เพอร์เฟค พาร์ค ราชพฤกษ์-ปทุมธานี หนึ่งโครงการบ้านที่น่าสนใจบนถนนราชพฤกษ์-ปทุมธานี ในรูปแบบบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด เป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 199 ยูนิต บนพื้นที่โครงการกว่า 39 ไร่ ออกแบบบ้านสไตล์ Resort กับบรรยากาศพักผ่อนท่ามกลางสวนและคลับเฮ้าส์หรู Modern Luxury Style ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 4 ล้านบาท
ที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างทาวน์โฮมถือเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการขยายเนื้อที่ของบ้านให้กว้างขึ้น ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่อพาร์ทเมนต์หรือคอนโดมิเนียมมาก่อน ซึ่งการสำรวจข้อมูลจากพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ต้องการทาวน์โฮมที่ต่างไปจากทาวน์โฮมในอดีตและต้องการให้บรรยากาศในบ้านเป็นเหมือนการได้อยู่บ้านเดี่ยว รู้สึกโปร่ง โล่ง และมีพื้นที่สีเขียวรวมถึงมีพื้นที่การจัดเก็บมากขึ้น เหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการต้องทำการบ้านมากขึ้น ดีไซน์หน้าตาทาวน์โฮมออกมาในรูปแบบ 2-3 ชั้นครึ่งและเพิ่ม Double Volume ให้สูงขึ้นกว่าปกติ และที่นิยมกกันคือต้องมีชั้นลอย
การแข่งขันด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการไลฟ์สไตล์เหล่านี้จึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อพอๆ กับเรื่องของทำเลและเรื่องราคาเลยทีเดียว กลุ่มทุนรายใหญ่ อย่าง AP ก็เช่นกัน มีการปรับรูปแบบทาวน์โฮมของตนเอง ภายใต้แบรนด์ “บ้านกลางเมือง” ให้ต่างจากโครงการอื่นๆในแบรนด์นี้ที่เคยทำมา เพราะความต้องการที่มากขึ้นข้างต้น อย่างโครงการ “บ้านกลางเมือง วิภาวดี 64” เป็นตัวอย่างของการสำรวจความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะในย่านนี้ที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ (กลุ่ม Iconic) ที่ต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัยภายใต้งบประมาณที่เหมาะสมกับคุณภาพ จึงกิดป็นโครงการนี้ขึ้นมา
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2558)
ชื่อโครงการ: บ้านกลางเมือง วิภาวดี 64 (Baan Klang Muang Vibhavadi 64)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน): AP
ทำเลที่ตั้ง: ซอย วิภาวดี64 แยก 13 ถ. วิภาวดี แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม.
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: รวมประมาณ 19-0-86.4 (ไร่-งาน- ตารางวา)
รูปแบบ: ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น จำนวน 207 ยูนิต แบ่งเป็น 2 เฟส
เจาะกลุ่มเป้าหมาย: คนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีบ้านหลังแรก อายุเฉลี่ย 25 ปีขึ้นไป
