ไอดีโอ พหลฯ – จตุจักร คอนโดมิเนียม แบรนด์ IDEO ซีรี่ส์ใหม่ ที่ชูจุดเด่นที่แตกต่างจาก IDEO โครงการเก่าๆ ด้วย Facilities ที่ไฮคลาสและมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงโลเคชั่นติดรถไฟฟ้าเอาไว้ ณ สถานีสะพานที่เป็นจุดเชื่อมต่อสู่ The New CBD ในอนาคตอย่างจตุจักร – หมอชิต โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 3.59 ล้านบาหรือประมาณ 155,000 บาทต่อตารางเมตร
[Special Advertising Feature] การผันตนเองเพื่อแตกไลน์มาจับธุรกิจใหม่ยังคงเป็นแนวทางการทำธุรกิจของผู้ประกอบการหลายเจ้า โดยเฉพาะกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไงก็มีราคาขาย ราคาเช่า ราคาที่ดินที่ขยับขึ้นทุกปี โดยการสร้างความต่าง ที่ยังไม่มีใครทำ เห็นช่องทางที่จะทำเงินได้ก็เป็นการเปิดเส้นทางธุรกิจที่เรียกว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
เช่นเดียวกับค่าย SMPP หรือ บริษัท เอสเอ็ม พรอพเพอร์ พลัส จำกัด ดีเวลลอปเปอร์หน้าใหม่ในวงการอสังหาฯ ที่พึ่งจดทะเบียนเปิดบริษัทไปเมื่อปี 2558 และเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวโครงการอาคารสำนักงานระดับไฮเอนด์ บนถนนเทพารักษ์ ภายใต้ชื่อ “วาเลอรี ออฟฟิศ เซ็นเตอร์ (Valerie Office Center)” ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของอาคารสำนักงานในเมืองไทยก็ว่าได้ เพราะหน้าตาอาคารสไตล์อังกฤษเช่นนี้ และมีพื้นที่อาคารสำนักงานที่ให้อารมณ์เหมือนนั่งทำงานในบ้านยังไม่มีให้เห็นกัน
ทางบริษัทเรียกตนเองว่า New Business Landmark หรือย่านธุรกิจแห่งใหม่ของตำบลเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ เป็นศูนย์รวมธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางทุกประเภท รองรับการขยายตัวจากในเมือง ก็ถือว่าเข้าตากรรมการ และดูท่าว่าจะไปได้สวยสำหรับน้องใหม่ ทุนหนาในวงการอสังหาฯ ที่น่าจับตามองค่ายนี้
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: วาเลอรี ออฟฟิศ เซ็นเตอร์ (Valerie Office Center)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เอสเอ็ม พรอพเพอร์ พลัส จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: หมู่ 1 ถนนเทพารักษ์ กม. 7.5 ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
เว็บไซต์: www.smproperplus.com
เฟซบุ๊ค: Valerie Office Center Theparak
โทร: 02 – 385 – 3488 – 9, 097 – 278 – 0008
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2561)
พื้นที่โครงการ: 7 ไร่ 11 ตารางวา
ลักษณะโครงการ: อาคารสำนักงาน สูง 5 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้า) จำนวน 10 อาคาร
กลุ่มเป้าหมาย: เจ้าของกิจการ และนักลงทุน
สถานะการก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้าง เม.ย. 2559 แล้วเสร็จ ส.ค. 2560 ปัจจุบันโครงการแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่
ลิฟท์: โดยสาร 1 ตัว ต่ออาคาร
