พาร์ค 168 นพรัตน์ รามอินทรา (Park 168 Nopparat Ramindra) จาก บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) คอนโดมิเนียม High Rise 25 ชั้น 3 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยรวม 1,224 ยูนิต อาคารจอดรถและสระว่ายน้ำ สูง 8 ชั้น 1 อาคาร แต่ละอาคารมีห้องพักอาศัยเพียงอาคารละ 408 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัว ไม่แออัด ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีนพรัตนราชธานี ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
ในปีที่ผ่านมาทำเล ปิ่นเกล้า ยังคงส่งสัญญาณความฮอตในสายตาผู้ประกอบการ เจ้าต่างๆ รวมไปถึงรายใหญ่อย่าง บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าทางการตลาดและความมั่นคงสูงที่สุดของประเทศ (จากการจัดอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้ง) ก็ร่วมสนใจเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดในทำเลดังกล่าว ด้วยการส่งโครงการล่าสุด ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท พระราม 8 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 2 อาคาร บนถนนกรุงเก่านี้เช่นกัน สำหรับใครที่คุ้นเคยกับทำเลนี้จะพบว่าแท้จริงแล้วสามารถเดินทางเข้ามายังศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้อย่างรวดเร็วและจะสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นในอนาคตเมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่จะนำพาคนฝั่งพระนครเข้ามายังตัวเมืองดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และแน่นอนว่า จุดขายของโครงการนี้คือการที่ยูนิตที่อยู่ในชั้นสูงสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำและสะพานพระราม 8 ได้ จึงกล่าวได้ว่า โครงการป้ายแดงจากค่ายศุภาลัยแห่งนี้มีเสน่ห์ทั้งเรื่องของบรรยากาศและความสะดวกด้านการเดินที่เราจะนำเสนอผ่านรีวิวฉบับนี้
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2559)
ชื่อโครงการ: ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท พระราม 8 (Supalai City Resort Rama 8)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน): SPALI
ทำเลที่ตั้ง: ถนนอรุณอัมรินทร์, แขวงบางยี่ขัน, เขตบางพลัด, กรุงเทพฯ
เว็บไซต์: www.supalai.com/supalaicityresortrama 8
โทร: 1720 กด 78
พื้นที่โครงการ: 4-3-43 ไร่
รูปแบบ: อาคารชุดพักอาศัยแบบโลว์ไรส์ 2 อาคาร ประกอบด้วย อาคาร A ความสูง 13 ชั้นและอาคาร B สูง 8 ชั้น จำนวน 449 ยูนิต (ห้องชุดพักอาศัย 446 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต)
กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มคนทำงานที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าเพื่อเข้ามาทำงานในย่านใจกลางเมือง กลุ่มคนที่ต้องการขยับขยายครอบครัวโดยการย้ายออกมาจากบ้านพ่อ-แม่ หรือกลุ่มคนที่มีบุตรหลานสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนย่านฝั่งพระนครได้แล้วต้องการที่พักอาศัยที่สามารถเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนในย่านนี้ (มหาวิทยาลัยศิลปกร, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โรงเรียนสตรีวิทยา, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย) ได้สะดวก
ลิฟท์: อาคารละ 2 ตัว
ที่จอดรถ: ประมาณ 50%
สิ่งอำนวยความสะดวก: สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ล็อบบี้, ห้องสมุดซึ่งสามารถจัดประชุม เล็กๆได้
เงินกองทุนสะสม: 360 บาทต่อ ตร.ม. (ชำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าส่วนกลาง: 36 บาทต่อ ตร.ม. (ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 1.98 ล้านบาท ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 29.5 ตร.ม.
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 56,000 บาท – 60,000 บาท ต่อ ตร.ม.
รูปแบบห้อง:
Studio ขนาด 29.5 – 31.5 ตร.ม.
Executive Suite 1 ห้องนอน ขนาด 35 – 35.5 ตร.ม.
Deluxe Suite 1 ห้องนอน ขนาด 38.5 – 46 ตร.ม.
Superior Suite 1 ห้องนอน ขนาด 47.5 ตร.ม.
Premier Suite 2 ห้องนอน ขนาด 54 – 56 ตร.ม.
Family Suite 2 ห้องนอน ขนาด 67 ตร.ม.
