ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 50 อาคาร อาคารที่จอดรถสูง 8 ชั้น 6 อาคาร มีจำนวนยูนิตพักอาศัยรวม 10,074 ยูนิต และร้านค้า 7 ยูนิต ตกแต่งแบบ Fully Fitted ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท
อ่านต่อ ⋅ 20 เมษายน 2023
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
นับตั้งแต่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม ช่วงตากสิน-บางหว้า เปิดให้บริการในช่วงปี 2556 เป็นต้นมา ส่งผลให้ทำเลใน ฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ เปลี่ยนโฉมหน้าไปอยู่ไม่น้อย จากย่านที่เป็นชุมชนเก่าแก่ ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านเรือน ตึกแถวและอาคารพาณิชย์ที่ไม่สูงมากนัก เริ่มมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายเล็ก-ใหญ่ตบท้ายเข้ามาเปิดโครงการที่อยู่อาศัยแบบเป็นตึกสูง หรือคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะการเข้ามาของรถไฟฟ้านั้นเป็นการเปิดทางสู่การเดินทางที่สะดวกสบาย และนำไปสู่ศักยภาพในด้านต่างๆ ทั้งสำหรับการอยู่อาศัยและการเป็นแหล่งงานที่เข้าถึงง่าย หนึ่งในผู้ประกอบการชื่อดังที่เข้ามาช่วงชิงตลาดในย่านฝั่งธนนี้ ได้แก่ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC โดยได้นำแบรนด์ “วิสซ์ดอม” (Whizdom) เข้ามารองรับดีมานด์ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าในราคาที่ยังไม่แรงเกินที่คนทำงานรุ่นใหม่จะจับต้องได้ กับโครงการ “วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ” (Whizdom Station Ratcha-Thrapa) ที่มีหนึ่งในจุดขายคืออยู่ใกล้สถานีบีทีเอสตลาดพลู (ประมาณ 80 เมตร) และสามารถเดินทางไปโซน CBD (Central Bangkok District) อย่างสาทรโดยใช้เวลาแค่เพียง 10 นาที
รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ: วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ (Whizdom Station Ratchada-Thrapra)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)
ทำเลที่ตั้ง: ท่าพระ, ถนนรัชดาภิเษก (ใกล้บีทีเอส ตลาดพลู)
พื้นที่โครงการ: 3-0-52 ไร่
รูปแบบ: อาคารชุดพักอาศัยความสูง 37 ชั้น จำนวน 1 อาคาร จำนวน 690 ยูนิต ร้านค้า 6 ยูนิต
เจาะกลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มที่กำลังเริ่มต้นชีวิตครอบครัวและคนที่ต้องเดินทางไปทำงานในเมือง (ฝั่งสาทร) เป็นประจำ
พื้นที่จอดรถ: 43%
สถานะการก่อสร้าง: สร้างเสร็จพร้อมอยู่
ค่าส่วนกลาง: 45 บาท/ ตารางเมตร (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
ค่ากองทุน: 500 บาท/ ตารางเมตร (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ราคาเฉลี่ย: เริ่มต้น 100,000 บาท/ ตารางเมตร
ราคาเริ่มต้น: 2.2 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 18 มี.ค. 2559)
สิ่งอำนวยความสะดวก:
-สวนทางเข้าขนาดใหญ่
-ล็อบบี้ขนาดใหญ่
-Infinity edge pool & pool bar และ lounge ที่ทำทางลงเพื่อลงสระได้ทันที
-สวนส่วนกลาง บนชั้น 6
-ฟิตเนส
-Sunrise Terrace บนชั้น 34
-Glass House (เรือนเพาะชำ) ณ sky lounge
-Co-working Space พร้อมห้องสมุดออนไลน์
-Tunnel Garden ณ ชั้นดาดฟ้า
ระบบรักษาความปลอดภัย:
Digital Door Lock
Key Card Access
CCTV
สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับบุคคลทุพลภาพ
เว็บไซต์โครงการ: www.mqdc.com/whizdom/ratchadathapra
รูปแบบห้องพัก:
– ห้องสตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 22 ตารางเมตร
– 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 26-35 ตารางเมตร
– 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 47-59 ตารางเมตร
– เพนท์เฮ้าส์ 40-78 ตารางเมตร
รายละเอียดโครงการ
รีวิวห้องตัวอย่างโครงการ
ห้องตัวอย่าง ณ sales gallery จะมีด้วยกัน 3 แบบได้แก่: 1 ห้องนอน 27 ตร.ม., 1 ห้องนอน 38 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 48 ตร.ม.