ที่จอดรถ: 6 คัน/ 1 อาคาร และพื้นที่จอดรถใกล้ตัวโครงการ (ในอนาคต) โดยเป็นที่จอดรถยนต์ส่วนกลาง 181 คัน และที่จอดรถจักรยานยนต์ 71 คัน
สิ่งอำนวยความสะดวก: ภายในอาคาร ประกอบด้วย
– ระบบปรับอากาศแบบ VRV
– ลิฟต์ระบบ Touch Screen ยี่ห้อ Sigma
– ไฟฟ้าภายในอาคารแบบ LED
– รองรับอินเตอร์เน็ต ความเร็วสูงสำหรับสำนักงาน โดยแยกสายแลนแต่ละชั้นให้
ระบบรักษาความปลอดภัย:
– เข้าออกโครงการด้วยระบบคีย์การ์ด
– รปภ. 24 ชั่วโมง
– กล้อง CCTV ภายในอาคาร 17 ตัว/ 1 อาคาร
– กล้อง CCTV รอบโครงการ
เงื่อนไขการชำระเงิน:
กรณีอาคารเริ่มต้น 54.3 ล้านบาท
ขนาดที่ดิน: 107 – 145 ตารางวา หน้ากว้าง 15 เมตร ลึก 11.4 เมตร
พื้นที่ใช้สอยต่ออาคาร: 1,065 ตารางเมตร
จำนวนห้องน้ำ: ชาย 1 ห้อง หญิง 2 ห้อง / ชั้น (ทั้ง 2 แบบเท่ากันต่างกันที่รูปแบบการตกแต่งภายใน)
รูปแบบ
1. Type A Modern Classic
2. Type B Luxury
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
เดิมที่ตั้งโครงการเป็นที่ดินเปล่า และพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน สูง 5 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้า) จำนวน 10 อาคาร ก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบาและอิฐมอญ โดยลักษณะของโครงการเป็นการขายแบบขายขาด
Valerie ชื่อโครงการที่ฟังดูไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไร เพราะเป็นภาษาฝรั่งเศส ที่แปลว่า ความแข็งแกร่ง สอดรับกับคอนเซ็ปต์โครงการที่ได้แนวคิดมาจากยุคเรเนซองส์ ( Renaissance) แบบอังกฤษ ผสมผสานความเป็น Style Modern Classic เพื่อให้ดูมีความทันสมัย และความโอ่อ่าแบบอาคารสไตล์ยุโรป
หากดูจากภาพรวมโครงการและสถานที่โดยรอบถือว่า โครงการเป็นอาคารที่โดดเด่นเพียงแห่งเดียวในย่านนี้ ณ ขณะนี้ด้วยหน้าตาภายนอกที่ไม่เหมือนใครโอ่อ่า สูงใหญ่ และสีสันที่สดใส สว่างตา รวมถึงภายในอาคารก็เช่นกันที่ต้องการให้อาคารสำนักงานไม่ใช่เพียงแค่ที่ทำงาน แต่ต้องอบอุ่น อยู่สบายเหมือนกำลังนั่งทำงานอยู่ในบ้าน (ซึ่งเราจะขอรีวิวในหัวข้ออาคารตัวอย่างต่อไป )
ทั้งนี้จากทางเข้าโครงการ ผังโครงการจะเป็นรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างอาคารจากด้านหน้ายาวเข้าไปด้านในโครงการ มีทางเข้าออกได้ทางฝั่งหน้าโครงการเพียงทางเดียว โดยถนนจากประตูทางเข้าโครงการมายังอาคารที่ 1 – 4 กว้าง 7.7 เมตร และจากอาคารที่ 5 เป็นต้นไปกว้าง 11 เมตร เป็นถนนแสตมป์คอนกรีตที่มีความสวยงาม แข็งแรงคงทน ติดตั้งง่าย พื้นผิวป้องกันการลื่นหกล้ม
สำหรับอาคารจะสร้างซ้าย ขวา หันหน้าเข้าหากัน โดยแบ่งอาคารเป็นฝั่งเลขคู่และเลขคี่เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ซึ่งด้านหน้าถัดจากป้อม รปภ. จะเป็นอาคาร Type A และ B ที่ออกแบบตกแต่งภายในเสร็จเรียบร้อยพร้อมขาย ให้ดูเป็นตัวอย่าง ส่วนอาคารอื่นๆ เป็นแบบอาคารเปล่าไม่ได้ตกแต่งใดๆ ซึ่งหากลูกค้าต้องการให้ตกแต่งภายใน ทางโครงการก็สามารถดำเนินการให้ได้