เงื่อนไขการชำระเงิน:
-Studio ขนาด 29.5 – 31.5 ตร.ม. ราคา 1.98 – 2.50 ล้านบาท
แถมชุดเฟอร์นิเจอร์และส่วนลด 80,000 บาท หากไม่เลือกชุดเฟอร์ฯจะได้ส่วนลดเป็น 160,000 บาท
จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 59,000 บาท ดาวน์ 30 งวด งวดละประมาณ 5,900 บาท
-Executive Suite, Deluxe Suite, Superior Suite ขนาด 35 – 47.5 ตร.ม. ราคา 2.02 – 2.99 ล้านบาท
แถมชุดเฟอร์นิเจอร์และส่วนลด 90,000 บาท หากไม่เลือกชุดเฟอร์ฯจะได้ส่วนลดเป็น 180,000 บาท
จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 79,000 บาท ผ่อนดาวน์ 30 งวด งวดละประมาณ 7,900 บาท
-Family & Premier Suite ขนาด 54.5 – 74.5 ตร.ม. ราคา 2.98 – 5.24 ล้านบาท
แถมชุดเฟอร์นิเจอร์และส่วนลด 150,000 บาท หากไม่เลือกชุดเฟอร์ฯจะได้ส่วนลดเป็น 300,000 บาท
จอง 20,000 บาท ทำสัญญา 129,000 บาท ผ่อนดาวน์ 30 งวด งวดละประมาณ 12,900 บาท
สถานะการก่อสร้าง: อยู่ระหว่างการดำเนินการขอ EIA
เริ่มก่อสร้าง: ประมาณกลางปี 2560
คาดว่าจะแล้วเสร็จ: ประมาณปลายปี 2562
รายละเอียดโครงการ
เลยเอ้าท์และการออกแบบอาคาร
ส่วนใหญ่เราจะเห็นโครงการที่ทางศุภาลัยพัฒนาจะเป็นในลักษณะไฮไรส์ แต่เนื่องด้วยกฎของผังเมือง (ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำของโครงการเป็นเขตพระราชวัง) ทำให้ต้องพัฒนาเป็นแบบโลว์ไรส์แทน แต่สิ่งที่สามารถการันตีได้คือวิวฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจะแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากข้อกำหนดของผังเมืองห้ามไม่ให้ขึ้นโครงการตึกสูงในเขตพระราชวัง
โครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท พระราม 8 ประกอบด้วยสองอาคารด้วยกัน นั่นคือ อาคาร A และ อาคาร B บนพื้นที่ 4 ไร่กว่า โดยจำนวนชั้นของอาคารแรกจะมี 13 ชั้น และอาคารหลังจะมี 8 ชั้น สำหรับดีไซน์จะเน้นไปที่ความเรียบง่ายที่แฝงลูกเล่นความโมเดริน์เข้าไปในตัวโดยการเสริม façade ติดตั้งในส่วนชั้นด้านล่างของโครงการ
ด้านหน้าของโครงการหันเข้าสู่ถนนพระราม 8 ซึ่งจะอยู่ใกล้กับทางขึ้นของสะพาน ทิศตะวันตก (จากด้านหน้าโครงการ) จะเห็นเป็นวิวของสะพานพระราม 8 ซึ่งวิวจะดูสวยและโดดเด่นโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ผู้ที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นไปของอาคาร A จะสามารถเห็นได้ชัดกว่า และแน่นอนมาพร้อมราคาเฉลี่ยยต่อตารางเมตรที่สูงกว่า
ทิศตะวันออก ติดกับแยกอรุณอัมรินทร์ และ ทิศใต้ จะเป็นฝั่งถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งและเป็นที่ตั้งของแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่
ยูนิตที่อยู่ทางทิศใต้ (จากด้านหน้าโครงการ) จะหันหน้าเข้าหา ถนนจรัญฯ พื้นที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และห้องสมุด จะถูกจัดวางไว้ที่ อาคาร A ดังนั้นราคาต่อตารางเมตรของยูนิตในอาคาร A จึงมีราคาเฉลี่ยสูงกว่าอาคาร B (อาคาร A ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มที่ประมาณ 60,000 บาท, อาคาร B อยู่ที่ประมาณ 56,000 บาท)
ชั้น 4 อาคาร A จะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาด ประมาณ 10×4 เมตร , ห้องสมุดและห้องประชุม รวมไปถึง พื้นที่สีเขียวให้ลูกบ้านได้สูดอากาศและพักผ่อนกัน
ภาพจำลองพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ
หลังจากโครงการก่อสร้างเสร็จ พื้นที่สำนักงานขายจะถูกเปลี่ยนเป็นร้านค้าจำนวน 5 ยูนิต พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดย่อมบริเวณรอบๆ
รูปแบบห้อง
อีกจุดเด่นหนึ่งของโครงการนี้คือการมีประเภทของห้องชุดที่หลากหลายเพื่อรองรับดีมานด์ด้านการอยู่อาศัยที่แตกต่างโดยมีตั้งแต่ห้องชุดประเภท Studio, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 29.5 – 74.5 ตร.ม.
Plan 2 ห้องนอน (64.5 ตร.ม.)
1 ห้องนอน (42 ตร.ม.)
รีวิวห้องตัวอย่างโครงการ
ห้องตัวอย่างที่จัดแสดง ณ สำนักงานขายมีด้วยกันสองแบบ ได้แก่ Executive Suite 1 ห้องนอน ขนาด 36 ตร.ม. และ Deluxe Suite ขนาด 46 ตร.ม.