1. 1 ห้องนอน 27 ตร.ม.
ประกอบด้วย:
-1 ห้องนอน
-1 โซน living room
-1 ห้องครัว
-1 ห้องน้ำ
-ระเบียงขนาดเล็ก
(ห้องจริงจะเป็นลักษณะ fully-fitted ที่ให้บิลท์อินครัวและตู้เสื้อผ้า)
ภายในห้องตัวอย่าง
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอโซน living room ฝั่งซ้ายเป็นห้องครัว และด้านในจะเป็นห้องนอน
โซน living room สามารถจัดวางโซฟากว้างประมาณ 3 ฟุต จะทำให้เหลือพื้นที่เพิ่มขึ้น
สามารถจัดวางโต๊ะกาแฟขนาดเล็กได้ไม่บดบังชั้นวางทีวี (ชั้นวางไม่แถม)
ห้องนอนจะมี partition บานเลื่อนให้ (ภายในห้องโครงการแถมตู้เสื้อผ้า)
ห้องนอนสามารถจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้จะทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยข้างเตียง
ปลายเตียงติดกับตู้เสื้อผ้าโครงการให้ไอเดียว่าสามารถจัดวางเป็นมุม study ได้ (บิลท์อินโต๊ะไม่แถม)
พื้นที่หัวเตียงสามารถจัดวางโต๊ะวางโคมไฟอ่านหนังสือได้ (โต๊ะไม่ได้แถม)
การจัดวางเครื่องปรับอากาศข้างเตียงเพื่อป้องกันผู้นอนจากหวัดเนื่องจากแอร์ลงหากวางตำแหน่งหัวเตียง
โซนครัว
ห้องจริงจะมีประตูติดตั้งกั้นระหว่างห้อง/ ติดกับโซนครัวจะเป็นห้องน้ำซึ่งจะมีประตูแบบมีด้ามจับติดตั้งให้
งานบิลท์อินครัวโครงการแถม (เครื่องใช้ไฟฟ้าลอยตัว เช่น ไมโครเวฟ เครื่องชงกาแฟ ไม่ได้แถม)
ทางโครงการมอบ Hood ดูดควันแบรนด์ Mex ให้
นอกจากนี้ ยังให้ซิ้งค์และเตาไฟฟ้าแบรนด์ Mex ชั้นวางด้านล่างสามารถวางไมโครเวฟได้
ระเบียงกว้าง 1 เมตรสามารถวางเครื่องซักผ้าทั้งชนิดฝาบนและฝาล่างได้ ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกแขวนไว้บริเวณนี้เช่นกัน
ห้องน้ำ
พื้นและผนังห้องน้ำจะใช้เป็นแกรนิตโต้ (สุขภัณฑ์ทั้งหมดแถม)
สุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าให้เป็นแบรนด์ Hogen พร้อมกระจกเงา
กระจกกั้นระหว่างโซนเปียกและแห้งติดตั้งให้ อุปกรณ์ shower แถมแบรนด์ Hogen เช่นเดียวกัน
ที่กดชักโครกออกแบบให้วางในจุดเช่นเดียวกับห้องตัวอย่าง
ระบบประปาจะเก็บไว้ใต้ผนังแล้วต่อตรงเข้าช่อง shaft ประจำชั้นลดปัญหาการรั่วซึม
ยูนิต 1 ห้องนอน 38.61 ตร.ม.
