ช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า และช่องวางไมโครเวฟขนาดมาตรฐาน โดยโครงการจะมอบเฟอร์นิเจอร์ส่วนนี้ให้ทั้งหมด ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า
ฝ้าด้านบนในห้องจะเป็นฝ้าธรรมดาไม่มีการบิวท์อินเพิ่มเติม โครงการจึงจัดสรรค์ไอเดียด้วยการติดราวม่านติดผนัง ซึ่งง่ายต่อการติดตั้งและประหยัดค่าใช้จ่ายกว่ารางม่านติดฝ้า
ระเบียงที่เชื่อมต่อกับห้องครัว โครงการออกแบบธรณีเลื่อนให้มีความสูงจากพื้นประมาณ 10 ซม. เพื่อป้องกันน้ำและฝุ่นจากระเบียงเข้าห้อง ส่วนบานเลื่อนกั้นส่วนเป็นบานเลื่อนกระจกเขียวตัดแสงสองตอน วงกบอลูมิเนียม
พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 120×90 ซม. โครงการติดตั้งระบบประปา พร้อม Floor Drain ไว้ให้ สำหรับการใช้งานส่วนนี้เป็นพื้นที่ซักล้าง
โครงการมอบสุขภัณฑ์ให้ตามมาตรฐาน ประกอบไปด้วยอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ที่ฉีดชำระ ราวทิชชู่ ฝักบัวและก็อกน้ำ
บานกั้นที่โครงการมอบให้เป็นกระจกนิรภัย Tempered ติดขอบยางกั้นกระแทกให้เรียบร้อย บานประตูเป็นแบบผลักเข้าไปด้านในได้ด้านเดียว
ฝักบัวที่โครงการมอบให้เป็นแบบปรับระดับน้ำได้ 3 ระดับ พร้อมติดตั้งสายไฟซ่อนผนังและมาร์คจุดติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้เรียบร้อย
รัศมีการใช้งานในการเข้าออกของบานประตู และพื้นที่อาบน้ำ หากมีการวางอุปกรณ์อาบน้ำตามภาพ การเข้าไปในห้องอาบน้ำและดันประตูออกมาปิดอาจจะยากพอสมควร ดังนั้นไม่ควรวางอะไรไว้ในพื้นห้องอาบน้ำน่าจะดีกว่า
ห้องตัวอย่าง Type B ขนาด 25.50 ตร.ม.
ห้อง Type B เป็นห้องขนาด 25.50 ตร.ม. เท่ากับห้อง Type A แต่มีศฟันะห้องแตกต่างกัน โดยห้อง Type B จะเป็นห้องแบบ Open Plan แต่ทั้งนี้โครงการก็มอบบานกั้นกระจกในส่วนห้องนอนให้ แต่ยังมองเห็นพื้นที่นั่งเล่นอยู่
จากแบบห้องที่เป็นแบบ Open Plan ห้องแบบนี้จึงดูกว้างกว่าห้อง Type A ถนัดตา แต่จริงๆ คือมีขนาดเท่ากันที่ 25.50 ตร.ม.
