ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ห้องชุดจำนวน 476 ยูนิต พร้อมลานกิจกรรม และลานออกกำลังกายขนาดใหญ่ รองรับการพักอาศัยช่วง Work from Home ได้อย่างลงตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 1.45 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
ปัจจุบันด้วยเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้กำลังซื้อในที่อยู่อาศัยลดน้อยลงเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี ยังคงเหลือกลุ่มดีมานด์ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ยังจ่ายไหว อีกทั้งยังอยู่ใกล้แหล่งงาน สามารถเดินทางไปยังสถานที่สำคัญจากเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกสบาย ซึ่งจากองค์ประกอบดังกล่าวหากจะพูดถึงคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าในตัวเมืองที่ราคาที่ดินสูงลิบลิ่วคงไม่สามารถตอบโจทย์ดีมานด์กลุ่มดังกล่าวได้ เหล่าดีเวล ลอปเปอร์ส่วนใหญ่ที่เน้นพัฒนาโครงการระดับล่าง – ระดับกลางจึงเขยิบออกมาพัฒนาโครงการในทำเลนอกตัวเมือง แต่ก็ยังมีจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางคมนาคมสายสำคัญ รวมไปถึงไม่ไกลกับโครงข่ายรถไฟฟ้า
และหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพในปัจจุบันทั้งในแง่ของราคา กับทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวกสบายนั่นคือบริเวณถนนรัชวิภาอีกหนึ่งทำเลใหม่ ที่อยู่ในรัศมีของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง กับโครงการล่าสุดในย่านนี้อย่าง “ศุภาลัย ปาร์ค รัชวิภา” คอนโดมิเนียมไฮไรส์ติดถนน รัชดาภิเษก ใกล้กับแยกประชานุกูล และยังเชื่อมต่อกับถนนสายหลักอย่าง วิภาวดีรังสิต พหลโยธิน ลาดพร้าว ประชาชื่น งามวงศ์วาน แจ้งวัฒนะ และถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง วงศ์สว่าง ที่ใกล้กับโครงการที่สุดในระยะประมาณ 800 ม. รวมถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วน 2 จุดสำคัญ คือ ด่านรัชดาภิเษก และด่านประชาชื่น นอกจากนี้ยังมีโครงการทางพิเศษสายใหม่ “ศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ” เป็นจุดเชื่อมต่อที่จะเปลี่ยนระบบการคมนาคมจากฝั่งกรุงเทพฯ ไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ให้ครอบคลุมและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: ศุภาลัย ปาร์ค รัชวิภา (Supalai Park Ratchavipha)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน): SPALI
ทำเลที่ตั้ง: ติดถนนรัชดาภิเษก ใกล้แยกประชานุกูล
เว็บไซต์: http://www.supalai.com
โทร: 1720 กด 88
รายละเอียดโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 13 กรกฎาคม 2559)
พื้นที่โครงการ: ประมาณ 9-3-75.3 ไร่
รูปแบบ: คอนโดมิเนียม สูง 30 ชั้น 1 อาคาร 2 ทาวเวอร์ ประกอบด้วยห้องชุด 1,664 ยูนิต ร้านค้า 8 ยูนิต
กลุ่มเป้าหมาย: พนักงานเงินเดือน 25,000 – 50,000 บาท, กลุ่มคนพื้นที่
สถานะการก่อสร้าง: ไตรมาสแรกของ ปี 2560
คาดว่าจะแล้วเสร็จ: ประมาณ ปี 2563
ลิฟท์: ลิฟท์โดยสาร 6 ตัว ลิฟท์บริการ 2 ตัว
ที่จอดรถ: ประมาณ 54.39% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
เปิดขาย: 29-31 กรกฎาคม 2559
เงื่อนไขการชำระเงิน:
Ratchavipha Suite, (s)
รูปแบบห้อง: สตูดิโอ ขนาด 28.5 – 29.0 ตร.ม.
ราคา: 1.60 – 2.00 ล้านบาท
เฟอร์นิเจอร์ + ส่วนลดงวดโอนฯ: เฟอร์นิเจอร์ + 80,000 บาท
ส่วนลดงวดโอนฯ: 160,000 บาท
จอง: 10,000 บาท
ทำสัญญา: 49,000 บาท
ดาวน์: 36 งวด งวดละ 4,900 บาท
Superior Suite, Executive Suite, Deluxe Suite
แบบห้องนอน: 1 ห้องนอน ขนาด 35.0 – 41.0 ตร.ม.
ราคา: 1.93 – 2.55 ล้านบาท
เฟอร์นิเจอร์ + ส่วนลดงวดโอนฯ: เฟอร์นิเจอร์ + 100,000 บาท
ส่วนลดงวดโอนฯ: 200,000 บาท
จอง: 10,000 บาท
ทำสัญญา: 59,000 บาท
ดาวน์: 36 งวด งวดละ 5,900 บาท
Premier Suite, (s), Family Suite, (s)
แบบห้องนอน: 2 ห้องนอน ขนาด 52.5 – 61.0 ตร.ม.
ราคา: 3.10 – 4.23 ล้านบาท
เฟอร์นิเจอร์ + ส่วนลดงวดโอนฯ: เฟอร์นิเจอร์ + 130,000 บาท
ส่วนลดงวดโอนฯ: 260,000 บาท
จอง: 20,000 บาท
ทำสัญญา: 99,000 บาท
ดาวน์: 36 งวด งวดละ 9,900 บาท
ค่าส่วนกลาง: 35 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
เงินกองทุนส่วนกลาง: 350 ต่อตร.ม. (ชำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์: ผู้จะซื้อและผู้จะขาย แบ่งชำระกันคนละครึ่ง
ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า: ผู้จะซื้อเป็นผู้ชำระ
โปรโมชั่น
แถมฟรี เครื่องปรับอากาศ
วอลเปเปอร์
ชุดเฟอร์นิเจอร์ครัว
เครื่องทำน้ำอุ่น
ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย
พิเศษ: สามารถเลือกระหว่าง ส่วนลด + เฟอร์นิเจอร์ครบชุด หรือ ส่วนลดพิเศษ 160,000 – 260,000 บาท (เฉพาะยูนิตที่โครงการกำหนด)
*หมายเหตุ: ราคาและเงื่อนไขข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง ผู้สนใจควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับทางโครงการ
ราคาเริ่มต้น: ราคา 1.44 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 50,000 – 60,000 บาทต่อตร.ม.
รูปแบบห้อง
Ratchavipha Suite ห้อง สตูดิโอ ขนาด 28.5 – 29.0 ตร.ม.
สามารถรับชมห้องขนาด Studio แบบ 360 องศาได้ที่นี่
Superior Suite, Executive Suite, Deluxe Suite 1 ห้องนอน ขนาด 35.0 – 41.0 ตร.ม.