Layout
ประกอบด้วย:
-1 โซนครัว
-1 โซน living room
-1 ห้องนอน
-1 ห้องน้ำ
(โครงการจะให้เป็น fully-fitted บริเวณครัวและตู้เสื้อผ้า)
เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับโซนครัว (งานบิลท์อินตู้ครัวให้มา แต่งานหินอ่อนไม่ได้แถมให้)
พื้นที่ใช้สอยในส่วนนี้ประมาณ 3×3 เมตรเท่ากับโซน living
โครงการมอบตู้ชั้นวางให้ พร้อมซิ้งค์, hood ดูดควัน และเตาแบรนด์ Mex
เมื่อเปิดประตูเข้ามาฝั่งขวาสามารถจัดวางตู้เย็นได้
ติดกับโซนครัวด้านในเป็นส่วนของ living room ขนาดกว้างยาวของโซนนี้ประมาณ 3×3 เมตร
เครื่องปรับอากาศในโซน living room จะให้เป็นแบรนด์ Daikin ขนาด 10,000 BTU
ติดกับโซน living room จะเป็นห้องนอน (partition กระจกบานเลื่อนโครงการแถม)
ห้องนอนสามารถจัดวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย
ห้องนอนจะแถมพียงงานบิลท์อินตู้เสื้อผ้าแบบธรรมดาไม่ใช่กระจกแบบในห้องตัวอย่าง
พื้นที่ข้างเตียงยังสามารถจัดวางเป็นเก้าอี้สำหรับอ่านหนังสือหรือโซนทำงานได้หรืออาจจะดัดแปลงเป็นโต๊ะเครื่องแป้งตามใจชอบ
ห้องนอนโครงการให้แอร์ Daikin ขนาด 10,000 BTU เช่นกัน
ทางโครงการให้ไอเดียว่าข้างตู้เสื้อผ้าสามารถเติมเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้
สำหรับระเบียงห้องนี้จะได้เป็นระเบียงขนาดความกว้างประมาณ 1.5 เมตร (เป็นตำแหน่งที่วาง compressor แอร์)
ห้องน้ำ
พื้นห้องน้ำเป็นแกรนิตโต้ (งานบิลท์อินไม่ได้แถม)
สุขภัณฑ์แถมเป็นแบรนด์ Hogen เช่นเดียวกันพร้อมกระจกเงา
Partition กั้นโซนเปียกแห้งและอุปกรณ์ shower แบรนด์ Hogen แถมเช่นเดียวกัน
ยูนิต 2 ห้องนอน 48 ตร.ม.
Layout
ประกอบด้วย:
-1 โซน dining
-1 โซน living room
-1 master bedroom
-1 ห้องนอนเล็ก
-1 ห้องครัว
-1 ห้องน้ำ
(ห้องประเภทนี้แถมงานบิลท์อินครัวและตู้เสื้อผ้าในห้องนอนทั้งสองห้องให้)
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็น dining zone ซ้ายมือเป็น living zone ขวามือเป็น master bedroom และห้องน้ำ สองห้องมุมตรงข้างในจะเป็นส่วนของครัวและห้องนอนเล็ก
โซน living จะดูเล็กกว่าห้องขนาด 38 ตร.ม. (2×3 เมตร) เนื่องจากใช้ร่วมกับพื้นที่รับประทานอาหาร
สามารถจัดวางเก้าอี้เพิ่มเติมจากโซฟาเนื่องจากมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเข้ามา (ชั้นวางทีวีไม่ได้แถมให้)
โซน dining จะติดกับโซน living สามารถใช้กิจกรรมร่วมกันระหว่าง 2 โซนได้
ด้านในจะเป็นส่วนห้องครัวที่มาพร้อม partition บานเลื่อน และงานบิลท์อินตู้และชั้นครัว
มุมครัวจะให้งานบิลท์อินตู้บนและล่างทั้ง 2 ฝั่ง โซนครัวจะมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2×3 เมตร
งานบิลท์อินหินอ่อนที่เห็นเป็นเพียงไอเดียการแต่งเท่านั้น ส่วนเตา, hood ดูดควัน และซิ้งค์ทางโครงการแถมให้เป็นแบรนด์ Mex
ที่ดูดควันติดตั้งครัวฝั่งขวา
ริมฝั่งขวาของห้องจะเป็น master bedroom และห้องน้ำ
ห้องน้ำในห้อง type นี้จะมีจุดเดียว แต่สามารถเข้าได้จากสองทางนั่นคือจากห้องกินข้าวและห้องนอนใหญ่