เมื่อเปิดประตูเข้าห้อง หันไปทางขวามือ ผนังห้องส่วนนี้จะเป็นครัวเปิดขนาดไม่ใหญ่มาก ถัดมาจะเป็นมุมโต๊ะทำงาน และชั้นวางทีวี
เคาท์เตอร์ครัวที่โครงการมอบให้สำหรับห้อง Type B จะมีขนาดเล็กกว่าห้อง Type A แต่มีฟังก์ชันของการใช้งานครบครันไม่ต่างกัน ทั้ง ซิงค์ เตาไฟฟ้า ที่ดูดควัน ชั้นวางของด้านบน และช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า
มุมห้องนั่งเลนตรงนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่หากจัดสรรปันส่วนชั้นวางที่วีให้ดี ก็สามารถทำเป็นโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งได้
ถัดไปจากโซนห้องครัวเป็นพื้นที่นั่งเล่น จากภาพจะเห็นว่าจำระยะโซฟาไปถึงชั้นวางทีวีมีขนาดใหญ่มาก และห้องจะดูไม่อึดอัด จากแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาจากระเบียง
โครงการมอบบานเลื่อนแบบ 2 ตอน วงกบอลูมิเนียมให้สำหรับบานกั้นส่วนระเบียงกับห้องนั่งเล่น พร้อยกธรณีรางเลื่อนบานให้สูงขึ้นประมาณ 15-20 ซม. เพื่อป้องกันน้ำไหลจากระเบียงเข้าสู่ตัวห้อง
เนื่องจากระเบียงของห้องนี้เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น จึงทำให้ระเบียงมีความยาวมากขึ้น แต่ความกว้างเท่าเดิม โครงการติดตั้งระบบประปา และ Floor Drain ให้สำหรับระเบียงของทุกห้อง
ด้วยความยาวของระเบียงโครงการจึงจัดวางที่พักคอมเพรสเซอร์แอร์แบบแขวนผนังมห้เป็น 2 ฝั่งตามรูปแทน เพื่อประหยัดพื้นที่ระเบียง โดยห้องแบบนี้โครงการจะมอบกริลล์สำหรับบังที่พักคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ให้ด้วย
ภาพตัวอย่างตู้เสื้อผ้าบิวท์อินที่อยู่ภายในห้องนอนทุกห้อง พร้อมพื้นที่ใช้สอยในการวางเตียงขนาดใหญ่ จากภาพโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุต จึงทำให้เหลือพื้นที่สำหรับวางชั้นข้างเตียง
จากมุมนี้จะเห็นตำแหน่งของห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นห้องน้ำในตัว แต่เมื่อเปิดบานกั้นห้องนอนออก จะเห็นว่า Layout ห้องเปิดกว้าง และทุกส่วนเชื่อมต่อถึงห้องน้ำเหมือนกันหมด
ภายในห้องน้ำโครงการมอบอ่างล้างหน้าติดผนังแบบลอยพร้อมที่เก้บของด้านล่างให้ ตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์มีรัศมีการใช้งานประมาณ 1 ม.
พื้นที่โดยรวมของห้องอาบน้ำของห้องนอนแบบ Type B โครงตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องเซรามิกสีขาวธรรมดา พร้อมดร็อบผ้าผนังข้างฝักบัวไว้สำหรับวางของ
โครงการมอบฝักบัวแบบปรับระดับน้ำให้พร้อมมาร์คจุดติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นแบบเดินสายไฟซ่อนในผนังไว้ให้เรียบร้อย แต่ไม่ได้มอบเครื่องทำน้ำอุ่นให้
ห้องตัวอย่าง Type C ขนาด 29.50 ตร.ม.
ห้องนอน Type C เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน + หนึ่งห้องอเนกประสงค์ Plan ห้องเป็นแบบห้องหน้ากว้างแต่มีการกั้นส่วนห้องต่างๆ ไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว
ห้องจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือพื้นที่ใช้สอยในส่วนผักผ่อน และส่วนของห้องครัวและห้องน้ำ โดยจากมุมหน้าประตูจะเห็นพื้นที่ใช้สอยของห้องนั่งเล่น และห้องนอน