ส่วนพื้นที่จอดรถจะจอดได้ 6 คัน / 1 อาคาร ซึ่งอยู่ด้านข้างของแต่ละอาคาร รวมถึงมีที่กลับรถให้ แต่อนาคตจะสร้างพื้นที่จอดรถเพิ่มประมาณ 150 คัน บนที่ดินที่ติดกับโครงการทางฝั่งทิศตะวันออกก็คือ ที่ดินเดียวกันกับที่จะสร้างคอนโดฯ และคอมมูนิตี้มอลล์นั่นเอง
ทั้งนี้ในโครงการไม่มีพื้นที่ส่วนกลางใดๆ เนื่องจากเป็นการขายขาด แต่มีรปภ. และ CCTV อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ค้นหาโครงการทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮมใหม่ในเมืองสมุทรปราการ
Floor Plan
การวางทิศทางโครงการ
ทิศตะวันออก ได้วิวที่ดินเปล่าของโครงการ (อนาคตเป็นคอนโดฯ พื้นที่จอดรถและคอมมูนิตี้มอลล์ของโครงการ), ทางด่วน
รีวิวภายในอาคารตัวอย่าง
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
พื้น: ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ วางระบบพื้นแบบ Post – Tension (ระบบพื้นไร้คาน) ข้อดีคือ ท้องพื้นเรียบ และบาง น้ำหนักโดยรวมน้อยกว่าพื้น คสล. ทั่วไป รองรับน้ำหนักได้ถึง 650 กก. อีกทั้งต้านทานแผ่นดินไหวได้ดี สามารถจัดสรรพื้นที่ได้สะดวกเพราะกำแพงหรือผนังไม่จำเป็นต้องวางอยู่บนคานท้องพื้นเรียบ อีกทั้งไม่กีดขวางแนวท่อหรืองานระบบ
ผนัง: ฉาบเรียบ ทาสี
สุขภัณฑ์: Cotto
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน: ชั้น 1 สูง 3.20 เมตร, ชั้น 2 – 5 สูง 2.7 เมตร
อาคารตัวอย่าง มี 1 แบบ คือ
– แบบ Luxury หน้ากว้าง 15 เมตร ลึก 11.4 เมตร ขนาดที่ดิน 107 – 145 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 1,065 ตารางเมตร ซึ่งต่างจากแบบ Modern Classic ตรงการออกแบบตกแต่งภายในเท่านั้น แต่โครงสร้างภายนอก และระบบต่างๆ ภายในเหมือนกัน
อาคารหลังนี้อยู่ด้านหน้าถัดจากทางเข้าโครงการ คือ ฝั่งตรงข้ามสำนักงานขาย ภายนอกอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Renaissance ของอังกฤษ ทั้งสีสัน ลวดลายโค้งมน และวัสดุเหล็กดัด เป็นต้น ดูโอ่อ่า ใหญ่โต ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยว คฤหาสน์ยังไงอย่างนั้น ทั้งนี้ทุกยูนิตในโครงการมีหน้าตาแบบนี้
ด้านข้างของอาคารมีสนามหญ้า และที่จอดรถให้ประมาณ 5 คัน ซึ่งบริเวณนี้จริงๆ เป็นที่กลับรถ แต่ก็สามารถมาจอดรถได้
ด้านหลังของทุกอาคารจะมีบันไดหนีไฟโครงเหล็กให้แบบนี้ เปิดออกมาแล้วล็อคอัตโนมัติเปิดเข้าไปไม่ได้ ต้องเปิดจากทางด้านในเท่านั้น บริเวณชั้น 2 จะมีบันไดลิงไว้ให้เพื่อไต่ลงมาชั้น 1
ด้านหน้าอาคาร มีประตูทางเข้าเดียว ใช้ประตูและผนังกระจกสีชา ด้านนอกมองเข้าไปไม่เห็น แต่ด้านในมองเห็นเพื่อความเป็นส่วนตัวและกรองแสงแดดได้ดี
ภายในอาคารชั้น 1
ชั้น1 ออกแบบให้เป็นพื้นที่ต้อนรับแขก และเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ดูโล่งกว้าง สว่างตา เพิ่มความหรูหราด้วยแชนเดอเลียชิ้นใหญ่ ติดม่านทึบ และม่านโปร่งแสง พร้อมเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรปให้สอดรับกับสถาปัตยกรรมภายนอก ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ้านมากกว่าออฟฟิศซึ่งก็เป็นไปตามแนวคิดของทางโครงการนั่นเอง