Master Bedroom
ห้องนอนจะมีขนาดเท่ากับห้องนอนของห้องแบบ 38 ตร.ม. นั่นคือ 3×4 เมตร สามารถจัดวางเตียงนอนไซส์ 5-6 ฟุตได้พร้อมพื้นที่ข้างเตียงรองรับการใช้งานอเนกประสงค์
ทางโครงการให้ไอเดียการแต่งห้องโดยติดตั้งกระจกเงาปลายเตียงจะทำให้มุมมองดูกว้างขึ้น
ห้อง type นี้จะติดตั้งหน้าต่างให้ทุกยูนิต
โครงการแถม แอร์ Daikin ขนาด 10,000 BTU
ตู้เสื้อผ้าข้างเตียงที่ให้จะเป็นตู้ไม้ไม่ใช่กระจก
ห้องน้ำ
ห้องน้ำ มอบสุขภัณฑ์ทั้งหมดให้ แบรนด์ Hogen ส่วนบิลท์อินเป็นเพียงไอเดียการแต่งเท่านั้น
พื้นและผนังใช้แกรนิตโต้เช่นเดียวกัน งานประปายิงเข้าห้อง shaft ของชั้นเพื่อป้องกันปัญหารั่วซึม
Partition มีให้ shower แถมแบรนด์ Hogen เช่นเดียวกัน
ห้องนอนเล็กเหมาะสำหรับเตียงไซส์ 3 ฟุตจะทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น
ถ้าเตียงเกิน 3 ฟุตจะทำให้ขวางประตูทางเข้า
ห้องนอนเล็กมีหน้าต่าง/ แอร์ที่มอบให้เป็นแบรนด์ Daikin ขนาด 10,000 BTU
ตู้เสื้อผ้าจะให้เป็นแบบธรรมดาไม่ใช่แบบที่เห็นในห้องตัวอย่าง/ ปลายเตียงเหลือที่พอที่จะสามารถติดตั้งชั้นวางหนังสือหรือทีวีเพิ่มได้
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
-งานบิลท์อินบริเวณครัวและตู้เสื้อผ้า ณ ห้องนอน
-สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ shower แบรนด์ Hogen
-ไฟดาวน์ไลท์
-แอร์ขนาด 10,000 BTU แบรนด์ Daikin
-ความสูงเพดาน: ห้องนอน living zone และครัว 2.65 เมตร ห้องน้ำจะสูง 2.4 เมตร
-พื้นห้องลามิเนตหนา 8 มม.
-กระเบื้องแกรนิตโต้ห้องน้ำ
-ระบบประปายิงเข้า Shaft ป้องกันปัญหารั่วซึม
-เตาไฟฟ้า, ซิ้งค์ และที่ดูดควันแบรนด์ Mex
พื้นที่รอบโครงการ
ตะวันออก: เดอะมอลล์ท่าพระ
ตะวันตก: ถนนเส้นสาทร-ราชพฤกษ์
เหนือ: แนวรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว
ใต้: ตลาดนัดไทยช่วยไทยพลาซ่า
ทําเล & การเดินทาง
แต่เดิมย่านท่าพระเป็น commercial zone ที่เป็นจุดกระจายสินค้าของรถไฟ สำหรับคนเหล่า Gen Y ที่อาศัยอยู่ในย่านนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีการเกิดขึ้นของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ตากสิน-บางหว้า) จากทำเลที่เรียงไปด้วยต้นไม้และบ้านช่องรวมถึงอาคารพาณิชย์ ส่วนอาคารที่เป็นแลนด์มาร์คของย่านท่าพระมาช้านานอย่าง เดอะมอลล์ ท่าพระ สถานที่ใครที่อาศัยอยู่ในย่านนี้จะต้องเคยมาแวะเวียนจับจ่ายใช้สอยกัน ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นตึกสูง ก็เริ่มปรากฎให้เห็นเมื่อมีโครงการส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวเริ่มดำเนินการก่อสร้าง และนำมาสู่โฉมใหม่ของย่านท่าพระในปัจจุบัน
หากวิเคราะห์องค์ประกอบโดยรอบของทำเล ท่าพระถือว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ครบสำหรับการอยู่อาศัย ทั้งที่กิน ดื่ม ช้อปปิ้ง โรงพยาบาล และโรงเรียน ที่นี่จึงเป็นทำเลที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง ทั้งกลุ่มที่เป็นครอบครัวและกลุ่มคนทำงานในเมือง เป็นผลให้ผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจปักธงทำเลนี้จำนวนมาก