สามารถรับชมห้องขนาด 1 ห้องนอนแบบ 360 องศาได้ที่นี่
Premier Suite, (s), Family Suite, (s) 2 ห้องนอน ขนาด 52.5 – 61.0 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
โครงการศุภาลัย ปาร์ค รัชวิภา เป็นอาคารสูง 30 ชั้น รวมดาดฟ้า จำนวน 1 อาคาร แบ่งออกเป็น 2 ทาวเวอร์ บนเนื้อที่โครงการกว่า 9 – 3 – 75.3 ไร่ ในส่วนของที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษกที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลักหลายสาย อาทิ วิภาวดีรังสิต พหลโยธิน ลาดพร้าว ประชาชื่น กรุงเทพ-นนทบุรี งามวงศ์วาน และแจ้งวัฒนะ รวมทั้งจุดขึ้น-ลงทางด่วน ด่านรัชดาภิเษก และด่านประชาชื่น โดยอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีวงศ์สว่าง (บริเวณแยกวงศ์สว่าง) ประมาณ 700 ม. ภาพรวมด้านการคมนาคมจึงถือว่ามีศักยภาพภาพมาก และครอบคลุมทุกการเดินทาง ในส่วนของที่จอดรถนั้น ทางโครงการจัดสรรพื้นที่จอดรถไว้ 54.39% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร ในแง่ของโครงการที่มีตัวเลือกในการเดินทางทั้งในรูปแบบของขนส่งมวลชน และรถยนต์ส่วนตัว
มาที่ตัวอาคารซึ่งมีความสูง 30 ชั้น 2 ทาวเวอร์ทาวเวอร์ ถือว่าเป็นความสูงที่ค่อนข้างโดดเด่นอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ช่วงใกล้กับทางยกระดับรัชวิภาที่ยังไม่ค่อยมีอาคารสูงมากนัก การออกแบบตัวโครงการเน้นความเป็นธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว ล้อมรั้วโครงการด้วย Green Wall และใช้สี Earth Tone เป็นสีหลักภายนอกตัวอาคาร ทำให้ดูโปร่งโล่ง มีความหรูหราบนการดีไซน์ที่เรียบง่าย
ภายในตัวอาคารเองมียูนิตที่พักอาศัยรวมกันทั้ง 2 ทาวเวอร์ 1,664 ยูนิต ร้านค้าอีก 8 ยูนิต แต่ละชั้นเป็นทางเดินแบบ Double Corridor รูปแบบห้องชุดในแต่ละชั้นคละกัน ตั้งแต่ห้องสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ตำแหน่งของห้องหันออกไปทางทิศตะวันออก (ด้านหลังโครงการ) และทิศตะวันตก (ด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนน)
ในส่วนของห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกจะได้รับแดดยามเย็น แต่ห้องทางฝั่งที่หันไปทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงแดดในช่วงเช้าถึงเที่ยง โครงการจึงเลือกใช้วัสดุกระจกเขียวตัดแสง และมีระบบระบายอากาศ รวมไปถึงสีโทนอ่อนที่ช่วนลดความร้อนในส่วนนี้ได้อยู่พอสมควร
ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ นอกจากยูนิตร้านค้า 8 ยูนิตแล้ว ภายในโครงการยังประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือ สวนส่วนกลาง Roof Garden, Sky Lounge และ Pocket Garden ที่ชั้น 29 ฟิตเนส & ซาวน่า , ห้องเล่นปิงปอง, เลาจน์ & ห้องสมุด, Kids Room & Game Room, ห้องประชุม โดยมีลิฟท์โดยสาร 6 ตัว หรือมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 280 ยูนิตต่อลิฟท์หนึ่งตัว ซึ่งถือว่าเป็นอัตราเฉลี่ยที่มากพอสมควร ในช่วงเช้า-เย็นของวันทำงานหรือในวันหยุดพักผ่อนอาจมีจำนวนผู้ใช้บริการลิฟท์หนานแน่น อาจจะต้องใช้เวลาในการขึ้น-ลงพอสมควร ประกอบกับจำนวนห้องชุดเฉลี่ยประมาณ 30 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งอาจจะดูเยอะไปบ้างหากมองในเรื่องของความเป้นส่วนตัว
ในเรื่องของความปลอดภัยเป็นระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน ประกอบไปด้วยระบบป้องกันอัคคีภัย Smoke & Heat Detector, Fire Alarm, กล้อง CCTV รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และระบบลิฟท์แบบล็อคชั้น
เปิดจอง 29 – 31 กรกฎาคมนี้
โปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดตัว พร้อมรับเครื่องปรับอากาศ วอลเปเปอร์ ชุดเฟอร์นิเจอร์ครัว เครื่องทำน้ำอุ่น และฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย
*หมายเหตุ เลือกรับเฟอร์นิเจอร์ครบชุด + ส่วนลดพิเศษ หรือ ส่วนลดพิเศษ 2 เท่า 160,000 – 260,000 บาท
Floor Plan ชั้น 6 ของ Tower A และ Tower B
ภาพรวมของแปลนที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นเริ่มต้นของยูนิตที่พักอาศัย ทาวเวอร์ A และทาวเวอร์ B ถูกคั่นกลางด้วยสระว่ายน้ำส่วนกลาง ทางเดินเป็นแบบ Double Corridor ซึ่งในแง่ของเป็น single corridor จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า จำนวนห้องชุดเฉลี่ยต่อชั้นของแต่ล่ะทาวเวอร์อยู่ที่ประมาณ 30 ยูนิต ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควรสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
Floor Plan ชั้น 6 (Tower A)
ที่ทาวเวอร์ A ชั้น 6 ประกอบไปด้วยลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์บริการ 1 ตัว ตำแหน่งของโถงลิฟท์อยู่บริเวณตรงกลางของชั้น ยูนิตเฉลี่ยที่ประมาณ 30 ยูนิต สามารถตีออกมาเป็นจำนวนเฉลี่ยคนที่ใช้ลิฟท์ต่อชั้นคือ 10 ยูนิตต่อหนึ่งตัว สำหรับทาวเวอร์ A บริเวณขวาสุดของแปลนชั้น 6 เป็นส่วนกลางฟิตเนสที่ติดกับสระว่ายน้ำ และห้องปิงปอง และห้อง Locker ที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ
Floor Plan ชั้น 7-28 (Tower A)
ที่ชั้น 7-28 ของทาวเวอร์ A เป็นยูนิตที่พักอาศัยทั้งหมด รูปแบบคละกันทั้งห้องแบบสตูดิโอ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน อัตราห้องชุดเฉลี่ยต่อชั้นอยู่ที่ประมาณ 35 ยูนิต
Floor Plan ชั้น 29 (Tower A)
ที่ชั้น 29 มีสวนส่วนกลาง (Pocket Garden) ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตำแหน่งอยู่บริเวณตรงข้ามลิฟท์ จำนวนห้องชุดต่อชั้นอยู่ที่ 31 ยูนิต รูปห้องแบบคละกันทั้งหมด โดยมีห้อง 28.5 ตร.ม. (สีเขียวอ่อน) และห้อง 29 ตร.ม. (สีเขียวเข้ม) อยู่บริเวณใกล้โถงลิฟท์มากที่สุด
Floor Plan ชั้น 6 (Tower B)
มาที่ทาวเวอร์ B ห้องชุดพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 6 เหมือนทาวเวอร์ A ส่วนกลางทางฝั่งทาวเวอร์ B จะมีมากกว่าทางฝั่งทาวเวอร์ A แต่เป็นคนละแนวกัน โดยทางฝั่งทาวเวอร์ A จะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องของการออกกำลังกาย แต่ในฝั่งทาวเวอร์ B จะเป็นเน้นการพักผ่อน ประกอบไปด้วย Lounge & Library Room, Kids Room, Game Room และ Meeting Room โดยมี Locker Room ที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำตรงกลางของแปลนระหว่างทาวเวอร์ A และทาวเวอร์ B
Floor Plan ชั้น 7-28 (Tower B)
ที่ชั้น 7-28 ของทาวเวอร์ B มียูนิตเฉลี่ยต่อชั้นที่ 35 ยูนิตเท่ากับทางฝั่งของทาวเวอร์ A รูปแบบแปลนและยูนิตของห้องมีความคล้ายคลึงกันกับทาวเวอร์ A คือมีห้องขนาด 28.5 ตร.ม. (สีเขียวอ่อน) และห้องขนาด 29.0 ตร.ม. (สีเขียวเข้ม) อยู่บริเวณกลางแปลนของทาวเวอร์ B และมีห้องขนาดใหญ่สุดคือห้อง 61 ตร.ม. (สีกรม) อยู่บริเวณมุมขวาบนของแปลน ระเบียงหันไปทางทิศตะวันออกสามารถรับวิวทางทิศใต้ได้ด้วย และมีห้องขนาด 58 ตร.ม. (สีฟ้า) อยู่ทางมุมขวาล่างของแปลนสามารถรับวิวได้ทั้งทางทิศตะวันตกและทิศใต้ และมีห้องขนาด 55 ตร.ม. (สีชมพูอ่อน) อยู่ทางมุมซ้ายบนของอาคาร B ซึ่งจะสามารับวิวของส่วนกลางสระว่ายน้ำแบบทางมุมหน้าต่างของห้องทิศเหนือ และมีระเบียงหันออกไปรับวิวทางทิศตะวันตก และมีห้องขนาด 52.5 ตร.ม.เป็นสเปคเดียวกันกับแปลนห้องสีชมพูอ่อนแต่หันหน้าระเบียงออกมารับวิวทางทิศตะวันตกหรือทางด้านหน้าโครงการ
Floor Plan ชั้น 29 (Tower B)
ที่ชั้น 29 ของทาวเวอร์ B เป็นสเปคเดียวกับทาวเวอร์ A ตำแหน่งยูนิตมีความคล้ายคลึงกัน อัตราเฉลี่ยยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 31 ยูนิต โดยมีสวนส่วนกลาง (Pocket Garden) อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน สามารถรับวิวทางทิศตะวันออกได้
Unit Layout
Ratchavipha Suite ห้อง สตูดิโอ ขนาด 28.5 ตร.ม.
ห้องชุดขนาดเริ่มต้นที่ 28.5 ตร.ม. ถือเป็นห้อง สตูดิโอ ที่มีขนาดกว้างมากหากเปรียบเทียบกับโครงการในเมืองทั่วไปที่ห้องสตูดิโอส่วนใหญ่มีขนาดประมาณ 21 ตร.ม. ตามขนาดห้องเริ่มต้นที่กฎหมายกำหนด ห้องชุดแบบนี้เป็นห้องแนวยาว มีห้องน้ำหรือห้องครัวอยู่บริเวณหน้าห้อง ห้องยาว 7.20 ม. หน้าห้องกว้าง 3.8 ม. หากไม่รวมกับพื้นที่ห้องน้ำ เปิดประตูเข้ามาจะเป็นทางเดินเข้าห้องรวมพื้นทีเคาน์เตอร์ครัวกว้าง 2.3 ม. พื้นห้องนอนเป็นลามิเนต ส่วนพื้นครัวเป็นกระเบื้องเซรามิก
Ratchavipha Suite ห้อง สตูดิโอ ขนาด 29.0 ตร.ม.
แปลนห้องขนาด 29 ตร.ม. เป็นสเปคห้องแบบเดียวกับห้อง 29.5 ตร.ม. ต่างแค่เพียงห้องแบบหลังมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเข้ามา 0.5 ตร.ม.
Executive Suite 1 ห้องนอน ขนาด 35.0 ตร.ม.
ห้อง Executive Suite 1 ห้องนอนขนาด 35 ตร.ม. เป็นขนาดเริ่มต้นของห้องแบบหนึ่งห้องนอน หน้าห้องกว้าง 4.15 ม. ห้องยาว 6.60 ม. มีส่วนของพื้นที่รับแขกอยู่ทางหน้าห้อง มีห้องครัวเชื่อมต่อกับระเบียง และห้องน้ำเป็นฟังก์ชันแบบห้องน้ำในตัวของห้อง 1 ห้องนอน
Superior Suite 1 ห้องนอน ขนาด 35.0 ตร.ม.
ห้องรูปแบบ Superior Suite 1 เป็นห้อง 1 ห้องนอนที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเท่ากับห้อง Executive Suite 1 ห้องนอน แต่มีความแตกต่างกันที่ฟังก์ชันของห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียง โดยห้องรูปแบบนี้มีพื้นที่นั่งเล่นเชื่อมต่อกับห้องนอนที่มีประตูกั้นห้องเป็นบานกระจกเลื่อน ห้องจะดูโปร่งโล่งกว่าเพราะตัวห้องแบ่งเป็นสัดส่วนระหว่างส่วนพักผ่อนกับห้องน้ำ ห้องครัว และระเบียงอย่างชัดเจน สิ่งที่แตกต่างอีกอย่างคือ ขนาดระเบียงที่เล็กกว่า
Deluxe Suite 1 ห้องนอน ขนาด 41.0 ตร.ม.
Deluxe Suite 1 ห้องนอน ขนาด 41.0 ตร.ม. เป็นห้อง 1 ห้องนอนมีห้องครัวปิดอยู่ทางหน้าห้อง ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มเข้ามาสามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารได้หนึ่งชุด ห้องนอนและระเบียงที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นกว่าแบบห้อง 1 ห้องนอนอื่นๆ ห้องน้ำอยู่บริเวณหน้าห้องเป็นห้องน้ำกลาง ไม่ใช่ห้องน้ำในตัวห้องนอน
Premier Suite 2 ห้องนอน ขนาด 52.5 ตร.ม.