มีแผงควบคุมการทำงานของทุกระบบในอาคาร เช่น เครื่องปรับอากาศ, การเปิดปิดไฟ เป็นต้นที่บริเวณเคาน์เตอร์ชั้น 1
โดยรอบอาคารเน้นติดผนังกระจก เพื่อความโปร่ง โล่ง และด้านในสามารถมองเห็นผู้มาติดต่องานได้สะดวกขึ้นด้วย ภายในอาคารก็ดูโปร่งโล่งซึ่งชั้น 1 จะมีความสูงจากพื้นถึงเพดานประมาณ 3.20 เมตร ซึ่งสูงกว่าชั้นอื่นที่สูงประมาณ 2.7 เมตร ส่วนเครื่องปรับอากาศก็เป็นเครื่องใหญ่ ฝังไว้ที่เพดานเป็นระบบปรับอากาศแบบVRV
เข้ามาด้านในสุดของชั้น 1 เป็นลิฟท์ระบบ Touch Screen ที่เชื่อมต่อกับโซนห้องน้ำ ซึ่งทุกชั้นมีหน้าตาเหมือนกัน
ห้องน้ำแยกชาย หญิงโดยมีห้องน้ำชาย 1 ห้อง หญิง 2 ห้อง ซึ่งมีห้องเก็บของคั่นกลางไว้ให้ ทุกชั้นมีหน้าตาแบบนี้
จากบันไดก่อนขึ้นไปยังชั้น 2 มองลงมายังผนังจะมีหน้าต่างให้แบบนี้ ซึ่งแต่ละชั้นจะมีลักษณะที่ต่างกันไป เพื่อเปิดรับแสงจากธรรมชาติ และระบายอากาศ
ภายในอาคารชั้น 2
ขึ้นบันไดมาชั้น 2 สามารถมองเห็นด้านในได้ชัดเจนเพราะทำช่องแสงเป็นกระจกใส แต่หากต้องการให้เป็นส่วนตัวก็สามารถติดตั้งมู่ลี่เพื่อพลางสายตา
ลักษณะของการวางผังประตูทางเข้าออกในแต่ละชั้น มีหน้าตาแบบนี้เหมือนกันทุกชั้น เป็นประตูบานสวิง พร้อมที่ล็อคที่ดูแข็งแรงดี
ภายในห้องโล่งกว้าง ดูเรียบง่าย แต่มีความหรูหรา จัดไว้สำหรับเป็นที่นั่งคุยงานกับลูกค้าให้เป็นไอเดีย ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟ
ฝั่งซีกซ้ายของห้องเป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ สามารถวางโต๊ะยาว สำหรับคุยงานหรือจัดทำเวิร์คช็อปได้ ซึ่งตรงนี้เราสามารถดัดแปลงอย่างที่ต้องการได้ แนะนำให้ใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเพราะจะง่ายต่อการปรับเปลี่ยน และรื้อถอน
ภายในห้องอเนกประสงค์ สามารถออกแบบไว้เป็นไอเดียให้เป็นห้องรับรองสำหรับลูกค้าวีไอพี หรือห้องสำหรับหัวหน้า หรือผู้จัดการฝ่ายต่างๆ เป็นต้น สามารถดัดแปลงใช้งานได้ตามต้องการเช่นกัน
พื้นที่ห้องอเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัด จัดเป็นห้องประชุมสำหรับ ประชุมฝ่าย หรือคุยงานด่วน แล้วแต่จะใช้งาน มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ให้ 2 จุด เพื่อความโปร่ง โล่ง
ภายในอาคารชั้น 3
ภายในห้องชั้น 3 โปร่งโล่ง ด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่รอบห้อง ออกแบบให้เป็นโต๊ะทำงานสำหรับพนักงานที่ดูโล่ง สบายไม่แออัดจนเกินไป นั่งได้ราว 15 – 20 คน
ภายในห้องอเนกประสงค์สามารถออกแบบให้เป็นห้องอ่านหนังสือ เก็บเอกสารหรือข้อมูลที่สามารถมานั่งค้นคว้าข้อมูลได้ หรือจะไว้ใช้เป็นห้องต้อนรับแขก ต้อนรับลูกค้า หรือนั่งพักผ่อนก็ได้ขึ้นอยู่กับการดัดแปลงของเรา
ภายในอาคารชั้น 4
ชั้นนี้เป็นการออกแบบที่รวมเอาโต๊ะทำงานของพนักงาน และมุมพักผ่อนเข้ามาไว้รวมกัน คือ ทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนอิริยาบถได้ ใช่เพียงแต่นั่งหน้าคอมฯ ตลอดเวลา และออกแบบติดตั้งโคมไฟเพิ่มแสงสว่าง และความสวยงามให้เป็นไอเดียเช่นเดียวกันกับชั้น 3