สำหรับแยกท่าพระนี้เป็นเส้นที่สามารถมุ่งต่อไปยัง ราชพฤกษ์-กัลปพฤกษ์ หรือเส้นจรัญสนิทวงศ์-บางแค รวมถึงเส้นรัชดาภิเษก-พระราม 3 ก็ได้เช่นกัน
ขึ้นชื่อว่าอยู่ในย่านฝั่งธนย่อมอยู่ติดกับทำเลที่เก่าแก่ริมน้ำที่สุดของกรุงเทพฯนั่นคือ เจริญกรุง และเจริญนคร รวมถึงสามารถแยกออกไปยังเส้น ดาวคะนอง-สุขสวัสดิ์ ก็ได้เช่นกันโดยต้องผ่านแยกมไหศวรรย์ นับว่าเข้าออกได้หลายจุดจากแยกท่าพระนี้
การเดินทาง
หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสจะสะดวกมากเนื่องจากโครงการอยู่ห่างจากบีทีเอสตลาดพลูเพียงแค่ 80 เมตร (เลือกลงทางออกที่ 3)
เมื่อลงมาจากทางออกที่ 3 เดินตรงมาสังเกตฝั่งตรงข้ามจะเป็นเดอะมอลล์ ท่าพระ
เมื่อเดินมาได้ประมาณ 80 เมตรโครงการจะอยู่ขวามือ
บริเวณที่ตั้งโครงการ มีการนำสังกะสีมากั้นล้อมเป็นสัดส่วน
ด้านหน้าสำนักงานขายตกแต่งด้วยพืชผักสวนครัว (โครงการจริงก็จะถูกตกแต่งในลักษณะนี้เช่นกัน)
ต้นพลูที่เป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้ก็ถูกนำมาปลูกประดับในโครงการเช่นกัน
สถานที่ lifestyle
1. Avani Riverside Bangkok
รูป via: https://2baht.com
Avani เป็นโรงแรมในเครือไมเนอร์ กรุ๊ปที่มีพื้นที่ติดริมน้ำ ซึ่งมีห้องอาหารริมน้ำเจ้าพระยา พร้อมคอมมูนิตี้มอลล์อยู่ด้านหน้าโรงแรมเปิดให้บริการ เป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และสถานที่นั่งชิลอยู่หลายแห่ง (ใช้เวลาขับรถจากโครงการประมาณ 10 นาที) Avani จะอยู่ฝั่งริมน้ำเจริญนคร
2. Asiatique Riverfront
รูป via: http://static.asiawebdirect.com/
ใช้เวลาขับรถจากโครงการประมาณ 10 นาที (แม่น้ำฝั่งเจริญกรุง) โดยข้ามสะพานกรุงเทพเล็กมาลง ณ ฝั่งนี้
3. เดอะมอลล์ ท่าพระ
เดอะมอลล์ท่าพระอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย
Sales gallery จะมี 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นจุดวาง model โครงการและโต๊ะทำสัญญา
ส่วนชั้น 2 จะเป็น ห้องตัวอย่าง
บรรยากาศชั้น 1
จุดแสดงภาพในสมัยเก่าของย่านตลาดพลู
สมัยก่อนท่าพระเป็นจุดกระจายสินค้าของรถไฟ
สมัยเก่ารูปแบบของอาคารจะเป็นอาคารไม้อยู่อาศัยและค้าขาย 2-3 ชั้น
พื้นที่เดิมเป็นสวนขนาบสองข้าง
บรรยากาศชั้นสอง
โมเดลโครงการ
โครงการหันหน้าออกไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นเส้นรถไฟฟ้าบีทีเอส
ชั้น 1-5 จะเป็นพื้นที่จอดรถ ส่วนชั้น 6 จะเป็นสระว่ายน้ำแบบ infinity edge pool และ pool bar สำหรับยูนิตอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 7
ทิศตะวันออกจะหันชนเดอะมอลล์ ท่าพระ
ทิศตะวันตกจะหันเข้าถนนเส้นสาทร-ราชพฤกษ์
พื้นที่ส่วนกลางชั้นดาดฟ้า: co-working space, glass house, e-library, sky lounge
รูป perspective พื้นที่ส่วนกลาง
สระว่ายน้ำ infinity edge pool บนชั้น 6
Lounge ที่สามารถก้าวลงสระน้ำได้ทันที
Sky lounge และ E-library ความสูงเพดาน 7 เมตร
วิเคราะห์ศักยภาพโครงการ