Premier Suite 2 ห้องนอน ขนาด 52.5 ตร.ม. เป็นห้องที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานของพื้นที่นั่งเล่น โดยแบ่งเป็นโซนรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่ โดยการเข้า-ออกระเบียงสามารถเข้าได้จากประตูบานเลื่อนทางห้องครัว และห้องนั่งเล่นเลย ห้องนอนแบ่งออกเป็นห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็ก แต่ก็สามารถจัดสรรเตียงขนาด 6 ฟุตได้ทั้งสองห้อง ในส่วนของห้องน้ำติดอยู่กับฝั่งห้องครัว สำหรับคนที่ชอบห้องที่แบ่งแยกโซนห้องน้ำไว้อีกโซนเลยน่าจะเหมาะกับห้องแบบนี้
Premier Suite (s) 2 ห้องนอน ขนาด 55.0 ตร.ม.
Premier Suite (s) 2 ห้องนอน ขนาด 55.0 ตร.ม. เป็นห้องสเปคเดียวกับ Premier Suite 2 ห้องนอน ขนาด 52.5 ตร.ม. เพียงแต่สลับฝั่งของห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงไปอยู่อีกด้าน และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของห้องให้เพิ่มขึ้นมาที่ 55 ตร.ม.
Family Suite 2 ห้องนอน ขนาด 58.0 ตร.ม.
Family Suite 2 ห้องนอน ขนาด 58.0 ตร.ม. เป็นห้อง 2 ห้องนอนที่เพิ่มฟังก์ชันของห้องน้ำเข้ามาเป็น 2 ห้องน้ำ คือห้องน้ำส่วนกลางที่เชื่อมต่อกับฝั่งห้องครัว และห้องน้ำในตัวของห้องนอนใหญ่
Family Suite (s) 2 ห้องนอน ขนาด 61.0 ตร.ม.
Family Suite (s) 2 ห้องนอน ขนาด 61.0 ตร.ม. เป็นห้องสเปคเดียวกับ Family Suite 2 ห้องนอน ขนาด 58.0 ตร.ม. แต่สลับฝั่งของระเบียง ห้องน้ำกลาง และห้องครัวไปอีกฝั่ง และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยโดยรวมของห้องเข้ามา
พื้นที่บริเวณรอบโครงการ
บริเวณฝั่งขวาของโครงการรั้วโครงการฝั่งนี้อยู่ติดกับโครงการ Soul รัชดาภิเษก 68 เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ซึ่งไม่น่าจะบดบังวิวอะไรทางฝั่งนี้
ทางฝั่งซ้ายของโครงการ รั้วโครงการจะอยู่ติดกับอาคารสำนักงานความสูงไม่เกิน 5 ชั้น หากอยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นที่ 8 ขึ้นไปน่าจะเห็นเป็นวิวที่เปิดโล่ง แต่สำหรับที่ชั้น 6-7 ของห้องที่หันมาทางนี้ อาจจะโดนบังวิวเล็กน้อย เพราะอาคารอยู่ติดกับรั้วโครงการเลย
ส่วนพื้นที่ล้อมรั้วตรงนี้จะเป็นด้านหลังโครงการ เป็นพื้นที่ในการปลูกสร้างของอาคารพักอาศัย วิวโดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเรือนสูงไม่เกิน 3 ชั้น ซึ่งเป็นวิวเคลียร์สำหรับยูนิตพักอาศัยสไตล์คอนโดมิเนียม
ในส่วนนี้เป็นส่วนของด้านหน้าโครงการอยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษก เป็นถนนกว้าง 8 เลน รถวิ่งสวนกัน มีเกาะกลางถนน พื้นที่สองข้างทางร่มรื่นและมีต้นไม้ปลูกตลอดแนว
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
Meeting Room บริเวณ lobby ชั้น 1
สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 25.45 x 10.30 ม.
ห้องออกกำลังกาย ชั้น 6 (Fitness)
Sky Lounge และสวนชั้นดาดฟ้า ชั้น 30
Sauna
ห้องปิงปอง อยู่ชั้น 6
เลาจน์ และห้องสมุด อยู่ชั้น 6
Kid Room อยู่ชั้น 6
Game Room อยู่ชั้น 6
รีวิวห้องตัวอย่าง Ratchavipha Suite ห้อง สตูดิโอ ขนาด 28.5
ห้อง สตูดิโอ ขนาด 28.5 ตร.ม. เป็นห้องแนวยาว หน้าห้องมีขนาดกว้าง 2.3 ม. ห้องแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือบริเวณห้องครัวที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ และอีกหนึ่งส่วนคือห้องนอนที่อยู่ถัดออกไป
ก็อกน้ำของซิงค์ล้างจานเป็นแบบก้านโยก โครงการติดตั้งปลั๊กไฟแบบซ่อนสายไฟให้เป็นแบบสองหัว สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้า
รูปแบบของซิงค์ล้างจานมีที่พักจานขนาดใหญ่สามารถวางจานชามได้ประมาณ 2 ชุด พร้อมกับการออกแบบทางน้ำไหลให้ลงมาสู่ฝั่งซิงค์ล้างจาน
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นห้องน้ำ ประกอบไปด้วยอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และ Shower Box ที่มีฉากกั้นเป็นกระจกใส พร้อม Floor Drain แบบซ่อนพื้น พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิกกันลื่นขนาด 30×30 ซม.