ภายในห้องอเนกประสงค์ ออกแบบให้เป็นห้องของผู้บริหาร หรือห้องหัวหน้าที่สามารถบิลท์อินสำหรับเป็นชั้นวางหนังสือ วางเอกสารหรือเก็บของได้
ชั้นนี้ไม่มีห้องประชุม แต่ทำพื้นที่ส่วนนี้เป็นทำงานที่อยู่ติดกับระเบียงยาว เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่คิดว่าหลายๆ คนน่าจะชอบเพราะดูมีสมาธิในการทำงานดี และชมวิวด้านนอกได้ด้วย
หน้าตาของระเบียงที่สามารถออกไปยืนได้ เป็นระเบียงยาว ที่มีประตูกระจกบานเลื่อนให้ 3 จุด คือ ซ้าย ขวา และตรงกลาง โดยสามารถเปิดออกได้ทุกจุด
หน้าต่างบริเวณทางขึ้นบันไดชั้น 4 ไปยังชั้น 5 มีขนาดกว้างและสูงกว่าชั้นอื่นๆ ทั้งบานกระทุ้ง และบานฟลิป เพื่ออากาศถ่ายเทได้มากยิ่งขึ้น
ภายในอาคารชั้น 5
ห้องนี้ออกแบบคล้ายชั้น 4 แต่ไม่มีห้องอเนกประสงค์ใดๆ เป็นพื้นที่โล่งที่ออกแบบให้เป็นโต๊ะทำงานสำหรับพนักงาน
ยังคงคอนเซ็ปต์การวางชุดโต๊ะกลางทรงเตี้ยและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อน นั่งคุยงานเพื่อปรับเปลี่ยนอิริยาบถไว้เป็นไอเดีย
สามารถวางโต๊ะตัวยาวไว้สำหรับนั่งประชุม ส่วนพื้นที่ทำงานข้างระเบียงก็มีให้เหมือนชั้น 4 ซึ่งระเบียงก็สามารถเปิดออกไปยืนได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ชั้นนี้ติดมู่ลี่เพื่อกรองแสงแดดไว้ให้เป็นไอเดีย
ดาดฟ้า
จากชั้น 5 ขึ้นบันไดไปชั้นดาดฟ้า ซึ่งก่อนจะออกประตูไปมีหน้าต่างเพิ่มช่องแสง และระบายอากาศ และมีกล้องวงจรปิดให้
ทําเล & การเดินทาง
ทำเลเทพารักษ์ – สมุทรปราการ
จังหวัดสมุทรปราการจะเรียกว่าเป็นปริมณฑลของกรุงเทพฯ ก็ว่าได้ เพราะมีอาณาเขตติดต่อกันและเดินทางไปมาหาสู่กันได้สะดวกรวดเร็ว ทั้งนี้สมุทรปราการถือเป็นย่านเศรษฐกิจทั้งโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม และบริษัทชั้นนำมากมาย เกิดแหล่งงาน แหล่งที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดฯ ทาวน์เฮ้าส์ รวมไปถึงอาคารสำนักงาน
ทั้งนี้ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนเทพารักษ์ กม. 7.5 จุดสังเกตชัดเจนคือ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับบริษัท สุรพลฟู้ด จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดีคือ เชื่อมต่อกับทางด่วนได้หลายเส้นทาง ที่ชัดเจนคือ ติดทางด่วนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) ที่สามารถเชื่อมต่อทางด่วนชั้นในและรอบนอกของกรุงเทพมหานครได้ ทั้งนี้สามารถขึ้นทางด่วนกาญจนาภิเษกไปยังถนนพระราม 2 เพื่อเชื่อมต่อไปนนทบุรี นครปฐมได้ หรือมุ่งหน้าไปถนนมอเตอร์เวย์ เพื่อไปยังชลบุรีได้
อนึ่งหากเลี้ยวซ้ายจากโครงการ เบี่ยงขวาไปประมาณ 100 เมตรก็เจอจุดกลับรถเพื่อมุ่งหน้าขึ้นทางด่วนกาญจนาภิเษกไปถนนพระราม 2 และบางนา และหากเลี้ยวขวาจากโครงการก็สามารถไปบางพลี สมุทรปราการได้