ทำเลโครงการที่ทาง MQDC เลือกเป็นที่ตั้งของโครงการวิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระนั้นอยู่ตรงแยกท่าพระพอดีซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสตลาดพลู โครงการดึงจุดเด่นของย่านนี้ ด้วยการนำพืชผักสวนครัวมาใช้ปลูก ประดับรอบๆโครงการให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านสวนในสมัยก่อน พื้นที่เดิมของโครงการเป็นบ้านเดี่ยวของผู้อยู่อาศัยที่อยู่ในย่านนี้มาช้านาน ทาง MQDC จึงเข้าไปเสนอแผนพัฒนาโครงการโดยอธิบายถึงคอนเซ็ปต์บ้านสวนในคอนโดฯ ไฮไรส์ให้กับทางเจ้าของเดิม ทางเจ้าของพอใจในลักษณะของโครงการจึงเปิดให้บริษัทเข้ามาพัฒนาพื้นที่ของตน สำหรับพืชผักสวนครัวที่นำเข้ามาเพิ่มบรรยากาศบ้านสวนสมัยเก่ามีทั้ง ผักชีลาว, ชมพู่มะเหมี่ยว, ยี่หร่า, พริกไท ล้วนให้กลิ่นของสมุนไพรผ่อนคลายเมื่อใช้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการที่มาพร้อมเพดานที่มีความสูงถึง 3 เมตร
หากดูจากขนาดของห้อง หลายคนอาจจะมองว่าเล็กหากไม่ได้เข้าไปสัมผัสหรือชมห้องตัวอย่างด้วยตัวเอง แต่ทางทีมวิจัยของบริษัทได้ศึกษาเรื่องการจัดองค์ประกอบห้อง รวมไปถึงตำแหน่งการจัดวางหน้าต่างและประตูห้องเพื่อทำให้ห้องออกมาดูกว้างมากที่สุด (ออกแบบโดยอิงจากการศึกษาคำนวณของค่าสายตามนุษย์เราเมื่อนิยามคำว่ากว้างในพื้นที่เล็ก)
อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการที่ตอบรับแรงบันดาลใจจากธรรมชาตินั่นคือการมีแกรนด์ ลอบบี้ที่ล้อมด้วยกระจกมองเห็นวิวด้านนอกเป็นต้นไม้ใหญ่ที่จำลองบรรยากาศของบ้านสวนเข้ามาไว้ในโครงการ อีกทั้งยังออกแบบให้พื้นที่เลาจน์ส่วนกลางยื่นลงไปในสระซึ่งสามารถก้าวลงน้ำได้ทันที หรือหากจะเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นชมท้องฟ้า บนชั้นดาดฟ้า จะมีสวนเรือนกระจกเพาะชำต้นไม้ที่เปิดพื้นที่ให้ผู้อยู่อาศัยได้มาช่วยกันเนรมิตสวนขนาดเล็กขึ้นมาและบริเวณนี้เองยังเป็นพื้นที่ co-working space อีกด้วย
สำหรับโครงการ วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระนี้ MQDC ให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นโครงการสีเขียวจนได้เป็น platinum candidate level ในเรื่องมาตรฐานอาคารเขียว โดยได้ทำการวาง sunrise terrace ไว้ที่ชั้น 34 และ เรือนเพาะชำ (glass house) ที่เปิดให้ผู้อยู่อาศัยใช้เวลากับการปลูกพืชผักสวนครัวด้วยตัวเองที่มาพร้อม co-working space ในบริเวณชั้นเดียวกัน อีกทั้งยังมี tunnel garden ที่ทำเป็นทางเดินผ่าน sky lounge อีกทั้งโครงการยังได้ศึกษาในเรื่องของการจัดวางระบบระบายอากาศเพื่ออากาศที่ปลอดโปร่งของผู้พักอาศัย รวมถึงการวางระบบประปาโดยต่อเข้าตรงไปยังช่อง *shaft (ไม่ผ่านผนังของยูนิต) ของแต่ละชั้น ทำให้หมดปัญหาเรื่องการรั่วซึม
*shaft คือห้องที่เป็นจุดวางระบบประปาในแต่ละชั้นซึ่งระบบประปาแต่ละยูนิตจะถูกต่อตรงเข้ามายังจุดนี้ ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาช่างไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปดำเนินการแก้ไขในยูนิตแต่สามารถทำที่ห้อง shaft ได้เลย