บริเวณฉากกั้นอาบน้ำโครงการทำธรณีกั้นน้ำไหลขึ้นมาประมาณ 2.5 ซม. แบ่งโซนเปียก โซนแห้งอย่างชัดเจน ประตูบานกระจกใสเป็นแบบเลื่อนได้ตอนเดียว
โครงการมอบเครื่องทำน้ำอุ่นให้ตามภาพ พร้อมซ่อนสายไฟใต้ผนังไว้เรียบร้อย ก็อกน้ำของฝักบัวเป็นแบบเลือกน้ำอุ่น-น้ำเย็น ฝักบัวที่โครงการมอบให้เป็นแบบมาตรฐานธรรมดาทั่วไป
พื้นที่ระหว่างผนังห้องน้ำกับโถสุขภัณฑ์ จัดวางในตำแหน่งที่เอื้อประโยชน์ในการเดินเข้า-ออกที่อาบน้ำอย่างสมดุล ทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้น
พื้นห้องครัวเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30×30 ซม. ส่วนพื้นห้องนอนเป็นพื้นไม้ลามิเนต แบ่งแยกโซนห้องได้อย่างชัดเจน
ห้องนอนแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ โซฟาสำหรับนั่งเล่น เตียงนอน มุมโต๊ะทำงาน และระเบียงที่เชื่อมต่อกับห้องนอน
โครงการจัดสรรห้องเป็นไอเดียด้วยโซฟา 2 ที่นั่ง ตั้งอยู่ในตำแหน่งชิดกับผนังห้องและขอบเตียง เพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอยให้สามารถวางโต๊ะกลางของโซฟาได้
ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี ที่อยู่ถัดมาจากเคาน์เตอร์ครัว หากไม่ได้ติดตั้งชั้นวางทีวีสามารถติดตั้งทีวีแบบติดผนังได้เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในส่วนนี้ ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าประตูเป็นระบบเปิดเข้าออกหากเลือกฟังก์ชันตู้เสื้อผ้าที่มีระบบประตูแบบเลื่อนมาไว้แทนจะสามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้เช่นกัน
ตามภาพโครงการจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุต แต่ยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่เชื่อมต่อกับระเบียงจนสามารถวางชั้นข้างเตียงได้ หากเปลี่ยนเป็นเตียงคิงไซส์ ก็ยังสามารถมีทางเดินออกไปสู่ระเบียงได้สบายๆ
บริเวณปลายเตียงถัดมาจากตู้เสื้อผ้ามีโต๊ะทำงานที่หันออกไปทางหน้าต่าง โครงการให้ไอเดียเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว สามารถนั่งทำงานได้ถึง 2 คน
พื้นที่ใช้สอยบนโต๊ะมีขนาดยาวประมาณ 2 ม. สามารถนั่งทำงานหรือนั่งกินอาหารได้อย่างไม่เบียดกัน มุมหน้าต่างมีทั้งบานฟิกซ์และบานกระทุ้งที่สามารถเปิดออกรับลมได้
ภาพบรรยากาศจากมุมโต๊ะทำงานออกไปถึงบริเวณห้องครัว สามารถเดินสวนกันได้เลย โครงการเน้นฟังก์ชันห้องให้มีความกว้าง และสามารถอยู่ในห้อง สตูดิโอ นี้ได้ถึงสองคน
จากห้องนอนสู่ระเบียงมีธรณีประตูเลื่อนกั้นน้ำไหลจากระเบียงในเวลาฝนตก เพื่อป้องกันพื้นห้องเปียก ประตูทางเข้าระเบียงเป็นบานกระจกเขียวตัดแสงวงกบอะลูมิเนียมแบบเลื่อนสองตอน
พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.80 x 0.90 ม. สามารถวางเครื่องซักผ้าขนาดมาตรฐานทั้งแบบฝาหน้าและฝาบนได้สบาย โครงการได้ติดตั้งท่อประปาไว้ให้ พร้อมช่องระบายและท่อน้ำไหลตามภาพ
รีวิวห้องตัวอย่าง Executive Suite 1 ห้องนอน ขนาด 35.0 ตร.ม.
ห้อง 1 ห้องนอนขนาด 35 ตร.ม. เป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสมีผนังกั้นห้องในส่วนของห้องครัว ห้องน้ำ ที่เชื่อมต่อกับระเบียงอีกฝั่ง หน้าห้องแบบนี้กว้างประมาณ 3.5 ม. ไม่รวมพื้นที่ห้องน้ำอีกฝั่งที่กว้างประมาณ 1.65 ม. ด้านในเป็นห้องนอนที่มีประตูกระจกบานเลื่อนสามตอนที่โครงการมอบให้ เพื่อความเป็นส่วนตัว
พื้นที่ใช้สอยในส่วนแรกสามารถวางชุดโซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้ และยังเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะรับประทานอาหารอีก 2 ที่นั่งตามภาพ เป็นฟังก์ชันห้องที่ให้ไอเดียจัดสรรให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ 2 คน
วงกบประตูบานเลื่อนกั้นห้องนอน โครงการติดตั้งให้ งานละเอียดแทบจะเป็นระดับเดียวกับพื้นห้อง เพื่อป้องกันการสะดุดระหว่างเดินเข้า-ออก
ฝั่งตรงข้ามโซฟาเป็นชั้นวางทีวี ทีวีที่โครงการนำมาตั้งในห้องตัวอย่างมีขนาด 32 นิ้ว พื้นที่ข้างชั้นวางจึงสามารถยกตู้เย็นมาตรฐานประตูเดียวมาวางข้างๆ ได้เลย
ทางเชื่อมระหว่างพื้นที่นั่งเล่นไปสู่ห้องครัวเป็นประตูทางเข้าสูงประมาณ 2.20 x 1.00 ม. โครงการติดตั้งประตูกั้นแบบบานเลื่อนตอนเดียวให้ตามภาพ เพื่อกั้นโซนห้องครัวออกจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน
ภายในห้องนอนเป็นห้องสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มาก เนื่องจากโครงการไปเน้นพื้นที่ใช้สอยในห้องนั่งเล่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็สามารถอยู่อาศัยได้สองคนได้โดยไม่เบียดกัน ภายในห้องสามารถเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์โดยสามารถเดินได้รอบเตียง ด้านในเป็นบานกระจกฟิกซ์และบานกระทุ้งที่เปิดรับลมได้ ไม่มีระเบียงเชื่อมต่อในห้องนอนรูปแบบนี้
ถัดมาจากเตียงยังเหลือพื้นที่อยู่ โครงการจัดวางโต๊ะทำงานหนึ่งที่นั่งให้เป็นไอเดีย เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว ชิดกับมุมหน้าต่างของห้องนอน
ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าเป็นประตูแบบเปิด-ปิดต้องใช้รัศมีในการเปิดพอสมควร ผนังปลายเตียงมีปลั๊กไฟ และช่องสัญญาณทีวีที่โครงการมอบให้
พื้นห้องนั่งเล่นเป็นไม้ลามิเนต ส่วนของครัวเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30×30 ซม. ประตูบานเลื่อนระหว่างสองห้องนี้เป็นแบบใช้ผนังช่วยยึดบานประตูไว้จึงไม่มีลางเลื่อนข้างล่างแบบห้องนอน
โถสุขภัณฑ์จัดวางไว้ใกล้กับอ่างล้างหน้า อ่างล้างหน้ามีการซ่อนสายท่อน้ำด้านล่างไว้อย่างสวยงาม ด้านล่างสามารถวางผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำได้
ก็อกน้ำที่โครงการเลือกใช้เป็นของ Cotto เป็นก็อกแบบน้ำอุ่น-น้ำเย็น หากติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นในส่วนนี้ด้วยก็จะสามารถใช้งานได้
บริเวณมุมห้องหน้าห้องน้ำโครงการติดตั้งท่อประปาให้ เพื่อเอาไว้ติดตั้งเครื่องซักผ้าขนาดมาตรฐานตั้งแต่ 60×60 ซม. ขึ้นไป โดยสามารถวางได้ทั้งเครื่องซักผ้าฝาหน้าและเครื่องซักผ้าฝาบน
เคาน์เตอร์ครัวที่โครงการมอบให้มีทั้งชั้นใส่ช้อนส้อมด้านบนและช่องเก็บของด้านล่าง ท็อปด้านหน้าเป็นวัสดุลามิเนตผิวมันดังนั้นการทำครัวจึงควรระวังเรื่องน้ำไหลซึม เพื่อป้องการการบวมของเคาน์เตอร์ครัว
ด้านบนมีชั้นวางของพร้อมช่องวางไมโครเวฟขนาดมาตรฐาน โครงการไม่ได้มอบเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไมโครเวฟและตู้เย็นให้
บริเวณซิงค์ล้างจานมีการติดตั้งปลั๊กไฟสองหัว เพื่อรองรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แต่ไม่ได้ติดตั้งที่ครอบกันน้ำให้
พื้นที่ของเคาน์เตอร์สามารถเตรียมครัวได้สองคนเพราะมีพื้นที่ใช้สอยของท็อปครัวใหญ่กว่าห้องนอน สตูดิโอ สามารถติดตั้ง Hob & Hood โดยยังเหลือพื้นที่เตรียมครัวได้สำหรับห้องครัวของห้อง 1 ห้องนอนขนาด 35 ตร.ม.