อย่างไรก็ตาม หากเดินทางด้วยถนนเส้นทางปกติ อย่างเช่น เทพารักษ์ ก็อาจจะต้องเผื่อเวลาให้มากขึ้นกว่าปกติ เพราะปริมาณรถค่อนข้างติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน ฉะนั้น แนะนำให้เดินทางด้วยทางด่วนจะสะดวกกว่า
นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 20 กิโลเมตรได้สะดวก อีกทั้งจะมีรถไฟฟ้า (BTS) สายสีเหลือง (รัชดาภิเษก/ ลาดพร้าว – สำโรง) สถานีศรีด่านที่ห่างจากโครงการประมาณ 3.5 กิโลเมตร และท่าเรือคลองเตยประมาณ 13 กม. ซึ่งเอื้อต่อธุรกิจประเภทขนส่งสินค้าทางเรือด้วยอีกช่องทางหนึ่ง นอกจากนี้ก็มีรถโดยสารสาธารณะผ่านหน้าโครงการอีกด้วย
แผนที่จาก Google แสดงเส้นทางการเดินทางจากทางด่วนศรีรัช เข้าบูรพาวิถี เข้ากาญจนาภิเษก เพื่อไปยังโครงการ
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
ย่านนี้หากอยากเดินห้างใหญ่ๆ ก็ต้องไปที่Mega, IKEA บางนา เพราะขับรถไปใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็ถึง นอกจากนั้น ก็มี Big C บางพลี ,Imperial สำโรง , Lotus ศรีนครินทร์ เป็นต้น
ทั้งนี้โดยรวมก็ถือว่าย่านนี้ไม่แห้งแล้ง บริเวณใกล้เคียงโครงการหากขยับเข้าไปทางถนนเทพารักษ์ ก็มี 7-ELEVEN ที่อยู่ห่างโครงการประมาณ 200 เมตร รวมถึงร้านอาหาร และร้านกาแฟ อาทิ ร้านพื้น..พื้น..บุรีรัมย์, ผัดไท เทพา ซอย32 ,Cafe Amazon สาขา สน.ปตท. สาขา เทพารักษ์ (PTTRM 53001)ร้าน Coffee Bike, ก๋วยจั๊บเจ๊ต๋อย, ร้านกินเพลิน Kin Ploen ,ร้านอาหารจุ่งเฮงห่านพะโล้, ร้านเรื่องหมูหมู และร้านแป๊ะเก๊าโภชนา เป็นต้น รวมถึงร้านน่านั่งอื่นๆ อาทิ ร้าน เพลย์ฟาร์ม PLAY FARM Restaurant, ร้านก้ามปู ถ.เทพารักษ์ สำโรง เป็นต้น
สถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
Big C บางพลี ระยะทาง 5.9 กิโลเมตร
Mega, IKEA บางนา ระยะทาง 5.9 กิโลเมตร
Foodland ศรีนครินทร์ 7.1 กิโลเมตร
Imperial สำโรง ระยะทาง 8.1 กิโลเมตร
Lotus ศรีนครินทร์ ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร
สถานพยาบาล
โรงพยาบาลบางพลี ระยะทาง 5 กิโลเมตร
โรงพยาบาลบางนา 5 ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 2 ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ระยะทาง 7.6 กิโลเมตร
โรงพยาบาลศิครินทร์ ระยะทาง 7.7 กิโลเมตร
สถานศึกษา
โรงเรียนสุขเจริญผล ระยะทาง 330 เมตร
สถานรับเลี้ยงเด็กที เค โฮม ระยะทาง 360 เมตร
Singapore International School of
Bangkok – Suvarnabhumi Campus ระยะทาง 740 เมตร
โรงเรียนอนุบาลองค์การบริหารส่วนตำบลเทพารักษ์ ระยะทาง 880 เมตร
โรงเรียนอนุบาลสรินวิทย์ (สาริน) ระยะทาง 970 เมตร
โรงเรียนวัดหนามแดง (เขียวอุทิศ) ระยะทาง 1.06 กิโลเมตร
โรงเรียนอนุบาลพัฒนาสุข ระยะทาง 1.15 กิโลเมตร
อื่นๆ
นิคมอุตสาหกรรมบางปู ระยะทาง 10 กิโลเมตร
นิคมอุตสาหกรรมเจโมโปลิส ระยะทาง 10 กิโลเมตร
นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร
นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ระยะทาง 30 กิโลเมตร
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ
อาคารสำนักงานในย่านนี้ ส่วนใหญ่เป็นลักษณะโฮมออฟฟิศ และขายขาด แต่ราคาเฉลี่ย มีทั้งหลักล้านบาทต้นๆ ไปจนถึง 10 ล้านบาท แต่ในลักษณะเดียวกันกับโครงการยังไม่มี
โครงการนี้ถือว่าชัดเจนเรื่องวัตถุประสงค์ในการสร้างคือสำหรับเจ้าของกิจการที่ซื้อเพื่อใช้งานจริง และสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในอนาคต ด้วยความมั่นใจเรื่องศักยภาพของทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน รวมถึงย่านเทพารักษ์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านแหล่งงาน และแหล่งที่อยู่อาศัย อีกทั้งในอนาคตทางโครงการก็จะพัฒนาคอนโดฯ และคอมมูนิตี้มอลล์บนที่ดินซึ่งติดกับโครงการ ก็ถือว่าครอบคลุมความเจริญมากขึ้น และสร้างความน่าสนใจให้กับย่านนี้ไม่น้อย
ฉะนั้นก็ถือว่าน่าลงทุน เพราะปัจจุบันหากเทียบกับอาคารสำนักงานในย่าน CBD หรือใจกลางเมืองสุขุมวิท สาทร ราคาเช่าต่อเดือนเฉลี่ยที่ 250,000 – 350,000 บาท/ เดือน แต่ในย่านนี้หากเป็นโครงการนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท/ เดือน ก็ถือว่าถูกกว่า ข้อดีคือ ได้พื้นที่ใช้สอยที่มาก และไม่ต้องผจญกับความแออัดในเมือง
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
ณ ปัจจุบันโครงการนี้ถือว่าไม่มีคู่แข่งที่มีลักษณะโครงการแบบเดียวกัน เนื่องจากในละแวกนี้ส่วนใหญ่เป็นลักษณะโฮมออฟฟิศ ระดับราคาสูงสุดก็อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท แต่โครงการนี้เป็นอาคารสำนักงานแบบเต็มรูปแบบ และระดับราคาเริ่มต้นเป็นระดับไฮเอนด์ ที่เริ่มต้น 52.5 ล้านบาท ซึ่งในย่านนี้ยังไม่มีเจ้าไหนทำโครงการในลักษณะนี้
สรุป
โครงการนี้มีข้อได้เปรียบในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับทางด่วนซึ่งเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นอื่นได้หลายเส้นทาง อีกทั้งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองพาดผ่านด้วย หรือกระทั่งตัวโครงการเองที่กล้าฉีกกรอบเดิมๆ และกล้าลงทุนกับอาคารสำนักงานในรูปแบบใหม่ที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ซึ่งในย่านนี้เรียกว่าไร้คู่แข่งด้วยราคา โครงสร้าง ระบบงานต่างๆ เป็นระดับพรีเมี่ยม เจาะกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักทั้งเจ้าของธุรกิจ และนักลงทุนที่ซื้อไว้เก็งกำไรโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ใช่ว่าจะมีแต่อาคารสำนักงาน หากแต่ในพื้นที่ติดกันก็เป็นอาณาจักรของบริษัทที่รอการพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ คอนโดฯ และพื้นที่จอดรถ เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง อำนวยความสะดวกกับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัย และแหล่งไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ในย่านนี้ ซึ่งถือว่าทั้งหมดทั้งมวลเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่ยกระดับย่านนี้ให้ดูพรีเมี่ยมขึ้นมากโขเลยทีเดียว