Executive Suite 36 ตร.ม.
Layout ของห้อง
ห้องนั่งเล่น
มาตรฐานของศุภาลัยคือขนาดเริ่มต้นของห้องชุดจะค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นเลย์เอ้าท์ที่ได้จึงออกมาดูกว้างขวาง มีการกั้นสัดส่วนกันระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน สามารถเสริมความเป็นส่วนตัวระหว่างสองฟังก์ชั่นได้ด้วยม่านประดับ งานบิลท์อินที่เห็นในเบื้องต้นทางโครงการมอบให้ ความสูงพื้นจรดเพดานอยู่ในระดับมาตรฐานที่ 2.45 เมตร พื้นที่ได้เป็นลามิเนตหนา 8 มม. โครงการแถมโซฟามาให้เช่นกันโดยให้เป็นขนาด 3 ที่นั่ง แบรนด์ SB Furniture
งานบิลท์อินที่มอบให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายทั้งใต้ล่างจุดติดทีวีและจุดชั้นวางเหนือทีวี ด้านขวาเป็นตู้เก็บของขนาดเล็กที่บิ้ลท์ขึ้นมาสำหรับคนที่มีไอเท็มเยอะสามารถเลือกเก็บไว้ได้ในส่วนนี้เพื่อไม่ให้ชั้นวางดูรกจนเกินไป
ห้องนอน
มาในส่วนของห้องนอนพื้นที่ใช้สอยประมาณ 3×4 เมตร สามารถจัดวางเตียงขนาดคิงไซส์ 6 ฟุตได้สบายๆ ชุดเตียงและอุปกรณ์ตกแต่งโครงการไม่ได้มอบมาให้ งานบิลท์อินชั้นวางทั้งสองฝั่งหัวเตียงติดตั้งมาให้ หน้าต่างที่ได้เป็นแบบบาน fixed ความสูงที่ประมาณ 1.5 เมตร ม่านตกแต่งไม่ได้ถูกแถมมาให้ในส่วนนี้
ตำแหน่งปลายเตียงโครงการบิลท์อินชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้ามาให้ซึ่งเป็นงานลามิเนตจาก SB Furniture เช่นเดียวกันกับส่วนของห้องนั่งเล่น ขนาดทีวีที่พอเหมาะกับระดับสายตาจากจุดวางเตียงคือ 40 – 43 นิ้ว
มุมมองเมื่อมองผ่านประตูบานเลื่อนกั้นส่วน ในวันที่อากาศไม่ร้อนมากสามารถเปิดประตูเพื่อใช้แอร์จากตัวเดียวกันได้เป็นการลดค่าไฟไปในตัว
เคาน์เตอร์ครัวท็อปด้วยหินสังเคราะห์ อ่างล้างจานและก๊อกน้ำแบรนด์ Hafele, ราวแขวนผ้า (สามารถติดตะขอเพื่อแขวนถ้วยกาแฟได้) ถูกติดตั้งมาให้ตามมาตรฐานเช่นเดียวกัน ผนังครัวเป็นกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซ.ม.
วัสดุที่ใช้ทำบิลท์อินชั้นตู้เก็บของรวมถึงส่วนของเคาน์เตอร์ด้านล่างทำจากลามิเนตเช่นเดียวกัน ไมโครเวฟไม่ได้ถูกแถมมาให้
ห้องน้ำ
พื้นและผนังห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 60 x 60 ซ.ม. สุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า ก๊อกน้ำ ชักโครกและสายชำระเป็นแบรนด์ Cotto, กระจกเงาถูกติดตั้งมาให้ด้วยเช่นกัน
ฉากกั้นอาบน้ำเป็นประตูกระจก safety บานเลื่อน เครื่องทำน้ำอุ่นแถมเป็นแบรนด์ Electrolux ตำแหน่งแขวนสายฝักบัวบนผนังให้ตามสเปคในรูป
ห้องตัวอย่าง Deluxe Suite ขนาด 41 ตร.ม.