ระเบียงมีท่อน้ำไหลพร้อมช่องระบายน้ำแบบกันกลิ่น กั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเขียวตัดแสงแบบตอนเดียวสามารถล็อคได้จากด้านใน
ที่กันตกของระเบียงเป็นฟังก์ชันเดียวกันกับห้องทุกแบบ มีความสูงประมาณ 1.5 ม. พร้อมที่จับเป็นอะลูมิเนียมเคลือบเงา และมีโครงเหล็กสำหรับบดบังคอมเพรสเซอร์แอร์ สำหรับห้องแบบนี้โครงการมอบชั้นแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ให้ถึง 2 ตัว
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเล
ภาพบนถนนรัชดาภิเษกบริเวณทางขึ้น – ลงทางด่วนด่านรัชดาภิเษก
รัชวิภาเป็นทางแยกต่างระดับที่มีจุดตัดเชื่อมต่อถนนสายสำคัญระหว่าง ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนรัชดาภิเษก และถนนกำแพงเพชร โดยมีถนนรัชดาภิเษกเป็นถนนเส้นหลักสำหรับการเดินทาง ซึ่งหากมองในแง่ของศักยภาพทำเลโดยรวมแล้วจุดสำคัญของย่านนี้ก็คือตัวถนนรัชดาภิเษกบริเวณที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับแยกวงศ์สว่างไปจนถึงบริเวณแยกรัชดาภิเษก – วิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนวงแหวนชั้นในที่สำคัญของกทม. ในเรื่องของเส้นทางคมนาคมทางบกอย่างรถยนต์บริเวณนี้เป็นถนนที่มีความกว้างถึง 8 ช่องจราจร (ไป – กลับ 4 เลน) มีทางเท้าทั้งสองฝั่ง และมีที่ดินเหลือสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อยู่พอสมควร จากสภาพภูมิทัศน์จึงเป็นถนนอีกเส้นหนึ่งที่เหล่าดีเวลลอปเปอร์ให้ความสนใจ แต่ยังคงขาดในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ ซึ่งต้องเดินไปในระยะพอสมควร เพราะที่ตั้งโครงการเป็นถนนเส้นสั้นๆ 3 กม. มีแยกถนนปิดหัวปิดท้าย ได้แก่ แยกวงศ์สว่าง และแยกรัชดาภิเษก – วิภาวดีรังสิต ดังนั้นในแง่ของอาหารการกินจึงยังคงต้องพึ่งพาการขับรถจากโครงการออกไป
ด่านผ่านทางพิเศษศรีรัช – วงแหวนรอบนอกตะวันตก
ถึงแม้ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหารการกินในย่านนี้จะมีน้อยกว่าบริเวณอื่นๆ แต่ก็ยังมีข้อดีหลักๆ ในเรื่องของเส้นทางคมนาคมที่ใกล้กับทางด่วนและโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – เตาปูน) ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดอย่างสถานีวงศ์สว่างสามารถเชื่อมต่อไปยัง Interchange ที่เป็นจุดตัดกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงที่บริเวณสถานีบางซ่อน นอกจากนั้นในปลายปีนี้ยังมีโครงการทางด่วนสายใหม่อย่างทางพิเศษศรีรัช – วงแหวนตะวันตกที่มีจุดสิ้นสุดที่บริเวณถนนราชพฤกษ์เกิดขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ดังนั้น ความสะดวกด้านการคมนาคมที่จะเกิดขึ้น ย่อมมีส่วนในการดึงดีมานด์จากบริเวณอื่นๆ เข้ามาบริเวณนี้ ถึงแม้สภาพการจราจรปัจจุบันจะมีขีดแดงในชั่วโมงเร่งด่วน แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในทำเลในแง่ของเส้นทางคมนาคม
หากย้อนกลับไปดูก่อนที่จะมีโครงการรถไฟฟ้าและเส้นทางคมนาคมสายใหม่เกิดขึ้น พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงอยู่พอสมควร ในปี 2554 แต่การพัฒนาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตลอด 5 ปี ช่วยผลักดันให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่หมายตาของบริษัทผู้พัฒนาคอนโดมิเนียม ถึงแม้ที่ตั้งโครงการจะไม่ได้อยู่ติดกับแนวรถไฟฟ้าเสียทีเดียว แต่ก็ยังอยู่ในรัศมีความเจริญที่เป็นจุดเชื่อมต่อ ซึ่งหากนับจุดสำคัญจะถูกแบ่งออกเป็น 3 จุดด้วยกันคือบริเวณ ถนนพระราม 7 – วงศ์สว่าง, ถนนรัตนาธิเบศร์-ติวานนท์ และถนนรัชดาภิเษก – ลาดพร้าว พื้นที่ทั้ง 3 จุดนี้มีส่วนช่วยผลักดันย่านรัชวิภาเป็นอย่างมาก บริเวณพระราม 7 – วงศ์สว่าง และถนนรัตนาธิเบศร์ – ติวานนท์ จะเป็นถนนแนวเส้นรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งถือเป็นทำเลใหม่ที่มีซัพพลายของที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันหากนับจำนวน คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วในปี 2559 ของทั้ง 2 ทำเลนี้ โดยจากสถิติมีการขายยูนิตไปแล้วประมาณ 70% จากทั้งหมด 28,000 ยูนิต โดยหากนำตัวเลขตรงนี้ไปเปรียบเทียบกับยูนิตที่เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปี ถือว่ายังเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก ทำให้การแข่งขันของโครงการส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความคุ้มค่าของพื้นที่ใช้สอยและราคา (ช่วงราคาที่ขายดีคือไม่เกิน 2.5 – 3 ล้านบาท) แม้ตอนนี้ ทำเลนี้จะไม่ได้มีความหวือหวา หรือพลุกพล่านเท่ากับย่านที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าเสียทีเดียว แต่ด้วยความที่ย่านนี้ยังมีที่ดินเหลือพอสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ หากมีโปรเจคใหญ่ๆ หรือโครงการรีเทลที่เอื้ออำนวยความสะดวกสบายต่อการอยู่อาศัยในพื้นที่เกิดขึ้นเชื่อว่าพื้นที่บริเวณถนนรัชดาภิเษก – รัชวิภาจะได้รับความสนใจมากกว่านี้
วิเคราะห์ทำเลที่ตั้งโครงการ
ที่ตั้งโครงการ พิกัด 13.831008, 100.534688