สถานะการก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2556 คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2559 (หรือเร็วกว่านั้นคือ ปลายปีนี้) ปัจจุบันเฟส 1 สร้างเสร็จแล้ว 90 ยูนิต ส่วนเฟส 2 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ค่าส่วนกลาง: 80 บาท/ ตารางวา (จ่ายล่วงหน้า 2 ปี)
ระบบคีย์การ์ด: Access Card สำหรับเข้า-ออกโครงการ
ระบบรักษาความปลอดภัย: 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV ออนไลน์
ราคาเริ่มต้น: 5.99 ล้านบาท /ยูนิต (ข้อมูล ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2558)
เว็บไซต์: www.apthai.co.th
รูปแบบบ้าน มี 2 แบบ คือ
- Type A ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร เนื้อที่ 20 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 193 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน
- Type B ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร เนื้อที่ 20 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 193 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน
หมายเหตุ: ต่างกันที่การสลับชั้นของห้อง Master bedroom (อธิบายในหัวข้อ Layout)
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
ในส่วนคลับเฮ้าส์ และสวนสาธารณะเสร็จเรียบร้อยใช้งานได้จริง ซึ่งทั้งหมดของโครงการคาดว่าแล้วเสร็จตั้งต้นปี 59 แต่อาจจะเสร็จเร็วกว่านั้นคือ ปลายปีนี้
ทั้งนี้ ถนนหน้าโครงการกว้าง 9 เมตร ถนนทางเข้าโครงการกว้าง 12 เมตร ถนนด้านในโครงการกว้าง 9 เมตร โดยโครงการแบ่งการขายเป็น 2 เฟส แปลงที่ดินเป็นแบบหน้ากว้างจากทางเข้าโครงการ จึงทำคลับเฮ้าส์และสวนสาธารณะไว้ตรงกลางส่วนหน้า ทางหลักเป็นทางตรง และซ้ายเป็นทางเลี้ยวเข้าซอยย่อย ฉะนั้นคนที่ซื้อเฟส 1 จะอยู่ใกล้คลับเฮ้าส์และสวนสาธารณะ ส่วนเฟส2 จะอยู่ด้านในมีความเป็นส่วนตัวเพราะไม่ค่อยมีคนเข้าออกผ่านหน้าบ้าน
ทางโครงการทำรั้วสูงจากปกติประมาณ 2 เมตร จากเดิม 3.5 เมตร รวมแล้วเป็น 5.5 เมตร เพื่อความปลอดภัย และป้องกันกลิ่นเนื่องจากทางทิศตะวันออกจะเป็นคลองบางบัว ส่วนทิศอื่นก็สูงปกติคือ 3.5 เมตร
ภายในโดยรวมถือว่าเป็นโครงการที่สวย และดูโมเดิร์นต่างจากบ้านกลางเมืองทำเลอื่นๆ มีความร่มรื่นเพราะต้นไม้ที่ปลูกไว้เติบโตและสูงพอที่จะให้ร่มเงาได้แล้ว ส่วนบ้านพักอาศัยแต่ละซอยมากสุดอยู่ที่ 8 ยูนิตต่อ 1 ซอย มากน้อยลดหลั่นไปตามการตัดแบ่งหน้าที่ดิน ซึ่งถึงอย่างไรก็ดูไม่แออัด และเป็นสัดส่วนดี
Layout: การออกแบบโครงการนั้น ได้มีการสำรวจความต้องการของผู้บริโภค ตามหลักจิตวิทยา พฤติกรรมของคนโดยเฉพาะคนไทย เน้นออกแบบให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่ม Iconic คือเป็นคนรุ่นใหม่ มีความทันสมัย ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติ รูปแบบของโครงสร้างบ้านโดยรวมจึงมีความทันสมัย และมีพื้นที่สีเขียว เห็นได้ชัดอย่างศาลพระภูมิในโครงการก็ดีไซน์ให้โมเดิร์นกลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารและต้นไม้ระแวกนั้น เป็นต้น