สำหรับห้องประเภท นี้จะมีเลย์เอ้าท์ที่คล้ายกับห้อง Executive Suite ในข้างต้น ที่ถูกเพิ่มขึ้นคือพื้นที่ใช้สอยของห้องนั่งเล่น และห้องนอน
ห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นของห้องประเภท Deluxe Suite จะมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 4 x 4 เมตร ซึ่งจะใหญ่กว่าของ Executive ที่มีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ประมาณ 3 x 3 เมตร โซฟาและงานบิลท์อินให้เช่นเดียวกัน แต่บอร์ดกระจกเงาด้านหลัง ห้องจริงจะเป็นพื้นวอลเปเปอร์เรียบแทน
ที่แตกต่างจากห้อง Executive อีกจุดหนึ่งคือ ห้อง Deluxe จะแบ่งห้องนอนด้วยประตูทางเข้าไม่ใช่ประตูบานเลื่อนกั้นส่วนซึ่งจะมอบความเป็นส่วนตัวระหว่าง 2 ห้องมากขึ้น (ระหว่างห้องนั่งเล่น และห้องนอน) ประตูทางเข้าครัวจะเป็นบานเลื่อนกระจกซึ่งถูกจัดวางในตำแหน่งทิศเหนือของห้อง ต่างจากห้องก่อนหน้าที่ทางเข้าครัวจะอยู่ทางริมขวามือ
ห้องครัว
ชุดเคาน์เตอร์ครัวสเปคเดียวกับห้อง Executive (อ่างล้างจาน Hafele, กระเบื้องผนังเซรามิก, ไม้ตู้บน-ล่างเป็นลามิเนต) เครื่องใช้ไฟฟ้าไมโครเวฟและตู้เย็นไม่ได้ถูกแถมมาให้ในห้องครัว
ประตูกระจกบานเลื่อนจากพื้นที่ครัวสู่ระเบียงส่วนตัวขนาดความกว้าง 1 เมตรเช่นเดียวกัน พื้นระเบียงปูด้วยเซรามิก 30 x 30 ซ.ม.
เนื่องด้วยพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น บริเวณห้องนั่งเล่น จึงสามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 – 3 ที่ ได้ โดยชุดเฟอร์ฯโต๊ะอาหารโครงการมอบให้ด้วยเช่นกัน (SB Furniture) พร้อมปลั๊ก outlet รองรับการใช้งานบริเวณใกล้เคียง
ห้องนอน
ห้องนอนของห้องแบบ Deluxe จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 4 x 4 เมตร จึงสามารถจัดวางเตียงขนาดใหญ่ 6 ฟุตได้ พื้นห้องเป็นลามิเนตเช่นเดียวกับห้องนั่งเล่น บริเวณหัวเตียง โครงการให้ไอเดียการตกแต่งด้วยเส้นหลอด LED
จะเห็นได้ว่าปลายเตียงเหลือพื้นที่อีกมากสามารถจัดวางชุดเครื่องเสียง ขนาดกลาง – ใหญ่ ได้อย่างสบาย สร้างความบันเทิงเล็กๆ ภายในห้องได้ หากเป็นทีวีติดผนังสามารถเลือกได้เลยตั้งแต่ 40 – 50 นิ้ว เนื่องด้วยขนาดห้องที่กว้าง งานบิลท์อินชั้นวางถูกจัดมาให้ด้วยเช่นกัน
บิลท์อินชั้นวางหัวเตียงพร้อมกระจกเงาถูกติดตั้งมาให้พร้อม จุดที่แตกต่างจาก Executive คือ ตู้เสื้อผ้าบิลท์อินจะถูกจัดวางไว้ด้านหน้าห้องน้ำของห้องนอนนี้
ห้องน้ำ
สเปควัสดุที่ได้จากโครงการ
เครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้รับ
-แอร์ Trane สำหรับห้อง 36 ตร.ม. ห้องนั่งเล่น จะได้เป็นขนาด 12,000 BTU ห้องนอน จะได้เป็นขนาด 9,000 BTU สำหรับห้อง 41 ตร.ม. ห้องนั่งเล่น จะได้เป็น 15,000 BTU และห้องนอนจะได้เป็น 12,000 BTU
-เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นแบรนด์ Electrolux
-ชุดเฟอร์ฯและงานบิลท์อินเป็นแบรนด์ SB Furniture
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเล
ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ พระราม 8 หรือคนที่คุ้นเคยผ่านไปในพื้นที่นี้ตั้งแต่ในอดีต จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย เริ่มจากสถานที่ไลฟ์สไตล์ไล่มาตั้งแต่ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่ผู้ประกอบการค้าปลีกรายยักษ์อย่าง กลุ่มเซ็นทรัลฯ เข้ามาปักหมุดห้างสรรพสินค้าที่กลายเป็นศูนย์รวมเหล่าวัยรุ่น, นักเรียน-นักศึกษา และวัยทำงาน จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตัวห้างก็ได้ปรับปรุงโฉมให้ตอบรับกับยุคสมัยอยู่เรื่อยมา นอกจากนี้ ยังมี กลุ่มเมเจอร์ฯ เข้ามาเติมสีสันสร้างพื้นที่เพื่อมอบความบันเทิงให้กับย่านนี้เกิดขึ้นเป็น เมเจอร์ฯ ซีนิเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า อีกทั้งกระทรวงวัฒนธรรมยังตั้งดำเนินการอยู่ในย่านปิ่นเกล้าอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าใครจะต้องขอพาสปอร์ตเพื่อเดินทางไปยังต่างประเทศจะต้องมาดำเนินการ ณ สถานที่แห่งนี้ (ปัจจุบันย้ายสถานที่ออกพาสปอร์ตไปที่ชั้นบนของโลตัส ปิ่นเกล้า)