โครงการตั้งอยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับแยกประชานุกูล ฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนวิภาวดีรังสิต โดยบริเวณหน้าโครงการสามารถกลับรถไปทางแยกวงศ์สว่างในระยะทางไม่เกิน 500 ม. สามารถเชื่อมต่อสู่ถนนวิภาวดี – รังสิต ได้ในระยะทาง 2.5 กม. และเชื่อมต่อไปยังแยกพหลโยธิน 3.5 กม. ซึ่งเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นเมเจอร์ รัชโยธิน หรือแหล่งแฮงก์เอาท์ตอนกลางคืนที่มีให้เลือกอย่างมากมาย เขยิบออกมาอีกจากแยกพหลโยธินประมาณ 1.5 กม. ก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยน มอลล์, สวนจตุจักร รวมไปถึงระบบขนส่งมวลชน อย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน (ที่ใกล้ที่สุดคือสถานี พหลโยธิน)
นอกจากนี้ จากโครงการยังสามารถกลับรถและเชื่อมต่อไปสู่แยกวงศ์สว่างได้ โดยกลับรถใต้สะพานและมุ่งหน้าไปประมาณ 700 ม. ก็จะถึงแยกวงศ์สว่าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีวงศ์สว่าง และห่างจาก Interchange บางซ่อน จุดตัดระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดงเพียง 1 สถานี ซึ่งนอกจากการเดินทางโดยรถไฟฟ้าแล้ว การเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวก หากนับจากบริเวณแยกวงศ์สว่าง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการ 700 ม. หากมุ่งตรงข้ามแยกจะไปสู่สะพานพระราม 7 เข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์เชื่อมต่อเข้าสู่ฝั่งธนฯ ได้อย่างง่ายดาย หากเลี้ยวขวาจะเข้าสู่ถนนกรุงเทพ – นนทบุรีมุ่งหน้าไปยังถนนนครอินทร์ – พระราม 5 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งย่านที่รวมแหล่งไลฟ์สไตล์ร้านอาหารริมน้ำได้ หากเลี้ยวซ้ายมาก็จะเข้าสู่ถนนกรุงเทพ – นนทบุรี มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 มีตลาดเตาปูนแหล่งอาหารการกินแบบโลคอลอยู่บริเวณนี้
นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD ของกรุงเทพฯ ได้อย่างรวดเร็วด้วยจุดขึ้น-ลงทางด่วน 2 จุด คือ ด่านรัชดาภิเษก และด่านประชานุกูล นอกจากนั้น บริเวณถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ที่เชื่อมต่อไปยังถนนสามเสนยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการสำคัญๆ ซึ่งแหล่งงานตรงนี้มีระยะทางห่างจากโครงการประมาณ 5 กม. ยังเป็นแหล่งงานที่สำคัญ และประกอบไปด้วยแหล่งพาณิชยกรรม ระบบสาธารณูปโภคที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับคนในพื้นที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงสาธารณสุข, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ ในรัศมี 5 – 10 กม. จากโครงการ ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ ประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น และโรงพยาบาลบางโพ รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทางฝั่งรัตนาธิเบศร์ ก็จะมีเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และไฮเปอร์มอลล์อย่างเทสโก้ โลตัส รัตนาธิเบศร์ และบิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ ส่วนไฮเปอร์มอลล์ที่ใกล้โครงการที่สุดก็คือ บิ๊กซี วงศ์สว่าง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแยกวงศ์สว่าง หากนับทางโซนราชพฤกษ์ซึ่งถือว่ายังไม่เกินระยะ 10 กม. ก็จะมี The Crystal ราชพฤกษ์, The Walk ราชพฤกษ์ ที่ตอบโจทย์ไลฟท์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในย่านนี้ได้
การเดินทาง
จากถนนพระราม 9 – รัชดาภิเษก
จากถนนรัชดาภิเษกบริเวณแยกพระราม 9 – ดินแดง สามารถมุ่งตรงขึ้นมาทางฝั่งถนนพหลโยธิน ตามเส้นรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ประมาณ 5 กม. จะถึงแยกลาดพร้าว มุ่งตรงไปอีกประมาณ 3 กม. จะเจอแยกพหลโยธิน ให้ตรงข้ามแยกไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 3 กม. และกลับรถสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง ตรงมาไม่เกิน 600 ม. ก็จะพบกับตัวโครงการ หมายเหตุ* ระหว่างแยกลาดพร้าวมาถึงแยกพหลโยธินการจราจรจะหนาแน่นมากหากหลีกเลี่ยงได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่มเป็นต้นไปแนะนำให้ใช้เส้นทางอื่น
จากทางสะพานพระราม 7
หากมาจากสะพานพระราม7 มุ่งตรงไปโดยขึ้นสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง ลงสะพานซิดซ้าย มุ่งตรงไปประมาณ 300 เมตร จะเห็นสำนักงานขายและที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
จากทางด่วนพิเศษศรีรัชทางขึ้นด่านยมราช
หากเดินทางโดยใช้ทางด่วนพิเศษศรีรัชให้มุ่งตรงตามป้ายถนนรัชดาภิเษกไปเรื่อยๆ จนเจอป้ายทางออก น. 2 – 08 แล้วให้เตรียมเบี่ยงซ้ายลงที่ถนนรัชดาภิเษกจากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้าไปประมาณ 1 กม. จะเจอทางกลับรถใต้สะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง ตรงไปอีกไม่เกิน 600 ม. ก็จะเจอสำนักงานขายของโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
Lizm 300 ม.
รพ.เกษมราษฎร์ 600 ม.
บิ๊กซี วงศ์สว่าง 700 ม.
ตลาดสดบางซ่อน 1.7 กม.
สยาม ยิปซี มาร์เก็ต 1.7 กม.
ตลาดบองมาเช่ 2.6 กม.
เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น 3.2 กม.
เมเจอร์รัชโยธิน 3.5 กม.
เซ็นทรัล ลาดพร้าว 4.6 กม.
ยูเนี่ยนมอลล์ 5 กม.
รับลมริมน้ำ 5.3 กม.
สวนจตุจักร5.5กม.