ส่วนรูปแบบภายในบ้านออกแบบให้มีพื้นที่โล่ง โปร่ง และมีพื้นที่จัดเก็บสิ่งของให้ได้มากที่สุด เพราะพฤติกรรมของคนไทยเป็นครอบครัวใหญ่ แม้จะย้ายมาอยู่ 1 -2 คน ก็ยังมีญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงแวะเวียนมาพักค้างหรือสังสรรค์เป็นครั้งคราว ฉะนั้นจึงเป็นที่มาของแบบบ้านทาวน์โฮม 3.5 ชั้น โดยก่อสร้างด้วยโครงสร้างสำเร็จรูป Precast มี 2 แบบคือ A และB ซึ่งทั้ง 2 แบบมีขนาดพื้นที่ใช้สอยเท่ากันเริ่มต้นที่ 193 ตร.ม. แต่ต่างกันที่การสลับชั้นของห้องนอนสไตล์ Penthouse และห้องเก็บของแบบ Walk-in Storage ของ Type A จะอยู่ที่ชั้น 3 แต่ Type B จะอยู่ที่ชั้น 2 นั่นเอง ส่วนอื่นๆ เหมือนกันหมดคือ พิเศษที่มี Double Volume และ Mezzanine หรือชั้นลอยอเนกประสงค์ รวมถึงพื้นที่จัดสวนหย่อมบริเวณหลังบ้านด้วย
แปลนบ้าน Type A
แปลนบ้าน Type B
สิ่งที่จะได้รับ:
พื้น: ชั้นล่างกระเบื้องแกรนิตโต้ ชั้น 2 และ3พื้นไม้
ผนัง: ติดวอลล์เปเปอร์สีครีม
สุขภัณฑ์: ยี่ห้อ Cotto (ได้ตามบ้านในภาพบ้านเปล่า )
บันไดและราวบันได: ยี่ห้อ Muku
เครื่องปรับอากาศ: 24,000 BTU (ทุกห้องนอน)
หมายเหตุ: ทุกยูนิตได้บ้านเปล่า พร้อมรายละเอียดข้างต้น
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
การวางทิศทางบ้าน : วางผังบ้านตามทิศเหนือและทิศใต้ หน้าบ้านหันออกไปถนนโครงการ และหันหลังบ้านชนกัน
ทิศเหนือ: วิว พื้นที่ส่วนกลางและเพื่อนบ้าน
ทิศใต้: วิว พื้นที่ส่วนกลางและเพื่อนบ้าน
ทิศตะวันออก: วิวคลองบางบัว
ทิศตะวันตก: วิว พื้นที่ว่างและบ้านเรือนประชาชนทั่วไป
รีวิวภายในบ้าน
สำหรับบรรยากาศภายในบ้านตัวอย่าง มีแบบเดียว คือ แบบ Type B คือ มีทั้งบ้านตัวอย่างที่โชว์ไอเดียการตกแต่ง กับบ้านมาตรฐานที่ขายจริง ซึ่งเราจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพมุมกว้างและจุดหลักๆ ทั้ง 2 หลัง ดังนี้
ด้านหน้าบ้านมาตรฐาน ที่ขายจริงจะมีรั้วโปร่งเตี้ยๆ จอดรถได้ 2 คัน ก่อนเข้าบ้านจะมีเฉลียงหน้าบ้าน (Foyer) กว้างประมาณ 1.20 ม. พื้นจริงที่ให้จะเป็นพื้นกระเบื้องไม่ใช่หินทรายอย่างที่เห็น มีห้องเก็บของให้สำหรับเก็บรองเท้าหรืออุปกรณ์ล้างรถ หรือเก็บจักรยาน ผนังเป็นกระเบื้องเคนไซเล็กๆ ให้ดูคล้ายกับการก่ออิฐมอญ
ด้านหน้าของบ้านตัวอย่าง มีห้องเก็บของเช่นกัน แต่ถูกตกแต่งด้วยพุ่มไม้เขียวสดบังไว้เพื่อความสวยงาม ส่วนอื่นๆ เหมือนกันกับบ้านเปล่า
ภายในบ้านชั้น 1 ของบ้านมาตรฐานไม่ต่างจากบ้านตัวอย่าง จากพื้นจรดเพดานสูง 5.5 ม. ลึกประมาณ 7.55 ม. (วัดจากขอบประตูบ้านหน้า –หลัง)
ภายในปูกระเบื้องหินอ่อนแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. พร้อมติดคิ้วบัวสีขาว ติดวอลล์เปเปอร์สีครีม ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ให้ เน้นความโปร่ง โล่ง
ด้านขวาจะเป็นประตูบานเลื่อน ยี่ห้อ Frametek (เฟรมเทค ) เป็นงานโครงสร้างชุปอโนไดรฟ์ติดกระจกเขียวตัดแสง ด้านบนเป็นกระจกบาน Fix