จะเห็นได้ว่ารูปแบบการใช้ชีวิตจะเป็นแนวที่มีบรรยากาศคล้ายกับการได้อยู่ในตัวเมือง แต่ความน่าสนใจของพื้นที่ พระราม 8 ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ อีกฟากฝั่งหนึ่งที่มีแนวแม่น้ำกั้น เมื่อมองข้ามไปจะเป็นฝั่งพระนคร โดยสามารถทำการข้ามผ่านด้วยสะพานที่อยู่ใกล้คือ สะพานพระราม 8 ที่จะพาไปลงยัง ถนนพระราม 8 – ถนนพิษณุโลก พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการสำคัญอย่าง ทำเนียบรัฐบาล, ครุสภา, กระทรวงศึกษาธิการ หรือจะเป็นวัดเก่าแก่ อย่าง วัดมกุฏกษัตริยาราม ไม่เพียงแต่กลิ่นอายทางประวัติศาสตร์ที่ ถนนพิษณุโลก เผยให้ผู้ที่สัญจรผ่านไปมาได้สัมผัส แต่ถนนเส้นนี้ยังพาเข้าสู่พื้นที่ New CBD หรือย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่อย่าง พระราม 9 ได้ โดยถนนพิษณุโลกจะทำการเชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรีที่จะสามารถพาคุณมายังโซนพระราม 9 ได้โดยใช้เวลาไม่นาน (กรณีการจราจรไม่หนาแน่นมาก) หรือหากเลือกใช้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ข้ามฝั่งแม่น้ำมา จะเป็นทำเลที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น วัดพระแก้ว, กระทรวงกลาโหม หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วงวันหยุดจะมีผู้คนเข้ามาสักการะกันมากมายอย่าง ศาลหลักเมือง
ฝั่งพระนครช่วงนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของไทยอย่าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยศิลปากรอีกด้วย
บรรยากาศริมแม่น้ำ (ฝั่งโครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท) เมื่อเลยสะพานพุทธมาจะเป็นเขตที่อยู่ใกล้พระราชวัง ทำให้สีของผังเมืองสีน้ำเงินจำกัดได้แค่การพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทโลว์ไรสเนื่องจากพื้นที่ริมแม่น้ำ (ฝั่งตรงข้ามโครงการ) เป็นศูนย์ที่ตั้งของสถานที่ราชการหลายแห่ง ส่งผลให้บริเวณโดยรอบไม่สามารถขึ้นอาคารสูงได้
ถนนเส้นต่างๆที่สามารถ เข้า-ออก ได้จาก ถนนพระราม 8:
พระราม 8 – พระราม 9
จุดเด่นของถนนพระราม 8 คือ การที่สามารถเข้าสู่ย่าน New CBD พระราม 9 ได้ จากถนนพระราม 8 ด้านหน้าโครงการให้มุ่งตรงเพื่อข้ามฝั่งมายังพระนครโดยใช้สะพานพระราม 8 หลังจากนั้นให้เลือกใช้เส้นทาง ถนนพิษณุโลก ซึ่งมุ่งหน้ามาเรื่อยๆ จะเป็น ถนนเพชรบุรี ที่มีเส้นทางเชื่อมต่อมายังถนนพระราม 9 ได้ จะเห็นได้ว่าเส้นทางที่ใช้จะค่อนข้างเป็นเส้นตรงซึ่งสร้างความสะดวกในการขับรถ แต่การจราจรโดยเฉพาะแยกต่างๆ จะค่อนข้างหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน ระยะทางการเดินทางเฉลี่ยจาก พระราม 8 – พระราม 9 โดยประมาณอยู่ที่ 20 – 25 นาที
ความน่าสนใจอันเป็นปัจจัยและไฮไลท์สำคัญในการขยับขึ้นของราคาซื้อ-ขายที่ดินในย่านนี้คือระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าและดูเหมือนว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปี โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินจะสร้างเสร็จ ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายนี้เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่สถานี หัวลำโพง – บางซื่อ ภายในอนาคตอันใกล้ (ประมาณปี 2562) คาดว่าส่วนที่จะวิ่งต่อจากจุดเริ่มต้นที่ สถานีวัดมังกร มายัง สถานีเตาปูน จะแล้วเสร็จและเปิดใช้ให้ประชาชนได้ใช้บริการกัน
ลักษณะการวิ่งของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินนี้จะเป็นแบบวงแหวนที่จะพาประชากรจากฝั่งพระนครผ่านเข้าสู่ศูนย์ธุรกิจ (CBDs) ต่างๆ อาทิเช่น สาทร, สีลม และ New CBD พระราม 9