บทวิเคราะห์
ความสนใจที่จะซื้อโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 มีนาคม 2559) ส่วนใหญ่มาจาก real demand เรื่องการอยู่อาศัยจริงๆ สำหรับดีมานด์เรื่องซื้อเพื่อลงทุนหรือเพื่อปล่อยเช่ายังคงไม่มีเข้ามา แต่สำหรับโครงการที่มีราคาขายต่อตารางเมตรที่ 100,000 บาท ปัจจุบัน (เปรียบเทียบกับโครงการที่มีราคาต่อตารางเมตรในระดับเดียวกัน) ตัวเลขราคาการปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน อีกทั้งทางโครงการเพิ่งเปิด presale ไปหากได้รับการตอบรับที่ดี คาดว่าราคาจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้น และจะขยับในในสัดส่วนตัวเลขที่มากขึ้นเมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น
ทาง MQDC มองว่า วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ ตั้งอยู่ในทำเลที่เรียกว่าเป็นฮับใหม่ที่อยู่ทางฝั่งธนที่สามารถข้ามไปยังสาทรโดยใช้เวลาเพียง 10 นาที โดยราคาที่ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างจับต้องได้แตกต่างจากโซนสาทรที่ราคาได้เข้าสู่ระดับที่จับต้องยากไปแล้วในขณะนี้
เปรียบเทียบโครงการ
1. ยูดีไลท์ ตลาดพลู สเตชั่น
รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ: ยู ดีไลท์ ตลาดพลู สเตชั่น(U Delight Talatphlu Station)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด
ทำเลที่ตั้ง: ถนนรัชดาภิเษก เยี้องกับเดอะมอลล์ ท่าพระ
พื้นที่โครงการ: รวมประมาณ 5-3-72 ไร่
รูปแบบ: อาคารชุด 2 อาคาร แบ่งเป็น อาคาร A ความสูง 34 ชั้น และอาคาร B ความสูง 27 ชั้น ห้องพักอาศัย 973 ยูนิต
ราคาเริ่มต้น: 90,000 บาท/ตารางเมตร
2. ไอดีโอ สาทร-ท่าพระ
ชื่อโครงการ: ไอดีโอ สาทร-ท่าพระ (Ideo Sathorn-Thapra)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) หรือ ANAN ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์
ทำเลที่ตั้ง: ถนนรัชดาภิเษก เยี้องกับเดอะมอลล์ ท่าพระ
พื้นที่โครงการ: รวมประมาณ 5-3-19 ไร่
รูปแบบ: High rise 31 ชั้น 1 อาคาร 1339 ยูนิต และยูนิตร้านค้า 5 ยูนิต
สตูดิโอ ขนาด 21 ตารางเมตร
1 ห้องนอน ขนาด 30 – 31 ตารางเมตร
2 ห้องนอน ขนาด 45 ตารางเมตร
ราคาเริ่มต้น: 90,000 บาท/ตารางเมตร
สรุป
โครงการวิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวในเมืองด้วยราคาที่อยู่ในระดับเหมาะสมพร้อมการตกแต่งบรรยากาศด้วยสวนธรรมชาติที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดึงความเป็นธรรมชาติเข้ามาผสมผสาน อีกทั้งผู้ที่ต้องเดินทางหรือทำงานที่ย่านสาทรเป็นประจำแต่โครงการในย่านสาทรอาจจะดูแพงเกินไป ดังนั้น หากเพิ่มเวลาในการเดินทางหน่อยแต่ราคาขยับลงมาถึง 70-80% นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ นอกจากนั้นยังสามารถเข้าสู่ทำเลริมน้ำได้ภายใน 10 นาทีได้อีกด้วย ถือเป็นฮับที่เชื่อมพื้นที่เมืองกับย่านกรุงเก่าเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