ส่วนหลังบ้าน มีประตูกั้นแบ่งให้ด้านนอกเป็นพื้นคอนกรีตฉาบเรียบและปูกระเบื้อง เซาะร่องให้ 10 ซม. พร้อมปลั๊กไฟให้
สำหรับชั้น 1 ของบ้านตัวอย่าง เน้นใช้กระจกมาตกแต่งให้ดูแวววาว เพิ่มลูกเล่น และมิติให้ตัวบ้านและช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้น
ส่วนถัดไปเป็นพื้นที่ครัวขนาด 1×2.20 ม. ซึ่งเปิดโล่ง แต่จะมีท่อน้ำ และปลั๊กไฟ (ยี่ห้อ simens สีดำ) ไว้ให้ สังเกตว่าโครงการนี้จะเน้นเรื่องปลั๊กไฟเยอะมาก เนื่องจากวิจัยมาแล้วว่าลูกค้าต้องการให้มีปลั๊กไฟในหลายจุดของบ้านนั่นเอง
ภายในเป็นชุดครัวแบบบิวท์อิน เคาน์เตอร์รูปตัว L กั้นแบ่งด้วยกระจก ประตูบานเลื่อนด้านเดียวไม่มีรางด้านล่างสีขุ่น แต่ถ้าปรับเป็นใสด้านบน ขุ่นด้านล่างก็จะทำให้โปร่งขึ้นอีกนิด
ห้องน้ำได้จริงทั้งหมดเหมือนบ้านตัวอย่าง ยี่ห้อ Cotto แต่อ่างล้างมือ ออกแบบพิเศษและนำเข้ามาสำหรับโครงการนี้เท่านั้น
มุมรับแขกตกแต่งด้วยเฟอร์ฯ ลอยตัวสีขาว เพิ่มฟังก์ชั่นการจัดเก็บและโชว์ของด้วยชั้นวางของโครงเหล็กสีดำทรงสูงนำสายตาสูงถึงเพดาน
ออกจากครัวก็จะเจอโต๊ะทานอาหาร ทั้งนี้ในบ้านกับหลังบ้านก็กั้นแบ่งด้วยประตูบานเลื่อนที่มีตัวล็อคให้เช่นกัน ส่วนหลังบ้านเป็นส่วนซักล้างที่สามารถเนรมิตให้เป็นสวนหย่อมนั่งเล่น หรือนั่งปาร์ตี้ช่วงเย็นๆ ค่ำๆได้
ชั้นลอยนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการ เพราะจากการวิจัยพบว่าคนต้องการบรรยากาศเหมือนบ้านเดี่ยว ที่ยังมีพื้นที่ทำงานส่วนตัวแต่เชื่อมต่อกับชั้นล่างได้
บรรยากาศดูโปร่ง โล่งเพราะแต่งบันไดทางขึ้นด้วยกระจกขุ่น ผนังชั้นลอยก็เป็นกระจกเงา ซึ่งบ้านมาตรฐานจะเป็นผนังก่อทึบ
หน้าประตูทางเข้าห้องนอนด้านขวามือ เป็นที่เก็บระบบไฟฟ้า ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ห้องครัว แต่คิดต่างให้สะดวกขึ้น เพราะชีวิตจริงเวลาไฟฟ้าดับหรือขัดข้องช่วงกลางคืน ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องเดินลงไปถึงห้องครัว
ฝั่งซ้ายถือเป็นอีกจุดที่คิดต่างโดยให้ความสำคัญกับที่เก็บของ โดยเฉพาะของสะสม ของแบรนด์เนมราคาแพง หรือกระเป๋าเดินทางสามารถนำมาเก็บแยกไว้ที่ห้องเก็บของ ซึ่งมีหน้าต่างระบายอากาศให้เรียบร้อย
ด้านหลังประตูในห้องนอน เว้นที่ว่างไว้ 60 ซม. เพื่อสามารถวางตู้เสื้อผ้า หรือเฟอร์นิเจอร์เข้ามุมได้พอดี เปิดประตูมาก็จะเปิดได้สุดบานไม่ชนแต่อย่างใด
ห้องนอน (ถ้าเป็น Type A จะอยู่ชั้น 3 ) เปิดโล่งไม่รวมเพดานห้องน้ำจากพื้นห้องจรดเพดานมีความสูง 2.60 ม. ได้แอร์ 1 ตัว 24,000 BTU
ชั้น 3 บ้านมาตรฐาน เป็นส่วนของห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัวทั้ง 2 ห้อง ได้แอร์ 2 ตัวห้องนอนเล็กสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานได้ มีปลั๊กไว้ให้มากพอกับการใช้งาน
ในห้องนอนใหญ่ไม่มีระเบียงให้ แต่มีหน้าต่างเปิดกว้าง 5×5 ม. ซึ่งชั้นนี้หากเทียบกับคอนโดฯ ความสูงก็จะอยู่ที่ชั้น 5 ของคอนโดฯ แบบโลว์ไรส์ จะเห็นวิวได้ชัดและกว้าง ไม่มีตึกสูงบังตา