พื้นที่ห้องนั่งเล่นมีขนาดใหญ่พอสมควร ดครงการจัดสรรไอเดียโดยวางโซฟาขนาดประมาณ 3 ที่นั้ง แต่ก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะอาหาร 2 ที่นั่งเข้ามุมห้องแบบในภาพได้
Layout ของผนังกั้นส่วนห้องนั่งเล่นกับห้องน้ำ ถูกดัดแปลงเป็นชั้นวางทีวีตามภาพ ถัดมาจากผนังจะเป็นทางเดินไปสู่ห้องอเนกประสงค์ และห้องน้ำ
มาที่ห้องนอนเป็นห้องนอนที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก หากเปรียบเทียบกับ Type ห้องต่างๆ ก่อนหน้านี้ โดยยังคงฟังก์ชันห้องนอนไว้เหมือนเดิม ทั้งตู้เสื้อผ้าและบานหน้าต่าง
พื้นจรดผนังของห้องทุกยูนิตมีความสูงอยุ่ที่ 2.6 ม. พื้นห้องเป็นลามิเนตปิดทับผิว ที่ด้านในสุดจะเป้นตำแหน่งของเคาท์เตอร์ครัว โดยมีตู้เย็นวางหันหน้าตู้ออกมาบริเวณทางเดิน ซึ่งอาจใช้งานยากพอสมควรหากตู้เย็นถูกวางในตำแหน่งนี้
รางเลื่อนบานประตูกั้นส่วนของห้องต่างๆ จะ เป็นรางเลื่อนแบบบิวท์อินติดอยู่กับพื้น ให้อยู่ในระนาบเดียวกันตามภาพ
ห้อง Type C จะมีขนาดพอๆ กับห้องนอน หากเปรียบเทียบขนาดโดยวมเอาพื้นที่ของระเบียงเข้าไปด้วยจะมีขนาดเท่ากับห้องนอนเลย ซึ่งถ้าไม่ได้ติดตั้งตู้เสื้อผ้าหรือชั้นข้างเตียงทั้งสองข้าง ก็สามารถวางเตียงขนาดคิงไซส์ ปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนที่ 2 ได้
พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 60 ซม. ที่กั้นตกสูงจากพื้นประมาณ 1.5 ม. พื้นที่ใช้สอยเป็นแบบแนวยาว สามารถออกมายืนรับลมได้ 2 คนสบายๆ
กลับมาที่เคาท์เตอร์ครัวโครงการกรุผนังเคาท์เตอร์ด้วยกระเบื้องเซรามิกผิวมันป้องกันคราบสกปรก และติดตั้งปลั๊กไฟบริเวณพื้นที่เตรียมครัวให้ในตำแหน่งตามภาพ
ภายในห้องน้ำมีการจัดตำแหน่งสุขภัณฑ์แบบ 3 ทิศทาง ตาม Layout ของห้องน้ำ โดยวางโถสุขภัณฑ์ให้หันหน้าไปทางอ่างล้างหน้า และวางห้องอาบน้ำไว้ทางด้านขวามือของอ่าง เป็นการประหยัดพื้นที่ใช้สอยของห้องน้ำกว่าการวางสุขภัณฑ์เรียงกันในแนวยาว
ทําเล & การเดินทาง
ศักยภาพทำเล
ภาพ via radiator-th.com
ปัจจุบันหากเปรียบเทียบกันในแง่ของคอนโดใกล้รถไฟฟ้าบริเวณสถานีแบริ่งจะแบ่งออกเป็นพื้นที่คอนโดมิเนียมด้วยกัน 2 โซนคือบริเวณในซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) และในซอยสุขุมวิท 107 (ซอยแบริ่ง) ซึ่งต้องบอกเลยถึงแม้ทั้งสองซอยจะมีระยะห่างจากรถไฟฟ้าต่างกันไม่มาก แต่ถ้าพูดถึงความเจริญก็คงต้องยกให้ซอยสุขุมวิท 105 เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อไปถึงตัวเมืองกรุงเทพฯ ได้ง่ายกว่า ไม่หนำซ้ำ ซอยแบริ่งยังอยู่นอกเหนือพื้นที่ของกรุงเทพฯ และอยู่ในการควบคุมของจังหวัดสมุทรปราการแล้ว ดังนั้นด้วยการที่ซอยลาซาลอยู่ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ด้วยอานิสงส์ต่างๆ ที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้พื้นที่เป็นที่น่าสนใจกว่า ดังนั้นเรื่องของความเจริญภายในซอย และความอุดมสมบูรณ์ สิ่งใดที่เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตจะถูกจัดเต็มเข้ามาในซอยลาซาลหมดแล้ว โดยในปีนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดพร้อมอยู่และตั้งอยู่บนทำเลใกล้รถไฟฟ้าแบริ่งไปแล้วหลายโครงการ
ภาพ via 3.bp.blogspot.com