ถนนปิ่นเกล้าซึ่งมีพื้นที่ติดกับถนนพระราม 8 เป็นถนนที่สามารถเข้าสู่ถนน เส้นจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินรถของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน โดยเส้นจรัญฯ มีจุดที่สามารถเข้าสู่ทำเลที่ได้รับความสนใจจากบรรดาผู้ประกอบการค้าปลีกต่างๆในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานั่นคือ ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมคอมมูนิตี้มอลล์หลายโครงการ และหนึ่งในนั้นคือ เดอะ เซอเคิล ราชพฤกษ์
ในช่วงที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายยังไม่เปิดใช้บริการ สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ ถนนจรัญฯ ยังมีจุดเชื่อมต่อที่สามารถเข้ามาทางฝั่ง ท่าพระ – สาทร ได้อีกด้วย และเมื่อรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการ การเข้าถึงโซน สาทร – สีลม จะทำได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะจุดอินเตอร์เชนจ์ระหว่าง รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน และ รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน สายสีลม ช่วง สถานี ตลาดพลู จะตั้งอยู่บนถนนจรัญฯเช่นเดียวกัน
พระราม 8 – พุทธมณฑล
สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปย่านปริมณฑลหรือต่างจังหวัดที่ติดกับกรุงเทพ ฯตอนบน พระราม 8 ยังเป็นเส้นที่เชื่อมกับ ถนนบรมราชชนนี ซึ่งสามารถออกไปยังพื้นที่ พุทธมณฑล สาย 1 – 4, บางบัวทอง ได้ รวมถึงพื้นที่ต่างจังหวัดอย่าง นครปฐม และราชบุรี
จากด้านหน้าของโครงการให้ทำการกลับรถเพื่อมายังแยกอรุณอัมรินทร์ หลังจากนั้นเลี้ยวขวาจะเข้าสู่เส้น ปิ่นเกล้า – บรมราชนนี
พระราม 8 – อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ถนนพระราม 8 ยังเป็นเส้นที่เชื่อมต่อกับ ถนนสามเสน ที่เชื่อมติดกับ ถนนราชวิถี จุดที่สามารถเข้ามายัง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้ อนุสาวรีย์ฯ เป็นที่ตั้งของร้านอาหารและจุดแฮงก์เอ้าท์ต่างๆมากมาย อาทิเช่น เซนจูรี่ 21, ร้านสเต๊ก Eat Am Are, ร้านอาหารสไตล์เรโทร ปาเต๊ะ
กรณีต้องการเลี่ยงรถติดบนถนนปิ่นเกล้า หลังจากกลับรถด้านหน้าโครงการ ก่อนถึงแยกอรุณอัมรินทร์ให้เลือกกลับรถอีกครั้งหนึ่งเพื่อเข้าซอย จรัญฯ 40 ซึ่งเป็นซอยรถสวน 2 เลน ซอยนี้เป็นทางลัดเพื่อเข้าสู่ ถนนจรัญฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ในอนาคต) ได้
การเดินทางมายังโครงการ
หากมาจากทางฝั่งพระนครหรือขับรถมาจากตัวเมือง สีลม หรือ สาทร ให้มายังเส้นทางที่จะมาสนามหลวงเพื่อข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
เมื่อขับผ่านวัดพระแก้ว ถัดมาจะเป็นสนามหลวง โดยบริเวณแยกนี้ให้เลือกตรงไป (หากเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าธรรมศาสตร์จะไม่สามารถเลี้ยวย้อนกลับมาเพื่อขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าได้และในชั่วโมงเร่งด่วนทางเลี้ยวขวาเพื่อผ่านหน้าธรรมศาสตร์จะมีป้ายจราจรวางห้ามเลี้ยวขวา) เมื่อข้ามแยกมา ให้ขับตามทางมาเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายตามเส้นประในรูปเพื่อขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
เมื่อข้ามสะพานมาแล้วให้เตรียมออกซ้ายเพื่อเข้าสู่แยกอรุณอัมรินทร์เพราะหากขึ้นสะพานไปจะขึ้นไปยังสะพานยกระดับบรมราชชนนี
ทางด่วน
ทางด่วนที่อยู่ใกล้สุด ณ ปัจจุบันคือ ยมราช (ทางพิเศษศรีรัช) ซึ่งห่างจากตัวโครงการประมาณ 15 – 20 นาที เมื่อลงมาจากทางด่วนให้เข้า ถนนวิสุทธิกษัตริย์ เพื่อเข้ามายัง ถนนพระราม 8 เมื่อข้ามสะพานพระราม 8 ลงมา ให้ขับรถต่อไปเพื่อหาทางกลับรถเนื่องจากโครงการจะอยู่ฝั่งตรงข้าม
สถานที่ lifestyle
1. เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
จากตัวโครงการให้กลับรถด้านหน้าเพื่อเข้ามายังแยกอรุณฯ หลังจากนั้นเลี้ยวขวาเพื่อตรงข้ามแยกจรัญฯ หลังจากข้ามแยกจรัญฯมา เซ็นทรัลปิ่นเกล้า จะอยู่ซ้ายมือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที
2. ถนนข้าวสาร
ภาพ via Google Street
กลับรถด้านหน้าโครงการเพื่อมายังแยกอรุณฯ หลังจากนั้นลี้ยวซ้ายเพื่อข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเข้ามายังถนนราชดำเนินซึ่งเป็นที่ตั้งของถนนข้าวสาร