ชั้น 3 บ้านตัวอย่าง ตกแต่งด้วยกระจกเช่นกันเพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น ผนังห้องทำงานทำเป็นที่เก็บของแบบบิลท์อิน
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลถนนวิภาวดีรังสิต
ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31) ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลทองของใครหลายคน เนื่องด้วยมีเส้นทางที่เชื่อมต่อเข้า-ออกได้หลายทาง และแม้จะอยู่โซนเหนือของกรุงเทพฯ แต่สามารถเชื่อมต่อไปยัง จ.นนทบุรีซึ่งอยู่ทางโซนตะวันตกได้ เชื่อมผ่านถนนแจ้งวัฒนะได้ ที่สำคัญเป็นจุดที่รองรับการขยายเมืองอย่างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ,ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, โรงเรียน, มหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง อีกทั้งสนามบินดอนเมืองด้วย จึงทำให้เป็นเค้กก้อนโตที่ผู้ประกอบการหลายรายต้องการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับกับกลุ่มคนที่ต้องการที่พักอาศัยในย่านนี้
ในอนาคตทำเลนี้ถือว่าเจริญเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะที่จะมีสถานีรถไฟสายสีแดงราวปี 2561 รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ตัดมาจากสถานีศูนย์ราชการบริเวณรัตนาธิเบศร์ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อของสายสีชมพู สีม่วงและสีน้ำตาล โดยสายสีชมพูจะตัดตรงมาเรื่อยๆ บนถนนแจ้งวัฒนะ ข้ามทางรถไฟและเลยถึงถนนรามอินทรา นอกจากนี้คือสายสีเขียวที่เป็นสถานีส่วนต่อขยายจากช่วงห้าแยกลาดพร้าว-คูคต
วิเคราะห์ทำเลที่ตั้งโครงการ
ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยวิภาวดี 64 แยก 13 แม้ไม่ได้อยู่ติดถนนหลักวิภาวดีรังสิต แต่ก็เข้าออกได้หลายเส้นทาง ห่างจากถนนหลักประมาณ 1 กม. เศษ ถ้านับจากปากซอย วิภาวดี 64 ถึงโครงการประมาณ 1.5 กม. ทางนี้จะคึกคักกว่าทางอื่น เพราะมีร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง, ร้านกาแฟ, เต๊นท์ขายของ (ตลาดนัดขายของกินของใช้ย่อมๆ เลยทีเดียว) รวมถึงร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว เรียกว่าเข้าออกทางนี้ไม่มีอด แต่ก็ต้องยอมรับว่ารถหนาแน่น และติดขัดในช่วงเร่งด่วน
หากเข้าออกทางอื่น เช่น ซอยแจ้งวัฒนะ 1 ส่วนใหญ่สองข้างทางก็จะเป็นบ้านพักอาศัย พื้นที่ว่างเปล่า และเป็นบริษัทบ้าง
การเดินทาง
1.รถยนต์ส่วนตัว: จากโครงการเข้าออกได้ทั้งซอยวิภาวดี 62 และ60 แต่คนส่วนใหญ่นิยมเข้าออกทางซอยวิภาวดี 64 และ ซอยแจ้งวัฒนะ 1 ทั้งนี้จากโครงการสามารถเชื่อมต่อไปทางด่วนโทลล์เวย์ลาดพร้าว-ดินแดงเพื่อมุ่งหน้าไปสีสม สาทรได้ หรือจากแจ้งวัฒนะ 1 ก็ไปขึ้นทางด่วนแจ้งวัฒนะได้เช่นกัน
2.มอเตอร์ไซค์รับจ้าง: หน้าโครงการ, ปากซอยวิภาวดี 64 และปากซอย แจ้งวัฒนะ 1
3.รถไฟฟ้า: BTS หมอชิต และ MRT จตุจักร ห่างจากโครงการประมาณ 7 กม.