ทั้งนี้เอง ถึงแม้พื้นที่จะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ก็ตามแต่ด้วยความที่ลาซาลถือเป็นพื้นที่สุดท้ายที่เชื่อมต่อกับเขตสมุทรปราการแล้ว ความสะดวกสบายภายนอกซอยจึงต้องพึ่งทางฝั่งบางนามากกว่าตัวเมืองในกรุงเทพฯ โดยในอนาคตสิ่งที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพบริเวณซอยลาซาลก็คือส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า แบริ่ง – สมุทรปราการ ซึ่งแน่นอนปัจจุบันมีโครงการไปปักหมุดตามแนวส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังมีราคาไม่แรงมาก หากเปรียบเทียบกับคอนโดที่ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 500 ม. เอง ยังถือว่ามีราคาเฉลี่ยที่น้อยกว่าเป็นเท่าตัว แต่หากในอนาคตตามแผนงานของการลงทุนภาคเอกชนของ เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ที่จะสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ Bangkok Mall ประสบผลสำเร็จ และมีการเปิดใช้งานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไปพร้อมๆ กัน รับรองว่าพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ ที่ดินในซอยของแบริ่ง และซอยลาซาลเอง จะได้รับอานิสงส์ในส่วนนี้ไปเต็มๆ จากพื้นที่ที่ใกล้แหล่งความเจริญทางบางนามากกว่าตัวเมืองกรุงเทพฯ
ทำเลที่ตั้งโครงการ
พิกัดที่ตั้งโครงการ 13.661697, 100.606707
โครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) ตั้งอยู่ในซอลสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ห่างจาก BTS แบริ่งประมาณ 400 ม. หรือ ในระยะเดินที่ประมาณ 5-6 นาที สภาพแวดล้อมภายในซอย ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 3 ชั้น มีคอนโดมิเนียม และ Service Apartment และมีจำนวนผู้อยู่อาศัยเยอะพอสมควร ทำให้ภายในซอยมี Movement ของผู้คนตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าช่วงหัวค่ำเดินกลับจาก BTS แบริ่งเข้าซอยมาถึงโครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105 ก็ยังคงความปลอดภัยจากเส้นทางการเดินเท้าที่คับคั่งไปด้วย ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านขายยา ตลาดสด และร้านสะดวกซื้อตลอดทางตั้งแต่หน้าปากซอยจนไปถึงโครงการ
บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 105 จะมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการตั้งแต่เช้า – เย็น จากปากซอยไปถึงโครงการอัตราค่าบริการจะอยู่ที่ประมาณ 10 – 20 บาท
นอกจากวินมอเตอร์ไซค์ ยังมีรถสองแถวสีแดงวิ่งเข้า – ออก ภายในซอยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ
บรรยากาศภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง ไม่เกิน 3-4 ชั้น ที่มีการประกอบการเปิดหน้าร้านเป็นร้านสะดวกชื้อ ร้านอาหาร ร้านขายยา ซึ่งมีความคึกคักด้วยผู้คนตลอดเวลาตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงหัวค่ำ
ชิดกับรั้วโครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) เป็นไฮเปอร์มอลล์ขนาดไม่ใหญ่มาก คอยให้ความสะดวกเรื่องความอุดมสมบูรณ์ทั้งของสดและของคาวตลอด ถัดจาก Tesco Lotus Express นี้ไป จะเป็น 7 – Eleven ฝั่งตรงข้ามจะมี Family Mart และ Fresh Mart ของ CP ทำให้อัตราส่วนการใช้บริการร้านสะดวกซื้อถูกกระจายไปโดยรอบโครงการ เรียกว่าแทบไม่ต้องต่อคิวแย่งของกันเลย
ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นตลาดนัด มีทั้งอาหารสด อาหารแห้ง เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด ในช่วงกลางคืนบริเวณรอบๆ โครงการผู้คนจะคึกคักมาก การเดินทางเข้า – ออกโครงการจึงมีความปลอดภัยจากสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนตลอดเวลา
การเดินทาง
จาก BTS แบริ่ง
หากโดยสารมาโดย BTS ให้มาลงที่สถานี BTS แบริ่ง เลือกลงทางออกที่หนึ่ง แล้วเดินตรงมาเลี้ยวขวาเข้าซอยสุขุมวิท 105 หรือ ซอยลาซาล สามารถเดินมาถึงโครงการได้ในระยะทางประมาณ 400 ม. บริเวณหน้าปากซอยจะมีวินมอเตอร์ไซค์ และรถสองแถวคอยให้บริการ
จากทางพิเศษมหานคร
จากตัวเมือง หากใช้ทางพิเศษ ให้วิ่งมุ่งตรงไปตามป้ายบางนา – ดาวคะนองมาเรื่อยๆ เพื่อไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครที่เส้นทาง ท่าเรือ – บางนา จากนั้นมุ่งตรงไปตามป้ายบางนาเรื่อยๆ จนเจอป้ายทางด่วนพิเศษหมายเลข 4 สมุทรปราการ ให้วิ่งตรงไปตามป้ายทางออกบางนา – สมุทรปราการ จะมาลงบริเวณไบเทค บางนา จากนั้นตรงมาประมาณ 1 กม. ให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าซอยลาซาลก่อนถึง BTS แบริ่ง และตรงไปอีกประมาณ 400 ม. จะพบโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
ลาซาลถือเป็นหนึ่งในซอยที่มีความหนาแน่นของผู้อยู่อาศัยทั้งกลุ่มคนทำงาน นักศึกษา ร่วมไปถึงกลุ่มครอบครัวดั้งเดิมที่อาศัยอยู่แต่เดิม พื้นที่สองข้างทางภายในซอยนี้ส่วนใหญ่จึงเต็มไปด้วย ฟู้ดสตรีท รวมไปถึงร้านอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น อาหารนานาชาติ ตลอดจนสถานที่แฮงก์เอาท์ ซึ่งถูกรวบรวมไว้ในซอยนี้ถึงแม้จะไม่ได้เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมาก แต่ก็สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ของดีมานด์ที่อยู่อาศัยจำนวนมากในซอยลาซาลได้ ส่วนใครที่ชอบไลฟ์สไตล์ช็อป กิน เที่ยว ที่อัพเกรดขึ้นมาจากในซอยลาซาลหน่อย ก็ยังมีสถานที่ไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อจากโครงการไปถึงได้ง่าย โดยจะกระจุกตัวอยู่บริเวณโซนบางนา ที่เป็นฮับขนาดใหญ่ มีการลงทุนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่ง และสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ไม่ต่างจากในตัวเมือง อาทิ
-Bangkok Mall
-Mage Bangna
-เซ็นทรัลพลาซา บางนา
-Rock Domain
-Taco Lake หรือ บึงตะโก้
-Harbin Ice Wonderland
-สนามกีฬาภูติอนันต์
สถานที่สำคัญรอบโครงการ
เส้นทางคมนาคม
BTS แบริ่ง 400 ม.
ทางด่วนบูรพาวิถี และทางด่วนเฉลิมมหานคร 1.8 กม.
ห้างสรรพสินค้า
Lotus Express 1 ม.
เซ็นทรัลพลาซา บางนา 4.8 กม.
สถานพยาบาล
โรงพยาบาล มนารมย์ 950 ม.
สมิติเวช ลาซาล คลินิก 1.3 กม.
โรงพยาบาล ศิคิรินทร์ 4.8 กม.
สถานศึกษา
โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์ส 500 ม.
ศูนย์พัฒนากีฬาราชนาวี บางนา 800 ม.
โรงเรียนบางกอกพัฒนา 2 กม.
อาคาร สำนักงาน
สตูดิโอเซนเตอร์พ้อยท์ 350 ม.
ไบเทค บางนา 1.5 กม.
อาคารภิรัช ทาวเวอร์ บางนา 2 กม.