3. ร้านอาหาร The Water Front
ร้านอาหาร The Water Front คือ ร้านอาหารริมน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีวิวเด่นเป็นสะพานพระราม 8 ในตอนกลางคืนบรรยากาศจะดีมาก อาหารมีผสมผสานกันทั้งไทยและเทศ ภาพ via: facebook The Water Front
จากโครงการกลับรถด้านหน้าโครงการ หลังจากนั้นเลี้ยวขวาบริเวณแยก จรัญฯ ตรงมาเรื่อยๆ จะเป็น แยกสิรินธร ให้เลี้ยวขวา หลังจากนั้นตรงมาจะมีทางกลับรถก่อนขึ้นสะพานกรุงธนหรือซังฮี้เพื่อเข้าร้าน The Water Front
บทวิเคราะห์
วันที่เราเข้าไปรีวิวโครงการนั้นเป็นช่วงก่อนเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการ บรรยากาศ ณ สำนักงานขายในช่วงดังกล่าวดูคึกคักเป็นอย่างมาก มีผู้สนใจเข้ามาชมห้องตัวอย่างตลอดวัน เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สะท้อนแนวคิดของหนึ่งในผู้บริหารสูงสุดของศุภาลัย ดร. ประศาสน์ ตั้งมติธรรม ที่นำทฤษฎีจากนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง Jean-Baptiste Say มาปรับใช้ นั่นคือ “Supply creates its own demand.” หรือการเกิดขึ้นของตัวซัพพลายหรือสินค้าขึ้นก่อนที่ประชาชนจะทราบว่าสินค้าประเภทนี้คือความต้องการหรือดีมานด์ของตน
สำหรับแรงผลักที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายต่างๆ เข้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในย่านปิ่นเกล้าไม่ว่าจะเป็นช่วง พระราม 8, แยกจรัญฯ และ อรุณอัมรินทร์ นั้น คือการเข้ามาของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน และความต้องการจากผู้บริโภคที่ถวิลหาที่อยู่อาศัยใกล้กับแนวรถไฟฟ้าที่สามารถพาเข้าสู่ตัวเมืองได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน (ในอนาคตส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินจะพาประชากรฝั่งพระนครเข้าสู่สถานี สีลม และ พระราม 9 ซึ่งเป็นสถานีที่เปิดให้ใช้บริการในปัจจุบัน)
ราคาเริ่มต้นห้องชุดในโครงการ อยู่ที่ประมาณ 1.98 ล้านบาท โดยจะเป็นห้องชุดขนาดเริ่มต้นที่ 29.5 ตร.ม. ซึ่งถ้าหารเฉลี่ยออกมาเป็นราคาต่อ ตร.ม. อยู่ที่ประมาณ 56,000 – 60,000 บาท ซึ่งถือว่ายังถูกกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับกับราคาเริ่มต้นในโครงการที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
เหตุผลที่ผู้บริโภคในปัจจุบันเลือก พื้นที่ทางเลือก ที่สามารถเข้าสู่ตัวเมืองได้รวดเร็ว แทน ทำเลในเมือง นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของโครงการที่อยู่อาศัยในตัวเมืองที่ขึ้นไปอยู่ในจุดสูงเกินที่คนรายได้ระดับกลางจะสามารถสู้ไหว พวกเขาเหล่านี้เลือกระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชนเพิ่มเติมอีกประมาณ 15 นาที จากตำแหน่งที่ตั้งโครงการเพื่อเข้าสู่ตัวเมือง ที่มาพร้อมกับราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. ที่ปรับลงมาถึง 2 – 3 เท่า แทนที่จะเลือกโครงการที่อยู่ใจกลางเมือง แต่มาพร้อมกับราคาเฉลี่ยที่ 170,000 – 200,000 บาทต่อ ตร.ม.
สำหรับราคาที่ดินซึ่งประเมินโดยกรมธนารักษ์รอบล่าสุด เมื่อช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งชาวปิ่นเกล้าเองยังมองว่าถูกปรับขึ้นเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันไปแตะที่ประมาณ 150,000 – 200,000 บาท ต่อตารางวา อย่างไรก็ตาม ราคาพื้นที่ขายต่อตารางเมตรยังอยู่ในระดับที่ผู้มีรายได้ระดับกลางยังคงไขว่คว้าได้ ประมาณที่ 55,000 – 90,000 บาท ต่อ ตร.ม. สำหรับโครงการใหม่
ด้านราคาปล่อยเช่าโดยเฉลี่ยในย่านปิ่นเกล้าจะอยู่ที่ประมาณ 400-500 บาทต่อ ตร.ม. หรืออยู่ที่ประมาณ 10,000 – 12,000 บาทต่อเดือนสำหรับห้องขนาดเริ่มต้นที่ 24.5 ตารางเมตร เมื่อโครงการแล้วเสร็จคาดว่าราคาปล่อยเช่าเริ่มต้นที่สามารถปล่อยได้จะอยู่ที่ประมาณ 12,000 – 15,000 บาทต่อเดือน เนื่องจากตัวโครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท พระราม 8 มีขนาดห้องสตูดิโอเริ่มต้นที่ 29.5 ตร.ม.