4.รถเมล์: สาย 24, 39 ,29 , ปอ.510
5.รถตู้: จตุจักร, หมอชิต – อนุสาวรีย์, บางใหญ่-อนุสาวรีย์
สถานที่แนว Life Style
ย่านนี้เรียกว่าเป็นแหล่งรวมคนทางภาคเหนือและอีสานที่มาตั้งถิ่นฐาน มาทำงานและเรียน เพราะเป็นทำเลโซนเหนือของกรุงเทพฯ ที่เชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินและสายเอเชียมุ่งหน้าไปภาคเหนือและอีสานนั่นเอง ฉะนั้นจะมีร้านอาหารเหนือและอีสานอยู่หลายแห่งทั้งที่มีชื่อเสียง และร้านทั่วไปตามข้างทางแต่รสชาติดั้งเดิมไม่แพ้กัน มีแหล่งไลฟ์สไตล์อยู่หลายโซนเลยทีเดียว อาทิ โซนวิภาวดี –ลาดพร้าว –รัชดาฯ ก็จะมีร้านใบไม้ร่าเริง, ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์, ร้านปาเต๊ะ, ร้านอาหารเหนือเจียงฮาย (ฝั่งตรงข้ามยูเนี่ยนมอลล์) หรือพนักงานออฟฟิศก็จะชอบไปช้อปปิ้งกันที่อาคารซันทาวเวอร์และตลาดนัดหลังการบินไทย เพราะเป็นตลาดนัดขายของกินของใช้ขนาดใหญ่ รวมถึงเสาร์ –อาทิตย์ ก็ไปเดินเล่นที่สวนรถไฟและตลาดนัดสวนจตุจักร
นอกจากนี้ถนนเส้นรัชวิภา, รัชโยธิน, หน้าม.เกษตรฯ ก็ไม่น้อยหน้ามีที่กินที่เที่ยวมากมาย ทั้งเมเจอร์ รัชโยธิน ,ตลาดนัดข้างตึก SCB และร้านอาหารนั่งฟังเพลง สังสรรค์กับเพื่อนฝูงตอนค่ำๆ อีกเพียบเลยทีเดียว
ท้ายสุดอย่างโซนแจ้งวัฒนะ – หลักสี่ ก็ถือว่ามีห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, ร้านอาหาร Yes Indeed และไอทีสแควร์ เป็นต้น
บทวิเคราะห์
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
ส่วนใหญ่ภาพรวมของทาวน์โฮมในโซนนี้ จะเป็นทาวน์โฮมขนาด 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย140-150 ตารางเมตร ในระดับราคา 4.5-5.00 ล้าน ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับโครงการบ้านกลางเมือง วิภาวดี 64 ที่เป็นแบบบ้านใหม่ ดูเพล็กซ์ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง และมีส่วนกลางที่ครบ ในบรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว ซึ่งทาง AP เองก็วาง Position ไว้ค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่ง เพราะมั่นใจในเรื่องแบบบ้านและสภาพโครงการโดยรวม ซึ่งเชื่อว่าได้เปรียบกว่าคู่แข่งในย่านเดียวกัน
อย่างไรก็ดี โครงการใหม่ๆ จากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่เช่นกัน ที่สามารถเอามาเทียบได้ในเชิงของประเภทสินค้าและราคา เช่น
โครงการ ทาวน์ อเวนิว ซิกซ์ตี้ วิภาวดี 60
ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดี60 ดำเนินงานโดยบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 162 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก1 ห้องพักผ่อน พร้อมครัวไทย และที่จอดรถยนต์ 2 คัน ราคา 4.99 ล้านบาท
สรุป
โครงการนี้เด่นเรื่องทำเลแม้ไม่ติดถนนหลักแต่ก็เข้า-ออกได้หลายทางเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังภาคเหนือ และอีสานได้และใกล้กับสถานที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะสนามบินดอนเมือง และในอนาคตก็สามารถเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีแดง และสีเขียวได้
ในแง่ของภาพรวมโครงการ ถือว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ร่มรื่น เงียบ สงบเหมาะแก่การพักผ่อน สาธารณูปโภคสร้างเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว ตัวบ้านก็ออกแบบให้รับกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้จริง หรือกรณีปล่อยเช่าก็ถือว่าเป็นทำเลที่เหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว เพราะหากเราดูที่ต้นซอยวิภาวดี64 จะมีชุมชน แหล่งซื้อขายของกินของใช้ที่คึกคัก หรือทางแจ้งวัฒนะ ซอย1 ก็มุ่งไปยังสถานที่ราชการได้หลายแห่ง จึงไม่น่ากังวลใจในเรื่องของการปล่อยเช่า แต่จากที่ได้พูดคุยกับทางโครงการพบว่าผู้ที่ซื้อโครงการนี้ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ทางโครงการจึงไม่มีตัวเลขคร่าวๆ สำหรับการปล่อยเช่า
อย่างไรก็ตามทำเลนี้มีสภาพการจราจรที่หนาแน่นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และการสัญจรจากโครงการถึงปากซอยก็มีระยะทางเป็นกิโล จึงเหมาะกับผู้ที่สัญจรด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก แต่หากต้องใช้บริการด้วยพาหนะอื่นก็ยังมีวินมอเตอร์ไซค์ไว้คอยบริการหน้าโครงการและปากซอยวิภาวดี64 กับแจ้งวัฒนะ ซอย1 ส่วนแท็กซี่ก็ต้องโทรเรียกเข้ามารับจะสะดวกกว่า