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ
โครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105 เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ที่อยู่ในระยะที่สามารถเดินเท้าไปถึงสถานี BTS แบริ่งได้ในระยะ 400 ม. ในราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึง 2 ล้านบาท บนทำเลรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่หาได้ยากแล้วสำหรับโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้าไม่เกิน 500 เมตร และยังเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย อาทิ พนักงานที่มีอายุงานตั้งแต่ 3-5 ปี และมีเงินเดือน 25,000 – 30,000 บาท หากไม่มีภาระหนี้สิน ที่เงินเดือนประมาณ 20,000 บาท ก็น่าลุ้นสำหรับการกู้ซื้อได้ไม่ยาก
แต่หากจะถามว่าคุ้มค่าไหม? สำหรับเรียล ดีมานด์ ที่อยู่อาศัยจริงก็ต้องนำไปเปรียบเทียบกับโครงการข้างเคียงอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีจุดเชื่อมโยงการเดินทางตำแหน่งเดียวกัน ซึ่งในแง่ของคอนโดมิเนียมที่ติดกับรถไฟฟ้าเลย กับ คอนโดที่ตั้งอยู่ในระยะที่เดินได้อยู่ไม่เกิน 500 ม. อาจจะมีความแตกต่างกันเรื่องความสะดวกสบายและการทำเวลาในการเดินทางเล็กน้อย แต่การเดินที่มากกว่าสักหน่อยก็อาจจะแลกมาด้วยพื้นที่ใช้สอยของห้องที่เพิ่มขึ้น เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished และส่วนกลางที่ครบครันกว่า ในราคาที่เท่าๆ กัน ดังนั้นต้องอยู่ที่ความพอใจของผู้อยู่อาศัยว่าต้องการความสะดวกด้านการเดินทางหรือการอยู่อาศัยบนพื้นที่กว้างมากกว่ากัน
ทั้งนี้ในแง่มุมของการเช่า ต้องบอกว่าคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าไม่เกิน 500 ม. และราคาไม่ถึง 2 ล้านบาทกำลังหายากขึ้น ในเรื่องของราคา และ Option, Service ต่างๆ จึงมีความสำคัญมากกว่าเรื่องของทำเลที่ตั้งใกล้-ไกลจากรถไฟฟ้า (ในแง่ของตำแหน่งที่ตั้งอยู่ไม่เกิน 500 ม.) โดยโครงการที่อยู่ติดกับแนวรถไฟฟ้าเลยจะสามารถทำราคาค่าเช่าห้องแบบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่ที่ 10,000 บาทขึ้นไป แต่จะเป็นห้องขนาดประมาณ 21 – 22 ตร.ม. แต่พอถัดเข้ามาในซอยที่ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ในราคาค่าเช่าที่ 10,000 บาทเท่ากันจะได้ห้องขนาดประมาณ 25 ตร.ม. พร้อมกับเฟอร์แบบ Fully Furnished และเป็นที่แน่นอนว่าผู้เช่าที่มีการย้ายถิ่นฐานบ่อยย่อมต้องการหาห้องเช่าพร้อมอยู่โดยไม่ต้องขนของเข้า – ออก ทำให้โอกาสในการเช่าห้องที่ใหญ่กว่า พร้อมกับมีเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่ในราคาที่เท่ากันดูคุ้มค่ากว่าในแง่ของผู้เช่า ถึงแม้จะต้องแลกด้วยระยะที่ไกลออกมาจากรถไฟฟ้าสักนิดก็ตาม
แบบห้องชุด | ขนาด (ตร.ม.) | ราคาปล่อยเช่า (บาท/ เดือน) |
1 ห้องนอน Type A,B | 25.50 ตร.ม. | 10,000 บาท |
1 ห้องนอน Type C | 29.50 ตร.ม. | 12,000 บาท |
1 ห้องนอน Type D, E | 33 – 34 ตร.ม. | 13,500 – 14,000 บาท |
2 ห้องนอน Type F, G | 40.50 – 43.50 ตร.ม. | 15,000 บาท ขึ้นไป |
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
ชื่อโครงการ | ยูนิต | พืนที่ใช้สอย | ราคาเฉลี่ย | ราคาขาย | ห่างจาก BTS แบริ่ง |
นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) | 1 ห้องนอน | 25.50 ตร.ม. | 75,000 บาทต่อตร.ม. | 1.69 ล้านบาท | 400 ม. |
แอตติจูด แบริ่ง(Attitude Bearing) | 1 ห้องนอน | · 25.70 ตร.ม. | 65,000 บาทต่อตร.ม. | 1.49 ล้านบาท | 900 ม. |
ดิ เอ็กเซล แบริ่ง (The Excel Bearing) | 1 ห้องนอน | · 26.38 ตร.ม. | 67,000 บาทต่อตร.ม. | 1.49 ล้านบาท | 650 ม. |
โครงการ ดิ เออเบิ้ล แอตติจูด (The Urban Attitude)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ดิ เออเบิน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
พื้นที่โครงการ: ประมาณ 0-3-62 ไร่
รูปแบบโครงการ: คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 137 ยูนิต
รูปแบบห้อง: 1 Bedroom 25.5 – 34.6 ตารางเมตร, 2 Bedrooms 49.95 – 51.5 ตารางเมตร
ราคาเริ่มต้น: 1.49 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: 70,000 บาทต่อตารางเมตร
โครงการ ดิ เอ็กเซล แบริ่ง (The Excel Bearing)
ผู้พัฒนาโครงการ: ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
พื้นที่โครงการ: 200 ตารางวา
รูปแบบโครงการ: คอนโด Low Rise 8 ชั้น 60 ยูนิต
รูปแบบห้อง: 1 Bedroom 26.38 – 32.45 ตารางเมตร, 2 Bedrooms (Penthouse) 49 ตารางเมตร
ราคาเริ่มต้น: 1.49 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: 65,000 บาทต่อตร.ม.
สรุป
บทสรุป
โปรดักส์ของโครงการออกแบบมาสำหรับผู้ที่ซื้อเพื่ออาศัยอยู่เองก็ดี หรือ จะปล่อยเช่าก็ได้ เพราะโครงการตั้งใจจับกลุ่มเป้าหมายประเภทมนุษย์เงินเดือนที่ยังมีรายได้ไม่สูงมาก และเน้นการใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก โดยโครงการออกแบบให้มีที่จอดรถยนต์เพียง 35% (รวมจอดซ้อนคัน) เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเปรียบเทียบกับยูนิตที่พักอาศัยที่มากกว่า 1,000 ยูนิต แต่ทั้งนี้เอง กลุ่มผู้บริโภคที่เลือกเข้ามาอยู่อาศัยบริเวณนี้ก็ทราบดีถึงการจราจรที่ติดขัดภายในซอยลาซาลอยู่แล้ว การใช้รถเข้า – ออก ภายในซอยจึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลามากกว่าการเชื่อมต่อไปสถานที่อื่นๆ ด้วยบริการขนส่งมวลชนสาธารณะที่สามารถทำเวลาได้ดีกว่าขับรถยนต์ส่วนตัว
ส่วนที่ภายในโครงการเอง รูปแบบของห้องยูนิตต่างๆ ก็ถือว่าทำออกมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันได้ โดยมีขนาดห้องเริ่มต้นทั้งแบบกว้าง และแบบลึก และฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องแบบ 1 ห้องนอน + 1 ห้องอเนกประสงค์ ที่มีขนาดห้องประมาณ 30 ตร.ม. แต่ยังอยู่ในราคาที่รับได้เป็นทางเลือกสำหรับพื้นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แต่ยังมีงบประมาณที่จะจ่ายส่วนต่างของพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้นไม่ไหว โดยนอกจาก Type ห้องที่มีให้เหลือหลายแบบหลายฟังก์ชันแล้ว สิ่งที่จะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภคอีกหนึ่งประการก็คือ ตัวอาคารที่พักอาศัยที่มีถึง 6 อาคาร ถึงแม้ว่าโครงการจะจัดสรรสวนกลางมาบนอัตราส่วนที่ไม่หนาแน่นมาก แต่เรื่องความสะดวกในการใช้งาน คลับเฮ้าส์ ในระยะทางที่ไม่เท่ากันของอาคารต่างๆ ก็ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจเลือกยูนิตตามตำแหน่งต่างๆ อย่างแน่นอน
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