เปรียบเทียบโครงการ
1. Plum Condo Pinklao
ชื่อโครงการ: พลัม คอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน): PS
ทำเลที่ตั้ง: ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า, แขวงบางยี่ขัน, เขตบางพลัด กรุงเทพฯ
พื้นที่โครงการ: 4-0-38 ไร่
รูปแบบ: อาคารชุดพักอาศัยสูง 22 ชั้น 1 อาคาร
จำนวนยูนิต: 968
เว็บไซต์: http://plum.pruksa.com/11689/พลัมคอนโด-ปิ่นเกล้า-สเตชั่น
2. Lumpini Suite Pinklao
ชื่อโครงการ: ลุมพินี สวีท ปิ่นเกล้า (Lumpini Suite Pinklao)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน): LPN
ตำแหน่งที่ตั้งโครงการ: ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า, แขวงบางยี่ขัน, เขตบางพลัด
พื้นที่โครงการ: 3 ไร่ กว่า
ประเภทโครงการ: อาคารชุดพักอาศัยความสูง 21 ชั้น
จำนวนยูนิต: 547 (สำหรับอยู่อาศัย 541 ยูนิต, ร้านค้า 6 ยูนิต)
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 3 ล้านบาท ที่ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม.
ราคาเฉลี่ย: 90,000 บาท/ตร.ม.
ภาพ via: http://www.lpn.co.th/th/portfolio/viewitem.aspx?pid=80
2. The Trust Residences Pinklao
ชื่อโครงการ: เดอะ ทรัสต์ เรสซิเดนซ์ ปิ่นเกล้า (The Trust Residences Pinklao)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เดอะ คอนฟิเดนซ์ จำกัด (ในเครือ ควอลิตี้ เฮ้าส์)
ตำแหน่งที่ตั้งโครงการ: ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า, เขตบางกอกน้อย
พื้นที่โครงการ: 6-2-38 ไร่
ประเภทโครงการ: อาคารชุดพักอาศัยความสูง 30 ชั้น
จำนวนยูนิต: 1,408 ยูนิต
ราคาเริ่มต้น: ประมาณ 2 ล้านบาท ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 29 ตร.ม.
ราคาเฉลี่ย: 70,000 บาท/ตร.ม.
สรุป
โครงการของศุภาลัยส่วนใหญ่มีขนาดเริ่มต้นของห้องชุดที่ใหญ่ซึ่งเป็นจุดเด่นของดีเวลลอปเปอร์รายนี้ ในขณะเดียวกันโครงการขึ้นใหม่ในระดับเดียวกันบนพื้นที่ปิ่นเกล้าส่วนใหญ่มีขนาดเริ่มต้นของห้องที่ประมาณ 24.5 ตร.ม. ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท พระราม 8 ดูเหมือนว่าจะสามารถตอบโจทย์เรื่องการอยู่อาศัยสำหรับทั้งชาวพื้นที่ปิ่นเกล้าเดิมที่ต้องการขยายครอบครัวหรือที่ต้องการแยกตัวออกมาอยู่ส่วนตัวเนื่องจากขนาดของห้องมีให้เลือกหลากหลาย
ด้านวัสดุ, สุขภัณฑ์ และชุดเฟอร์ฯต่างๆ ที่ทางโครงการมอบให้ ถูกจัดมาให้แบบ semi-fully furnished (ลูกค้าสามารถเลือกเป็นส่วนลดแทนได้) ในขณะที่ราคา ณ ปัจจุบันยังถือว่าอยู่ระดับที่น่าสนใจ (56,000 – 60,000 ต่อ ตร.ม.) ซึ่งหากมองในแง่ของการลงทุนถือว่าค่อนข้างน่าลุ้นหากมีเงินเย็นพอในแต่ละเดือนเพื่อจ่ายค่าผ่อนต่องวด สาเหตุที่จะส่งผลให้ราคาขยับขึ้นต่อเรื่อยๆ หลักๆ คือรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินที่การก่อสร้างใกล้คำว่าแล้วเสร็จเข้ามาทุกขณะ และจุดเด่นคือจากที่ตั้งของโครงการสามารถเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจ สาทร – สีลม ได้ค่อนข้างสะดวก
ปิดท้ายด้วยสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้นั่นคือทำเลที่ตั้งของโครงการค่อนข้างอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาทำให้ยูนิตในบางส่วนของโครงการสามารถเห็นวิวสะพานพระราม 8 ที่มีฉากหลังเป็นแม่น้ำเจ้าพระยานั่นเอง
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