Siam 77 5.8 กม.
พะนะคอน 5.8 กม.
โอยั๊วะ 6.9 กม.
สวนรถไฟ 7.5 กม.
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตรผลตอบแทนที่จะได้รับ
สำหรับโครงการศุภาลัย ปาร์ค รัชวิภา ถือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ที่ครบเครื่องทางด้านการคมนาคม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัว ถึงแม้จะห่างจากรถไฟฟ้าสถานีวงศ์สว่างประมาณ 700 ม. แต่ก็ถือว่าเป็นระยะที่หากเดินอาจจะเหงื่อซึมสักหน่อย ต้อง ใช้บริการขนส่งมวลชน อาทิ รถเมล์ มอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ ในราคาเริ่มต้นประมาณ 20 – 50 บาท ซึ่งหากนำไปเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่แพงมากและมีความคุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อที่ต้องการอยู่อาศัยเองหรือผู้เช่า โดยมีอัตรเช่าของเริ่มต้นอยู่ที่ 8,000 – 10,000 บาท/ เดือน สำหรับห้องขนาดเริ่มต้นที่ 28.5 ตร.ม. โดยเป็นราคาที่รวมค่าส่วนกลาง ซึ่งถือว่ามีความคุ้มค่ามากสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ละแวกนั้น โดยได้พื้นที่ของห้องขนาดเริ่มต้นที่ใหญ่พอสมควร
ในแง่ของการลงทุนยังคงเป็นโครงการที่มีอัตราการแข่งขันที่สูงจากยูนิตที่มีกว่า 1,664 ยูนิต แต่ก็ได้เปรียบจากจำนวนดีมานด์ในพื้นที่ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในระดับมนุษย์เงินเดือนที่สามารถจ่ายได้ จำนวนอัตราการว่างของห้องอาจจะมีว่างสักระยะ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ขาดทุนในระยะยาว ดังนั้นโครงการนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีอาณาเขตการใช้ชีวิตระหว่างพระราม 7 – วงศ์สว่าง-รัตนาธิเบศร์-ติวานนท์ และกลุ่มดีมานด์จากโซนลาดพร้าวที่สามารถเดินทางไปมาในการทำงานได้สะดวก และต้องการที่อยู่อาศัยที่มีราคาเหมาะสมกับตนเอง
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
เดอะนิช โมโน รัชวิภา (The Niche Mono Ratchavipha)
เจ้าของโครงการ: บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: สี่แยกประชานุกูล
พื้นที่โครงการ: 6-1-52.6 ไร่
ลักษณะโครงการ: อาคารที่พักอาศัย 27 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 840 ยูนิต Building A : 528 ยูนิต / Building B : 312 ยูนิต
รูปแบบห้องนอน: 1 ห้องนอน 30.08-39.57 ตร.ม., 2 ห้องนอน 53.49-62.23 ตร.ม.
ที่จอดรถ: 55% รวมจอดซ้อนคันแล้ว
ราคาเริ่มต้น: 2.18 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 70,000-80,000 บาทต่อตร.ม.
ยู ดีไลท์ รัชวิภา ( U Delight Ratchavibha)
เจ้าของโครงการ: บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด
ที่ตั้งโครงการ: ถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามวัดเสมียนนารี เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
พื้นที่โครงการ: 6-0-69 ไร่
ลักษณะโครงการ: อาคารพักอาศัยสูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องชุด 880 ยูนิต
รูปแบบห้องนอน: 1 ห้องนอน ขนาด 30.4 – 52 ตร.ม., 2 ห้องนอน ขนาด 51.5 – 66.5 ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: 2.3 – 2.5 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 80,000 บาทต่อตร.ม.
สรุป
บทสรุป
โครงการ ศุภาลัย รัชวิภา ถือเป็นหนึ่งโปรดักส์ที่เข้ามาจับกลุ่มตลาดระดับกลาง-ล่าง โดยมอบขนาดพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าโครงการอื่นๆ ในย่านเดียวกัน โดยในช่วงเปิดตัว โครงการมาพร้อมกับ โปรโมชั่น ซึ่งมีความน่าสนใจในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำและกำลังซื้อมีน้อยลง
หากวิเคราะห์ออกมาเป็น SWOT จุดแข็งที่สุดของตัวโครงการเองก็คือเป็นหนึ่งในโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อตัวเมืองได้ง่าย และที่น่าสังเกตคือในรัศมี 500 เมตรรอบโครงการไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมเลย จึงถือเป็นโครงการที่ไม่มีคู่แข่งมากนักในย่านนี้ ทำเลที่ตั้งโครงการสามารถดึงดีมานด์จากพื้นที่โดยรอบเข้ามาได้โดยยังคงความสะดวกในเรื่องการเดินทาง
แต่ด้วยความที่เป็นโครงการแรกๆ ที่มาพัฒนาในบริเวณนี้ ทำให้จะค่อนข้างหาร้านอาหาร หรือร้านสะดวกซื้อได้ยาก เพราะด้วยความเป็นย่านที่ยังไม่มีคนอยู่พลุกพล่าน จึงยังไม่มีคนมาเปิดร้านรวงให้บริการ แต่ภายในโครงการมีส่วนของยูนิตร้านค้ารวม 8 ยูนิต เชื่อว่าจะมีคนมาเปิดร้านสะดวกซื้อหรือของชำเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านภายในโครงการได้ระดับหนึ่ง
ในส่วนของโอกาสในอนาคตอันใกล้จะมีการเปิดใช้ทางด่วนพิเศษสายใหม่อย่าง ทางพิเศษ ศรีรัช – วงแหวนตะวันตกกรุงเทพมหานคร ก็จะช่วยดึงกำลังซื้อจากพื้นที่อื่นๆ เข้ามา นอกจากนั้น รอบๆ โครงการยังมีพื้นที่เปล่าที่สามารถพัฒนาโครงการใหม่ๆ อีกได้ ซึ่งหากมีโครงการเพิ่มขึ้นในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม หรือรีเทล ก็จะช่วยให้ย่านนี้มีความคึกคักมากขึ้น เพราะย่านนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีวงศ์สว่างนัก และถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญของกรุงเทพมหานครเส้นหนึ่ง
อุปสรรคภายนอก ต้องบอกว่าโครงการเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนใหญ่อย่างถนนรัชดาภิเษก ในเรื่องของอุปสรรคทางการคมนาคมคงไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นน่ากังวล ด้วยแบรนด์ของศุภาลัยที่เน้นในเรื่องของส่วนกลางที่อัดแน่นในโครงการกับราคาที่ไม่แพงมากเป็นหลักแล้ว ก็สามารถตอบโจทย์ดีมานด์ที่มีกำลังซื้อในระดับพนักงานที่มีเงินเดือน 30,000 – 50,000 บาทได้ในระดับหนึ่ง
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